ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 559 ทยอยมากันอย่างไม่ขาดสาย(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 559 ทยอยมากันอย่างไม่ขาดสาย(2)

หลังจากที่ฉินมู่หลานนั่งลง แม่เฒ่าทั้งสองก็เข้าประเด็นทันที

“หมอฉิน เราได้ยินมาว่าหนูมีสูตรลับช่วยให้มีลูก ช่วยเขียนใบสั่งยาให้เราหน่อยได้ไหม ไม่ต้องกังวล เราจะไม่ขอเปล่า ๆ แน่นอนจ้ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็ส่ายหน้าทันที แล้วพูดว่า “แม่เฒ่า พวกคุณได้ยินมาผิดแล้วค่ะ ฉันไม่มีสูตรยานั้นหรอกค่ะ”

“เป็นไปไม่ได้ ย่าของหนูเป็นคนบอกเองนี่นา จะไม่มีได้ยังไงล่ะจ๊ะ”

แม่เฒ่าสองคนย่อมไม่ยอมเชื่อ คิดว่าฉินมู่หลานไม่อยากเปิดเผยสูตรมากกว่า

ในเวลานี้ คุณนายเหยารีบพูดว่า: “ฉันบอกแล้วว่ามู่หลานไม่มีสูตรลับช่วยให้มีลูกจริง ๆ แต่พวกคุณก็ปล่อยให้คุณนายเซี่ยหลอก”

แต่ถึงอย่างนั้น แม่เฒ่าทั้งสองก็ยังไม่เชื่อ

“ฉันรู้ว่าพวกคุณคงไม่อยากเปิดเผยสูตรสินะคะ”

“อ้าว… ทำไมพวกคุณสองคนถึงได้รั้นจังเลยล่ะคะ” เมื่อคุณนายเหยาเห็นทั้งสองพูดเช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าสิ่งที่เพิ่งพูดไปช่างไร้ประโยชน์

ฉินมู่หลานคาดการณ์สถานการณ์นี้ไว้แล้ว เธอจึงไม่ได้โกรธนัก ทำแค่ยิ้มแล้วพูดว่า: “แม่เฒ่าคะ หนูไม่มีสูตรนั้นจริง ๆ ค่ะ หนูแค่มีสูตรยาที่ช่วยบำรุงร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้มีโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้นเท่านั้นค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น แม่เฒ่าทั้งสองคนก็ตาเป็นประกาย

“หนูยังมีสูตรแบบนี้อยู่ ถ้างั้นช่วยบอกสูตรให้พวกเราสองคนได้ไหมจ๊ะ”

ฉินมู่หลานรู้อยู่แล้ว ว่าแม่เฒ่าทั้งสองต้องขอไปให้สมาชิกในครอบครัวของตน แต่เธอยังไม่ได้ตรวจชีพจรของคนที่จะใช้ยาเลย จึงไม่สามารถสั่งยาได้ทันที ดังนั้น เธอจึงอธิบายสถานการณ์ไปตามตรง

หลังจากได้ฟังดังนั้น แม่เฒ่าทั้งสองก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “นั่นสินะ ความจริงต้องตรวจชีพจรก่อน ถ้างั้นพวกเราจะกลับไปก่อนนะจ๊ะ”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะกลับไป ฉินมู่หลานก็รีบส่งพวกนางไปที่ประตู จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

คุณนายเหยาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในที่สุดสองคนนี้ก็ยอมกลับไปซะที พวกหล่อนเป็นแม่เฒ่าจากตระกูลหลี่และตระกูลหวังที่เคยติดต่อกับตระกูลเหยาของเรามาก่อน ก็เลยยากที่จะบอกให้กลับไปตั้งแต่แรก.. “

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะมองคุณนายเหยา แล้วพูดว่า “คุณยาย ขอบคุณที่พยายามช่วยนะคะ”

คุณนายเหยารู้สึกยินดีเล็กน้อย เพราะมู่หลานไม่เคยปฏิบัติต่อนางเช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกมีความสุขอยู่ครู่หนึ่ง

ฉินมู่หลานไปที่ห้องอาหารแล้ว

คุณนายเหยาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะตั้งสติได้ แล้วเดินตามเธอเข้าไป

หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวมากันพร้อมหน้า ก็เริ่มกินข้าวกัน คุณนายเหยาก็พูดถึงเรื่องนี้ด้วย ในที่สุดก็มองฉินมู่หลาน แล้วถามว่า: “มู่หลาน ถ้าคนอื่นมาเยี่ยมบ้านเราอีก เธอก็จะบอกพวกเขาไปว่าไม่มีสูตรยานั้นใช่ไหมจ๊ะ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้า แล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ ครอบครัวของเราไม่มีสูตรนั้นตั้งแต่แรกแล้ว เราก็เลยต้องปฏิเสธไปตามนั้นค่ะ”

“ได้เลย ยายเข้าใจแล้ว”

แต่คุณนายเหยาก็กังวลเล็กน้อยเช่นกัน “แต่ใช่ว่าคนอื่นจะเชื่อสิ่งที่เราพูดนะ เหมือนกับสองคนที่มาวันนี้ ยายอุตส่าห์บอกไปแล้วว่าที่บ้านเราไม่มีสูตรลับช่วยให้มีลูก แต่พวกหล่อนก็ไม่เชื่อกันเลย”

“ไม่เป็นอะไรค่ะคุณยาย เดี๋ยวพวกหล่อนจะต้องเชื่อแน่นอนค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีจ้ะ ในเมื่อหลานพูดอย่างนั้น ก็แสดงว่าหลานต้องมีวิธีของตัวเอง”

เดิมทีฉินมู่หลานคิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะจบลง แต่ไม่คาดคิดว่าในเช้าวันรุ่งขึ้น แม่เฒ่าหลี่กับแม่เฒ่าหวัง ต่างก็มาที่บ้านอีกครั้งพร้อมกับผู้หญิงสองคน

เมื่อฉินมู่หลานเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังแม่เฒ่าสองคน เธอก็รู้ว่าเมื่อวานแม่เฒ่าทั้งสองต้องมาขอสูตรยาให้ผู้หญิงสองคนนี้แน่ แต่ไม่คิดว่าพวกนางจะพามาเลยทันที

“มู่หลาน ก่อนหน้านี้หนูบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะต้องตรวจชีพจรก่อน ตอนนี้เราพาคนไข้มาแล้ว หนูช่วยตรวจชีพจรให้หน่อยสิจ๊ะ”

แม่เฒ่าหลี่กับแม่เฒ่าหวังรีบผลักผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังออกมา ทำให้พวกหล่อนต้องมายืนอยู่ตรงหน้าฉินมู่หลาน

ผู้หญิงสองคนมองฉินมู่หลานด้วยความเขินอาย แล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ พอดีคุณย่าของพวกเรากังวลมาก ก็เลยพาพวกเรามาที่นี่ ความจริงแล้ว …”

ใจจริงพวกหล่อนไม่ได้อยากมาเลย แต่แค่รำคาญหญิงชราที่บ่นจู้จี้จุกจิกไม่หยุด ในที่สุดก็เลยต้องยอมเข้ามาตรวจ

ฉินมู่หลานรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกหล่อนคิดอย่างไร แต่เนื่องจากคนมาแล้ว ก็ยังคงต้องทำอะไรบางอย่าง

“พวกคุณช่วยยื่นมือออกมาหน่อยค่ะ ฉันจะช่วยตรวจให้พวกคุณก่อน”

ทั้งสองคนไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะตรวจชีพจรจริง ๆ แต่ก่อนที่พวกหล่อนจะปฏิเสธ แม่เฒ่าหลี่กับแม่เฒ่าหวังก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“พวกเธอก็เร็วเข้าสิ เป็นเรื่องยากที่หมอฉินจะตรวจให้พวกเธอนะ รีบหน่อยเถอะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองก็จำต้องยื่นมือออกไปให้ตรวจ

ฉินมู่หลานตรวจชีพจรอย่างจริงจัง ตอนแรกเริ่มตรวจชีพจรของหลานสะใภ้ของแม่เฒ่าหลี่ก่อน จากนั้นจึงตรวจชีพจรของหลานสะใภ้ของแม่เฒ่าหวัง

เมื่อฉินมู่หลานเอามือออก ผู้หญิงทั้งสองก็มองเธออย่างประหม่า แม้ว่าพวกหล่อนจะแสดงออกมาแล้วว่าไม่ได้อยากมา แต่หลังจากตรวจชีพจรแล้ว ก็ยังคงอยากรู้สภาพร่างกายของตัวเอง

“ช่วงนี้พวกคุณทั้งสองเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์กันอยู่ใช่ไหมคะ”

หญิงสาวทั้งสองพยักหน้า แล้วพูดว่า “ใช่ เราเริ่มเตรียมตัวกันแล้ว”

เมื่อพูดจบ พวกหล่อนก็อดถามด้วยความกังวลไม่ได้ว่า “สุขภาพของเราไม่ได้มีอะไรผิดปกติใช่ไหมคะ?”

ฉินมู่หลานส่ายหน้า แล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรสำคัญ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ค่ะ”

“อะไรนะ…”

แม้ว่ามู่หลานจะบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ทั้งสองคนก็ยังกังวลอยู่

หลานสะใภ้ของแม่เฒ่าหลี่เป็นคนแรกที่ถามว่า “หมอฉิน ฉันมีปัญหาอะไรเหรอคะ?”

“คุณไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรค่ะ แค่ต้องกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ และไม่ต้องกังวลมากเกินไป ต้องผ่อนคลายให้มากขึ้นทุกวันค่ะ”

“จริงเหรอคะ? ไม่มีปัญหาอื่นอีกแล้วเหรอคะ?”

ฉินมู่หลานยกยิ้ม แล้วตอบว่า “ในเมื่อฉันพูดแบบนั้น ก็ไม่มีแน่นอนค่ะ”

แต่แม่เฒ่าหลี่ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย จึงพูดอย่างรวดเร็ว: “แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่ก็เขียนใบสั่งยาให้หล่อนหน่อยเถอะจ้ะ พวกเราไม่ขออะไร แค่อยากให้ภรรยาของหลานชายมีสุขภาพแข็งแรง”

เมื่อแม่เฒ่าพูดเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงต้องตอบสนองความต้องการของพวกนาง ในที่สุดก็เขียนใบสั่งยาบำรุงร่างกายให้

จากนั้นก็ถึงคราวของหลานสะใภ้ของแม่เฒ่าหวัง

คราวนี้ ฉินมู่หลานใช้เวลาตรวจชีพจรนานมาก

เป็นผลให้หลานสะใภ้ของแม่เฒ่าหวังกังวลเล็กน้อย “หมอ… หมอฉินคะ สุขภาพของฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็กลับมามีสติอีกครั้ง เธอโบกมือ แล้วพูดว่า: “อย่ากังวลเลยค่ะ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ กลับไปกินยาสักสองสามวัน แล้วค่อยกลับมาหาฉันอีกครั้งนะคะ”

หลานสะใภ้ของแม่เฒ่าหวังชื่อไต้หงเยี่ยน ในตอนแรกหล่อนไม่เชื่อฉินมู่หลาน และคิดว่ายายของหล่อนคงพูดเกินจริง แต่เมื่อได้ฟังทุกคำถามที่มู่หลานถามหล่อน ก็รู้ว่ามู่หลานรู้จริง เมื่อมู่หลานบอกว่าไม่มีปัญหาใหญ่ ตอนนี้หล่อนก็เชื่ออย่างนั้นจริง ๆ

หลังจากทั้งสี่คนจากไปแล้ว คุณนายเหยาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “มู่หลาน นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ต่อไปถ้ามีใครมาที่นี่อีก หลานไม่ต้องตรวจให้ทุกคนเลยเหรอจ๊ะ?”

“ปู่เซี่ยบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้เอง เราทำได้แค่รอข่าวจากบ้านตระกูลเซี่ยเท่านั้นค่ะ”

แต่ก่อนที่นายท่านเซี่ยจะแก้ปัญหาได้ หลายคนก็ทยอยมาที่บ้านกันไม่ขาดสาย ไม่ว่าฉินมู่หลานจะอธิบายไปมากแค่ไหน ก็ยังมีหลายคนที่ไม่ยอมเชื่อ ดังนั้นสองสามวันต่อมา ฉินมู่หลานจึงต้องใช้เวลาไปกับการตรวจชีพจร

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท