บทที่ 635 งานแต่ง (2)
บทที่ 635 งานแต่ง (2)
เมื่อถังซวงกลับไปมหาวิทยาลัยอีกครั้งก็นำบัตรเชิญแจกให้ต้วนเฟิ่งหยิง เจียนหวานหว่าน และเหยาหง “ถ้าพวกเธอมีเวลาก็อย่าลืมมาร่วมงานนะ”
เจียนหวานหว่านมองบัตรเชิญสีแดงมงคลในมือของเธอ และกล่าวด้วยความรู้สึกอิจฉา “ถังซวง ยินดีด้วยจริง ๆ นะ ในที่สุดเธอกับโม่เจ๋อหยวนก็จะได้แต่งงานกันแล้ว”
ต้วนเฟิ่งหยิงที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกอิจฉาเช่นกัน
“ใช่ อิจฉาพวกเธอจริง ๆ ขนาดพบเจอผู้คนมากมาย แต่ความสัมพันธ์ก็ยังดีมาตลอด นี่เรียนจบก็จะแต่งงานทันที ดีจริง ๆ เลย”
เหยาหงพยักหน้าและกล่าวตาม “ใช่ ยินดีกับพวกเธอด้วยจริง ๆ นะ ฉันจะไปงานแต่งแน่นอน”
“พาฉีเสียนกับเสี่ยวซีมาด้วยนะ”
เหยาหงได้ยินก็รีบพยักหน้า “จ้ะ เราสามคนจะไปร่วมงานด้วยแน่นอน”
ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านต่างรับปากว่าจะไปร่วมงานอย่างแน่นอน
จากนั้นถังซวงก็ส่งบัตรเชิญให้เปาลี่ผิงและเฉินกวงหยาง และแม้แต่ผู้เฒ่าฉีก็ด้วย แต่ถังซวงคิดว่าท่านคงมาไม่ได้ เพราะผู้เฒ่าฉีก็อายุมากแล้ว
ด้านโม่เจ๋อหยวนเองก็เชิญคนมาไม่น้อย
นอกจากแขกที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเชิญ คุณชายจิงและผู้เฒ่าโม่ยังได้เชิญญาติและเพื่อน ๆ ของพวกเขา รวมถึงฝั่งของจิงเจ้อหรงและถังหลาน และฝั่งทางโม่ถิงฮวาและหลินเหม่ยเจินด้วย จำนวนแขกที่เชิญมาในงานจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ส่วนแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็พยายามหาทุกทางที่จะเข้าร่วมงานให้ได้
ถังซวงไม่ค่อยแน่ใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก ตอนนี้เธอและโม่เจ๋อหยวนกำลังเตรียมตัวเรื่องเรียนจบอย่างหนัก ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ผู้สำเร็จการศึกษาจะต้องเตรียมทำวิทยานิพนธ์ ดังนั้นเธอและโม่เจ๋อหยวนจึงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเสร็จสิ้น แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนมีความรู้เฉพาะทางที่แน่นมาก จึงสามารถทำให้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่ทั้งสองสะสางทุกอย่างจนเสร็จ ทั้งคู่ก็สำเร็จการศึกษาได้ด้วยดี
ถังซวงถือประกาศนียบัตรด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกตื้นตัน “เราเรียนจบกันแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมากจริง ๆ นะคะ”
“ใช่ เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ”
โม่เจ๋อหยวนเองก็รู้สึกตื้นตันเช่นกัน ตอนแรกเขาไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะกลับมาสอบจบมัธยมปลาย พอสอบจบได้ พวกเขาก็พยายามอย่างมากเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย และเพียงพริบตาเดียวก็สำเร็จการศึกษา
ผ่านไปครู่หนึ่งโม่เจ๋อหยวนก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก ตอนนี้ในหัวเขาคิดแค่เรื่องตัวเองกำลังจะได้แต่งงานกับถังซวงเท่านั้น
“ซวงเอ๋อร์ เราจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้แล้วนะ ครอบครัวของเราก็พร้อมกันหมดแล้ว และฝั่งพ่อแม่ของเราก็น่าจะพร้อมกันหมดแล้วเหมือนกัน”
ถังซวงได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองโม่เจ๋อหยวนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว พี่ไม่ต้องใจร้อนหรอก”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้ายอมรับทันที “อืม ฉันคงร้อนใจจริง ๆ นั่นแหละ”
ทั้งสองพูดคุยเล่นกันไปจนถึงบ้านเก่าตระกูลจิง
ทุกคนทราบกันหมดแล้วว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนจบการศึกษาแล้ว ด้วยเหตุนี้ตอนเย็นจึงจัดงานเลี้ยงฉลองให้ทั้งสองคน หลังจากที่ทานเสร็จ โม่เจ๋อหยวนกลับอยากจะอยู่ค้าง แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขากับซวงเอ๋อร์ใกล้ที่จะแต่งงานกันแล้ว หากค้างคืนคงจะดูไม่ดีนัก
โม่เจ๋อหยวนคิดสับสนอยู่ไม่นานก็ถูกเฟิงเยี่ยหานลากตัวเดินออกไป
“พี่เขย พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
โม่เจ๋อหยวนไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไร ก็ถูกเฟิงเยี่ยหานลากตัวออกไปข้างนอกแล้ว
“เฟิงเยี่ยหาน พี่ลากผมทำไมเนี่ย ผมจะอยู่ค้างที่นี่”
เฟิงเยี่ยหานได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตามองโม่เจ๋อหยวนและกล่าวว่า “นายคิดว่าพ่อแม่เขาจะยอมให้นายอยู่ค้างหรือไง”
โม่เจ๋อหยวนได้ยินเฟิงเยี่ยหานเรียกพ่อแม่และเรียกเขาว่าพี่เขยเมื่อครู่นี้อย่างสนิทสนม ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก เขาไม่คิดว่าเฟิงเยี่ยหานจะหน้าหนาขนาดนี้ จิงเจ้อหรงบอกตั้งหลายครั้ง เขาก็ยังไม่เปลี่ยนคำที่ใช้เรียก สุดท้ายจิงเจ้อหรงก็คร้านที่จะพูด เฟิงเยี่ยหานจึงเรียกพวกท่านว่าพ่อแม่เรื่อยมา
“เอาเถอะ ในเมื่ออยู่ไม่ได้ก็แยกย้ายกันกลับ”
เฟิงเยี่ยหานเรียกดักโม่เจ๋อหยวนเอาไว้และเอ่ยถามว่า “นายว่า… ถ้าฉันขอพ่อกับแม่ให้ฉันแต่งงานกับเสี่ยวเซวี่ยเร็วขึ้น นายคิดว่าพวกเขาจะยอมตกลงไหม?”
“ไม่มีทาง”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “ผมก็กำลังจะแต่งงานกับซวงเอ๋อร์อยู่แล้ว พ่อแม่คงไม่อยากรีบเห็นเสี่ยวเซวี่ยแต่งงานไปอีกคนหรอก เพราะฉะนั้นพี่อย่าคิดเพ้อฝันเลย เป็นไปไม่ได้หรอก”
เฟิงเยี่ยหานได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะจ้องหน้าโม่เจ๋อหยวนและกล่าวว่า “นายคงมีความสุขมากสินะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
โม่เจ๋อหยวนเห็นสีหน้าดูไม่ได้ของเฟิงเยี่ยหานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากนั้นก็กลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
เฟิงเยี่ยหานรู้ดีว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังจะแต่งงานแล้ว เขาจึงไม่ควรที่จะพูดถึงเรื่องของตนและเสี่ยวเซวี่ย เพราะเหตุนี้เขาจึงได้แต่ช่วยงานเพียงอย่างเดียว และอดทนไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น
ถังหลานเห็นเฟิงเยี่ยหานช่วยธุระงานแต่งของถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอย่างขะมักเขม้น ความประทับใจของเธอต่อเขาก็ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงพูดคุยยิ้มแย้มกับเขาทุกวัน
แม้ว่าเฟิงเยี่ยหานจะพูดไม่เก่ง แต่พอเป็นคนตระกูลจิง เขาจะกระตือรือร้นตลอด ดังนั้นถังหลานจึงได้พูดคุยกับเฟิงเยี่ยหานอยู่บ่อยครั้ง
คนในครอบครัวเตรียมพร้อมกันดีมาก จนกระทั่งถึงวันแต่งงานของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น
วันที่ 9 เดือนธันวาคม
ถังซวงตื่นตั้งแต่เช้ามืด เธอมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
เธอกำลังจะแต่งงานแล้ว
หลังจากผ่านวันนี้ไปเธอก็จะกลายเป็นภรรยาของโม่เจ๋อหยวน แต่เธอกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก ทั้งรู้สึกประหม่าขึ้นมา จนตัวเธอเองก็รู้สึกแปลกใจ