ตอนที่ 252 นกขมิ้น
บนกระดาษมีเพียงประโยคเดียว บอกร่องรอยฮองเฮาต่อกู้ชางป๋อ
เพียงประโยคเดียวสั้นๆ ก็เพียงพอให้ทั้งสองคนในที่นั้นรู้ได้ถึงความสัมพันธ์ของตงเซิงกับจวนกู้ชางป๋อ
กู้ชางป๋อรู้ข่าวของฮองเฮาซินก็ส่งคนไปลอบสังหารฮองเฮาซิน และข่าวนี้มาจากโจวทง โจวทงได้ยินจากเหมียวซู่ซู่ผู้เป็นภรรยาว่าสงสัยจะได้พบกับฮองเฮาซิน ก็ไปรายงานต่อกลุ่มอิทธิพลตงเซิง แล้วทางกลุ่มอิทธิพลตงเซิงจึงค่อยจัดการให้เรื่องนี้ไปถึงกู้ชางป๋อ กล่าวง่ายๆ ก็คือกู้ชางป๋อคือดาบที่สังหารฮองเฮาซิน กลุ่มอิทธิพลตงเซิงก็คือคนกุมดาบ
ในใจซินโย่วสะเทือนรุนแรงอย่างไม่อาจควบคุม จดหมายที่โจวทงทิ้งเอาไว้ทำให้แน่ใจได้แล้วว่าคนที่สังหารท่านแม่ไม่ได้มีเพียงแค่กู้ชางป๋อ
เห็นบรรดาคนที่ยึดชิ่งอ๋องเป็นศูนย์กลางอำนาจถูกลงโทษ ในใจก็นางคิดจากไปแล้ว แต่ในยามนี้รู้สึกสะเทือนจิตใจจนไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป นางไม่อาจคุมสติให้สงบนิ่งลงได้ชั่วคราว ความเจ็บปวดรุนแรงพร้อมกับความโกรธคุกรุ่นปกคลุมไปทั่วทุกอณู
ที่แท้ คนที่สังหารท่านแม่มิได้มีเพียงกู้ชางป๋อ
ที่แท้ ยังมีคนอีกมากที่หวังให้ท่านแม่ตาย
ทำไม
ถือสิทธิ์อันใด
ซินโย่วสาบานว่าจะต้องหาคำตอบให้ได้ ในฐานะบุตรี นางไม่อาจให้มารดาตายไปอย่างคลุมเครือ ปล่อยให้ผู้ที่ทำร้ายมารดานางลอยนวล
แสงจากตะเกียงทองแดงริบหรี่มาก มือที่ถือไว้สั่นไหวทำให้แสงโดยรอบยิ่งซัดส่ายเลือนราง เผยให้เห็นใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาว
แววตาเฮ่อชิงเซียวฉายแววเป็นห่วง
คิดว่าแก้แค้นได้สำเร็จ ที่แท้ยังมีผู้บงการเบื้องหลังตกหล่น เป็นความรู้สึกที่ยากทนรับยิ่ง
ในห้องของวางระเกะระกะท่ามกลางแสงสลัว มีเพียงแสงริบหรี่จากตะเกียงทองแดงดวงน้อยส่องสว่างทั้งสองคน ด้านนอกห้องเงียบมาก ในห้องก็เงียบมาก เพราะใกล้กันเกินไป เขาจึงรู้สึกได้ถึงกระแสเจ็บปวดรวดร้าวของนางม้วนหอบเอาเขาเข้าไปด้วย
ยามอารมณ์อยู่เหนือสติปัญญา เฮ่อชิงเซียวพลันตั้งสติได้ เขายกมือกุมมือที่ถือตะเกียงของนางเอาไว้
ในที่สุดแสงตะเกียงก็ไม่ส่ายไหวอีก
ซินโย่วควบคุมอารมณ์ที่ซัดส่ายของตนเองได้แล้วก็มองมือชายหนุ่มที่กุมมือนางไว้เงียบๆ
“ใต้เท้าเฮ่อ?”
เฮ่อชิงเซียวรับตะเกียงทองแดงมาถือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้สงบนิ่งดังเดิม “ข้าถือเอง”
ซินโย่วปล่อยมือ ความคิดทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่กระดาษเหล่านั้น เอ่ยขึ้นเบาๆ “ตงเซิงคือผู้ใดกันแน่?”
“กำลังตรวจสอบอยู่ คุณหนูโค่วอย่าได้ร้อนใจไป บางทีอีกสองสามวันก็ตรวจสอบพบแล้ว”
ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย พลิกกระดาษไปมา “เหตุใดโจวทงซ่อนจดหมายเหล่านี้ไว้มิดชิดเช่นนี้” วันนี้ข้าได้ยินจากท่านยายท่านหนึ่งว่ามีขโมยลอบเข้าบ้านตระกูลจี้ เพื่อสิ่งนี้หรือ”
ตามคำในจดหมาย เหนือตงเซิงขึ้นไปยังมีเจ้านายอีก แต่ไม่ว่าสถานะตงเซิง หรือคนสถานะเหนือเขาขึ้นไป ในจดหมายก็มิได้เปิดเผย
“โจวทงทำเช่นนี้ บางทีคงเป็นห่วงว่าวันหน้าอาจถูกฆ่าปิดปาก จึงเก็บจดหมายไว้เป็นหลักฐานข่มขู่อีกฝ่าย”
ซินโย่วมองจดหมายเหล่านั้นแล้วก็มีสีหน้าหนักใจ “หากเป็นเช่นนี้ จดหมายเหล่านี้ย่อมเป็นเบาะแสเปิดโปงสถานะอีกฝ่ายได้”
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าแสดงท่าทีเห็นด้วย “ที่นี่แสงไฟไม่พอ ต้องมีอันใดยังดูไม่ละเอียด พวกเรานำจดหมายกลับไปค่อยๆ ศึกษากัน”
“เอ่อ ใต้เท้าเฮ่อ ให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรตรวจสอบการตายจองมารดาจี้ไฉ่หลันอีกครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียววางตะเกียงทองแดงลงพื้น เก็บจดหมายไปเอ่ยไปว่า “เดิมคิดว่าจะส่งข่าวให้เจ้าพรุ่งนี้ ข้าสั่งคนไปแอบสืบแล้ว มารดาจี้ไฉ่หลันตายเพราะเสมหะติดหลอดลมจริง ก่อนตาย อารมณ์นางรุนแรงมาก ด่าว่าหลานสาวว่าน้องชายนางถูกเหมียวซู่ซู่ฆ่าตาย”
“ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อเจ้าค่ะ”
มองดูสาวน้อยกล่าวขอบคุณด้วยท่าทีนิ่งสงบ เฮ่อชิงเซียวอดถามไม่ได้ว่า “คุณหนูโค่ว จากนี้ไปมีแผนการอย่างไรต่อ”
ซินโย่วหลุดหัวเราะออกมา “ใต้เท้าเฮ่อถามคำถามนี้กับข้าเป็นครั้งที่สองแล้ว”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบครู่หนึ่งก็เอยความคิดในใจออกมาว่า “ตอนถามคุณหนูโค่วครั้งแรก ข้าเดาว่าบางทีคุณหนูโค่วอาจจะไปจากเมืองหลวง”
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ตอนนั้นเขาไม่ได้ถามมาก
แม้ว่าเขารู้แล้วว่าตนเองมีใจต่อคุณหนูโค่ว แต่กลับยินดีที่จะเห็นนางสยายปีกโบยบินไปจากสถานะที่อันตรายและวุ่นวายเช่นเมืองหลวงนี้มากกว่า
หญิงสาวเช่นคุณหนูโค่วเหมาะกับอิสรเสรี
ซินโย่วจ้องมองเฮ่อชิงเซียวนิ่งลึกทีหนึ่ง
ความรู้สึกพลุ่งพล่านเพียงเล็กน้อยที่ผิดหวังเพราะเดิมคิดว่าตนเองได้แก้แค้นแล้ว ถูกเขามองออกหรือ
เขาเลือกที่จะไม่ถาม น่าจะเพราะรู้สึกว่าไปจากเมืองหลวงได้จะดีที่สุด
เพียงแต่น่าเสียดาย ในที่สุดนางจำต้องพาตนเองลงสู่น้ำครำนี้ นางไม่ควรให้ความหวังเขา
“จากนี้ก็จะทุ่มเทกำลังทั้งหมดตามหาตัวตงเซิงให้พบ”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าจริงจัง “หาตัวตงเซิง เป็นหน้าที่ของข้าในฐานะผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน คุณหนูโค่วอย่าได้ร้อนใจไป พวกเราค่อยๆ ก้าวเดินกันไป”
“ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อเจ้าค่ะ”
เฮ่อชิงเซียวเองก็หลุดหัวเราะ “คุณหนูโค่วเอาแต่กล่าวขอบคุณข้า”
ซินโย่วมองไปทางเฮ่อชิงเซียวด้วยแววตาลุ่มลึกกว่าปกติ เพียงแต่แสงสลัวบดบังความผิดปกตินี้เอาไว้ “การได้รู้จักกับใต้เท้าเฮ่อและได้รับความช่วยเหลือจากใต้เท้าเฮ่อมาตลอด เดิมก็ควรกล่าวขอบคุณ”
ด้วยสถานะคุณหนูโค่ว ที่นางทำได้ก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น การต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่น แม้ว่าคนผู้นี้คือใต้เท้าเฮ่อ ก็ไม่อาจทำให้นางรู้สึกสบายใจได้
“ไปจากที่นี่ก่อนเถอะ” เฮ่อชิงเซียวเสนอ
“อืม” ซินโย่วถือตะเกียงขึ้นส่องไปยังด้านบนกล่อง
“หากคุณหนูโค่วเชื่อใจ ข้าขอนำจดหมายเหล่านี้ไปก่อน กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมีความสามารถในการสืบสวน บางทีอาจพบอันใด”
ซินโย่วก็มิได้ดึงดัน “รบกวนใต้เท้าเฮ่อแล้ว”
ทั้งสองคนเดินอ้อมกองของระเกะระกะ อาศัยค่ำคืนมืดมิดออกจากตระกูลจี้เงียบๆ
ผ่านไปสองวัน ซินโย่วก็ได้พบกับเฮ่อชิงเซียวอีกครั้ง
ในห้องรับรองสว่างไสว เห็นลวดลายแต่ละเส้นบนกล่องยาวได้กระจ่างชัด จดหมายที่ได้รับการจัดการเรียบร้อยก็มาอยู่ในมือซินโย่ว
ซินโย่วเห็นตราประทับที่มุมกระดาษจดหมายของทั้งสองฉบับ พอเพ่งมองละเอียด ก็คล้ายว่ามีอักษร คำว่า ‘จวิน’ ที่รูปอักษรเปลี่ยนไป
“หรือว่าจะเป็นอักษร ‘จวิน’”
“น่าจะใช่ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอักษรจวินหมายถึงสิ่งใด”
ชื่อ? สถานะ? หรือเรื่องอื่น
คาดเดาจากอักษรเพียงแค่ตัวเดียว ทำอันใดไม่ได้
“คนที่สนิทกับถงจู่ซื่อ[1] มีชื่อตงเซิงไหม หรือว่าตัวเขาเองก็คือตงเซิงหรือไม่”
เทียบกับอักษร ‘จวิน’ ในจดหมายที่โจวทงทิ้งไว้ อย่างน้อยแน่ใจได้ว่าตงเซิงเป็นชื่อคน
เฮ่อชิงเซียวส่ายหน้า “ตอนนี้ยังสืบไม่พบตงเซิง อาจเป็นไปได้ว่าตอนคนผู้นี้เขียนจดหมายติดต่อกับโจวทงจะใช้ชื่อสมมติ”
หลังจากผ่านการปรับอารมณ์มาได้สองสามวัน จิตใจซินโย่วก็ดีขึ้นมาก
นางมักเป็นเช่นนี้ ยามมีทางเลือก บางทีก็จะลังเล ทันทีที่ไร้ทางเลือก ก็จะมุ่งตรงไปอย่างไร้ความหวาดกลัว
“ใต้เท้าเฮ่อ”
เฮ่อชิงเซียวฟังน้ำเสียงจริงจังของซินโย่วอออก จึงวางแก้วชาที่เพิ่งยกขึ้นมาลง “คุณหนูโค่วเชิญกล่าว”
“ท่านจะมอบจดหมายพวกนี้ให้ฝ่าบาทหรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “ย่อมกราบทูล”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมีอำนาจลงทัณฑ์สอบสวนคดีเองได้โดยไม่ต้องผ่านสามศาล ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ แต่มิได้หมายความว่าไม่ต้องผ่านแม้แต่ฮ่องเต้ เพราะอำนาจพิเศษนี้กล่าวตามตรงก็คืออำนาจที่ฮ่องเต้พระราชทาน รายงานฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เป็นเรื่องจำเป็น มีเพียงแค่จะรายงานยามใดเท่านั้น
ซินโย่วรู้คำตอบนี้นานแล้ว ความจริงที่นางคิดเอ่ยก็คือ “ใต้เท้าเฮ่อรออีกสักพักได้หรือไม่”
ไม่รอให้เฮ่อชิงเซียวถาม นางก็เอ่ยออกมาก่อนว่า “รอให้คนเหล่านั้นถูกประหารก่อน”
ป้องกันไม่ให้คนผู้นั้นลังเลเพราะมีเหตุการณ์ใหม่ ปล่อยไว้นานอาจเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงได้
[1] จู่ซื่อเป็นตำแหน่งขุนนางระดับหก ชั้นหนึ่งในกรม มีหน้าที่จดบันทึกทั่วไป