ตอนที่ 558 ทยอยมากันอย่างไม่ขาดสาย(1)
เมื่อคุณนายเซี่ยเห็นฉินมู่หลานพูดกับตนแบบนี้ นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นายท่านเซี่ยก็ชิงเอ่ยขัดก่อน
“มู่หลาน มันเป็นความผิดของย่าของหลานจริง ๆ หล่อนชอบคุยโวโอ้อวดมากเกินไป หลานอย่ากังวลเลย ต่อไปหล่อนจะไม่เป็นแบบนี้อีกแน่นอน แต่คราวนี้คำพูดนั้นถูกพูดออกไปแล้ว ข่าวลือก็คงแพร่กระจายไปทั่วแล้ว ปู่จะพยายามช่วยแก้ให้ได้มากที่สุด หลานไม่ต้องกังวลหรอกนะ”
หลังจากได้ฟังสิ่งที่นายท่านเซี่ยพูด สีหน้าของฉินมู่หลานก็ดีขึ้นเล็กน้อย
ในเวลานี้เซี่ยฉางชิงก็มาถึงแล้ว ทันทีที่เขาได้ยินว่าลูกสาวของเขามา เขาก็รีบกลับมาหา แต่ทันทีที่เขามาถึง ก็พบว่าบรรยากาศดูตึงเครียดมาก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เมื่อเห็นเซี่ยฉางชิงมา ฉินมู่หลานก็เล่าวีรกรรมที่คุณนายเซี่ยทำโดยไม่รีรอ และสุดท้ายก็พูดว่า: “ตอนนี้ฉันกลัวว่าหลาย ๆ คนจะมาตามหาสูตรลับช่วยให้มีลูก ถ้าฉันบอกว่าไม่มีสูตรลับ คนอื่นก็อาจจะไม่เชื่อค่ะ”
หลังจากที่เซี่ยฉางชิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาก็มองคุณนายเซี่ยด้วยความไม่พอใจ แล้วพูดว่า “แม่ครับ แม่พูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง? แม่จะหาเรื่องมาให้มู่หลานนะครับ”
เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กออกตัวเข้าข้างฉินมู่หลาน ใบหน้าของคุณนายเซี่ยก็แดงก่ำด้วยความโกรธ
“เซี่ยฉางชิง ตอนนี้แกไม่เคารพแม่แล้วใช่ไหม ใช่ แม่พูดแบบนั้นไปแล้ว แล้วแกจะทำยังไงกับแม่”
เมื่อเห็นท่าทางไร้เหตุผลของแม่ตัวเอง เซี่ยฉางชิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ฉินมู่หลานไม่สนใจคุณนายเซี่ย เธอมองเซี่ยฉางชิงแล้วพูดว่า “พ่อไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ คุณปู่บอกแล้วว่าจะหาทางแก้ข่าวให้ค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยฉางชิงก็ไม่พูดอะไรอีก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉินมู่หลานก็คิดว่าจะไปหาเริ่นม่านนีกับเสี่ยวเถียนเถียน “พ่อคะ ฉันขอไปหาพี่สะใภ้กับเถียนเถียนก่อนนะคะ”
เซี่ยฉางชิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “ได้สิ ลูกรีบไปเถอะ”
เมื่อว่านจี้อวิ๋นเห็นฉินมู่หลานห่วงใยลูกสะใภ้กับหลานสาวของเธอ ใบหน้าหล่อนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มู่หลาน ป้าจะไปด้วย
หลังจากที่ทั้งสองมาถึงบ้านของเริ่นม่านนีแล้ว ว่านจี้อวิ๋นก็พูดอย่างมีน้ำใจ: “มู่หลาน หลานกับม่านนีไปคุยกันก่อนเถอะ ป้าจะไปหั่นผลไม้มาให้พวกหลานเอง”
“ได้ค่ะ ต้องขอรบกวนป้าสะใภ้ใหญ่ด้วยค่ะ”
หลังจากที่ว่านจี้อวิ๋นจากไป เริ่นม่านนีก็มองฉินมู่หลานอย่างมีความสุข แล้วพูดว่า “มู่หลาน ทำไมวันนี้เธอถึงว่างมาที่นี่ได้ล่ะ”
“ฉันมาหาคุณนายเซี่ยน่ะสิคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เริ่นม่านนีก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะมู่หลานเรียกว่าคุณนายเซี่ย ไม่ได้เรียกว่าย่าด้วยซ้ำ “มู่หลาน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
ฉินมู่หลานไม่ได้ปิดบัง เล่าวีรกรรมที่คุณนายเซี่ยทำให้ฟังทันที
หลังจากได้ฟังแล้ว เริ่นม่านนีก็มีสีหน้าเย้ยหยัน
“คุณย่าทำแบบนี้ ไม่ได้เป็นการสร้างปัญหาให้เธอหรอกเหรอ เห็นว่าตั้งตาคอยที่จะมีหลานมาก” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เริ่นม่านนีก็ยังโกรธมาก “ตั้งแต่พี่คลอดลูกสาว คุณย่าก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่พี่มาโดยตลอด”
เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของเริ่นม่านนี ฉินมู่หลานจึงรีบพูดว่า: “เอาล่ะ อย่าโกรธเลยค่ะ พี่ยังต้องให้นมลูก ถ้าโกรธจะทำให้ท่อน้ำนมอุดตันได้ง่ายนะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เริ่นม่านนีก็รีบสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ได้ พี่ไม่โกรธหรอก เพราะโกรธแล้ว คนที่ต้องเดือดร้อนก็คือพี่เอง”
“เอาล่ะ พี่อย่าไปฟังคำพูดพวกนั้นเลยค่ะ อย่าคิดมาก”
“ไม่ต้องห่วงมู่หลาน พี่จะไม่คิดมากหรอก อีกอย่างคือพี่ตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายออกไป”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของฉินมู่หลานก็ฉายแววประหลาดใจ
“พี่จะย้ายออกเหรอคะ? แล้วพี่ชายล่ะคะ?”
ในที่สุดเมื่อต้องพูดถึงสามี เริ่นม่านนีก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า ขณะตอบว่า “แน่นอนว่าอวี๋เซิงก็จะย้ายออกไปกับพี่ด้วย ช่วงก่อนหน้านี้ เขาไปหาบ้านที่เหมาะสมอยู่ ในที่สุดเขาก็เจอแล้ว ไม่กี่วันเราก็จะย้ายไปแล้วล่ะ”
“ครอบครัวของพี่รู้เรื่องนี้ไหมคะ?”
เริ่นม่านนีส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ยังไม่รู้ แต่อวี๋เซิงจะอธิบายให้ครอบครัวเข้าใจชัดเจนเอง ไม่อย่างนั้นถ้าพี่ยังต้องใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ก็คงต้องหน้าบูดบึ้งทุกวันแน่นอน”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเมื่อได้ฟังดังนั้น แล้วพูดว่า “ย้ายออกก็ดีแล้วค่ะ พวกพี่สามคนจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขได้”
“ใช่แล้ว ทุกวันนี้พี่ไม่มีความสุขเลย ก็เลยต้องรีบย้ายออกนี่แหละ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ว่านจี้อวิ๋นก็มาพร้อมกับจานผลไม้ ทั้งสองจึงหยุดพูด
“มู่หลาน ม่านนี พวกเธอกินผลไม้กันหน่อยสิ”
หลังจากที่ว่านจี้อวิ๋นวางผลไม้ลงแล้ว ก็ไปหาหลานสาว เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยยังคงหลับอยู่ หล่อนจึงไม่อยู่อีกต่อไป
หลังจากที่ฉินมู่หลานคุยกับเริ่นม่านนีได้สักพัก ก็จับชีพจรของหล่อน แล้วในที่สุดก็พูดว่า: “ช่วงนี้อารมณ์แปรปรวนนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ต้องพยายามโกรธให้น้อยลงนะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เริ่นม่านนีก็รีบพยักหน้า แล้วพูดว่า “ได้เลย พี่เข้าใจแล้ว”
“พี่ยังเก็บยาที่ฉันเคยให้ไว้ก่อนหน้านี้อยู่หรือเปล่าคะ ถ้ายังเก็บไว้ก็ให้กินยานั้นต่อ”
“เก็บไว้สิ”
เมื่อพูดถึงยานี้ เริ่นม่านนีก็อดไม่ได้ที่จะชมเชย: “มู่หลาน ยาที่เธอให้พี่ก่อนหน้านี้มีประโยชน์จริง ๆ พี่กินไปได้สักพัก ก็รู้สึกได้ชัดเลยว่าร่างกายผ่อนคลายลงจริง”
“พี่รู้สึกดีก็ดีแล้วค่ะ”
เริ่นม่านนีนึกถึงเรื่องที่มู่หลานพูดก่อนหน้านี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะถาม: “มู่หลาน เธอกับเพื่อนกำลังร่วมกันพัฒนายาใช่ไหม ในอนาคต ยาพวกนี้สามารถเอาไปขายได้หรือเปล่า?”
“ได้แน่นอนค่ะ ในอนาคตเราจะเปิดร้านซิ่งหลินแล้วขายยาที่เราพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เริ่นม่านนีก็รีบคลี่ยิ้ม แล้วพูดว่า “มู่หลาน ถ้ามีร้านซิ่งหลินแล้ว พี่จะไปซื้อยาแน่นอน”
“ดีเลยค่ะ นอกจากยารักษาโรคแล้ว ร้านซิ่งหลินของเรายังมียาบำรุงสุขภาพอีกมากมาย ถึงตอนนั้นพี่ก็ซื้อบางอย่างไปใช้ได้ เพราะมันดีต่อร่างกายค่ะ”
แต่กระทั่งฉินมู่หลานก็ไม่คาดคิดว่าทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน จะมีหญิงชราผมหงอกสองคนกำลังรอเธออยู่
เมื่อเหยาจิ้งจือเห็นลูกสะใภ้กลับมา หล่อนก็รีบเข้ามาจูงไปบอกว่า “มู่หลาน แม่เฒ่าสองคนนี้มาที่บ้าน แล้วบอกว่าอยากมาพบเธอ” ในตอนท้ายของประโยค หล่อนขยิบตาให้มู่หลาน แล้วกระซิบว่า “เดาว่าคงจะมาหาเพื่อขอสูตรลับช่วยให้มีลูกแน่เลยจ้ะ”
ฉินมู่หลานขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของลูกสะใภ้คนเล็ก เหยาจิ้งจือจึงพูดต่อ: “มู่หลาน ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ยายของลูกกำลังนั่งคุยอยู่ คงจะมาที่นี่เพื่อคุยกับลูกเท่านั้นแหละจ้ะ”
“ค่ะแม่ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อฉินมู่หลานมาถึงห้องโถงด้านหน้า ก็เห็นแม่เฒ่าผมหงอกสองคนกำลังคุยกับคุณนายเหยา
ในไม่ช้าทั้งสามก็เห็นฉินมู่หลาน แม่เฒ่าทั้งสองลุกขึ้นยืนทันที แล้วพูดว่า “หนูคงเป็นหลานสาวของคุณนายเซี่ยสินะ หน้าตาสะสวยน่ารักมาก”
“ขอบคุณค่ะ”