ตอนที่ 724 อนุท่อนไม้[1] เอ่ยความจริงก็ผิดหรือ
เมื่อข่าวการเลือกหญิงงามประกาศออกมา เฉวียนจิ่งและตู้เหมี่ยนผู้ป่วยอาการหนักต่างก็กลับไปหมดแล้ว เงินค่าน้ำมันตะเกียงได้จากสองคนนี้มากพอ หาได้ยากที่ฉินหลิวซีจะมีเวลาว่างให้ได้เกียจคร้าน นอกจากสอนลูกศิษย์ก็ไม่ได้ไปรับงานใหญ่ใดอีก วิ่งกลับไปกลับมาที่ร้านเฟยฉางเต๋าและบ้าน ฟังข่าวที่เล่าปากต่อปากในตลาด วันเวลาผ่านไปอย่างสบายอารมณ์
ได้ยินว่าการคัดเลือกหญิงงามในครั้งนี้เปิดกว้างขึ้นแล้ว ขอเพียงบ้านมีเจ้าหน้าที่ขุนนางขั้นหก เด็กสาวในบ้านผู้ใดอายุเกินสิบสี่และยังไม่แต่งงานหรือมีการหมั้นหมาย มีรูปลักษณ์ที่ดี ไม่มีบาดแผลการเจ็บป่วยก็ต้องส่งเข้าไปร่วมคัดเลือก ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกส่งไปยังบ้านของพ่อค้าและครอบครัวมั่งคั่งอันดับต้นๆ
มีข่าวมาว่า เงื่อนไขเปิดกว้างเช่นนี้ ในวังวางแผนจะเลือกสนมให้เหล่าองค์ชายด้วย
ฉินหลิวซีได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมาในใจ วิธีการคัดเลือกแบบหว่านแหเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่อยากปล้นเอาสตรีที่ดีในต้าเฟิงเข้าไปอยู่ในวังหลวงหมดกระมัง แม้แต่ครอบครัวพ่อค้าก็ไม่ละเว้น คลังหลวงคงไม่ยากจนจนหนูเข้าไปทำรังข้างในแล้วหรือไม่
การกระทำเช่นนี้ก็น่าเกลียดเกินไปสักหน่อย
การคัดเลือกหญิงงามน่ะหรือ แน่นอนว่ามีคนชอบและมีคนกังวล
ตระกูลฉินได้ยินข่าวนี้ นายหญิงผู้เฒ่าและสะใภ้เซี่ยต่างก็รู้สึกซึมเซาไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะตระกูลล่มไปแล้ว ตระกูลของพวกนางก็ส่งไปคัดเลือกได้กระมัง
สะใภ้หวังกลับดีใจอย่างยิ่ง สตรีที่มีอายุเหมาะสมมีน้อย ต่อให้ไม่ล่มก็คงส่งไปได้เพียงไม่กี่คน ล่มไปแล้ว ก็ยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับพวกนางแล้ว
เพียงเข้าวังลึกราวกับมหาสมุทร นางไม่คิดเสียดายที่ไม่ได้ส่งหญิงสาวเข้าไปในสถานที่กินคนนั่น
“โชคดีเจ้าเป็นคนออกบวช ต่อให้เข้าร่วมคัดเลือกได้ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า” สะใภ้หวังมองใบหน้าเยือกเย็นทว่างดงามของฉินหลิวซี ลอบถอนหายใจออกมา ใบหน้าเช่นนี้ สตรีต่างชื่นชอบกระมัง
ฉินหลิวซียิ้มเย็น “ต่อให้ข้าเข้าร่วมการคัดเลือกได้ พวกเขากล้าเลือกข้าก็ลองดูสิ”
สะใภ้หวังสำลัก เอาล่ะ นิสัยของเด็กคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยอมไม่ขัดขืน
“แทนที่จะเป็นห่วงข้า มิสู้เป็นห่วงพวกฉินอวี่เยี่ยนเถิด อย่าส่งไปตระกูลซ่งเลย ต้องขอบคุณที่คนแซ่ซ่งนั้นตายทันเวลา ต่อให้เป็นการคัดเลือกก็ไม่ใช่หน้าที่ของพวกนาง แต่บุรุษอื่นก็ไม่แน่แล้ว” ฉินหลิวซีส่งเสียงหยัน
สะใภ้หวังชะงัก “พวกนางย้ายเข้ามาอยู่ในครัวเรือนของอาหญิงใหญ่เจ้าแล้ว ตระกูลซ่งก็คงไม่กล้าทำอะไรเหลวไหลกระมัง”
วันนั้นฉินหลิวซีทำนายว่าอวี่เยียนจะสูญเสียพ่อ คำทำนายเป็นจริงแล้ว ตระกูลซ่งส่งคนมาแจ้งข่าวการสูญเสียให้พวกนางกลับไปร่วมไว้อาลัยและแสดงความกตัญญู ฉินเหมยเหนียงไม่วางใจ เดินทางเข้าเมืองหลวงไปด้วย
สะใภ้หวังกลัวว่าพวกนางที่เป็นสตรีทั้งสามจะถูกกลั่นแกล้งจึงสั่งให้หลี่เฉิงติดตามพวกนางเข้าเมืองไปด้วย ทั้งยังจ่ายเงินจ้างคนที่มีฝีมือดีคนหนึ่งที่สำนักคุ้มภัยคอยคุ้มกัน ป้องกันเอาไว้
ฉินหลิวซีหลุบตา “ความเห็นแก่ตัวของคนไร้ขอบเขต ตามหลักแล้ว พวกนางไม่ควรกลับเมืองหลวง”
สะใภ้หวังถอนหายใจ “อย่างไรนั่นก็เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดพวกนาง คนตายไปแล้ว ไม่กลับไปแสดงความกตัญญู คำตราหน้าว่าไม่กตัญญูจะกดขี่พวกนางให้ไม่อาจโงหน้าขึ้นมาได้”
ฉินหลิวซีไม่ใส่ใจ แต่เมื่อคิดว่าพวกนางพี่น้องมีสายเลือดของบุรุษผู้นั้น ตอนนี้เขากลายเป็นผีไปแล้ว ควรเผาอะไรไปให้เขากินบ้าง เผาเงินไปให้บ้าง แสดงถึงความกตัญญู
อย่างไรก็ไม่ได้เผาเงินจริง เพื่อแลกกับชื่อเสียง ไม่เสียหาย
“ไม่เอ่ยเรื่องนี้แล้ว ท่านอาหญิงเล็กของเจ้าส่งจดหมายมา ให้กำเนิดเด็กหญิง ข้าเตรียมของขวัญสักหน่อย ท่านย่าของเจ้าอยากให้เทียนซืออย่างเจ้าเขียนยันต์คุ้มภัยอะไรให้ ส่งไปด้วยกัน อย่างไรก็ถือเป็นน้ำใจ” สะใภ้หวังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
นับตั้งแต่คนตระกูลซ่งส่งคนมา เหล่านายหญิงผู้เฒ่าต่างเคารพและนับถือความสามารถของฉินหลิวซี เมื่อเป็นเช่นนี้จึงอยากให้นางมอบยันต์คุ้มภัยเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย
ฉินหลิวซีคิดในใจ นางช่างไม่เกรงใจ ยันต์แต่ละใบของข้าแพงเพียงใด เกรงว่านางคงไม่รู้
ฉินหลิวซีถอดหยกเครื่องรางออกมาหนึ่งชิ้น ยื่นไปให้ “ยันต์คุ้มภัยไม่ต้องวาดแล้ว เครื่องรางหยกนี้ข้าเป็นคนปลุกเสก ป้องกันภัยอันตราย มอบให้ญาติผู้น้องเถิด”
“ก็ดีเช่นกัน หยกปกป้องคุ้มครองไม่หวั่นกลัว” สะใภ้หวังเห็นหยกคุณภาพไม่เลว จึงหยิบถุงผ้าเล็กๆ ขึ้นมาใส่
อนุวั่นที่ทำตัวเป็นนกกระทาอยู่ด้านข้าง เอ่ยว่า “ข้าต้องทำเสื้อผ้าสักสองชุดหรือไม่เจ้าคะ” ทำเพียงชั้นในดูเหมือนจะไม่พอ ถือว่าช่วยสะใภ้หวังทำ ถือเป็นน้ำใจจากบ้านใหญ่ของเรา”
สะใภ้หวังเอ่ย “ไม่ต้องหรอก น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ก็พอแล้ว ตระกูลชุยก็ไม่ขาดเสื้อผ้าสองชุดหรอก”
อนุวั่นส่งเสียงอ้อตอบกลับ
ฉินหลิวซีเหลือบมองสองคนอยู่ชั่วครู่ กำลังอยากเอ่ยขึ้น พลันมีความรู้สึกบางอย่าง ลุกขึ้นทันใด เอ่ย “ข้ากลับไปก่อนแล้ว”
สะใภ้หวังยิ้มโบกมือ ถอนหายใจ เอ่ย “แม้จะบอกว่าซีเอ๋อร์เข้าสู่เต๋า การแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นช่วงอายุที่ควรออกเรือนแต่งงานแล้ว กลับอยู่ตัวคนเดียว ในใจไม่อาจวางใจ เจ้าว่าหากเลี้ยงดูนางไว้ข้างกายมาตั้งแต่เด็ก คงจะแต่งงานออกเรือนแล้ว ไม่แน่เราอาจได้เป็นยายแล้ว”
“ได้อย่างไร หากเป็นตามที่ท่านว่า เวลานี้นางไม่ถอนหมั้นก็อยู่ในช่วงกำลังจะถอนหมั้น” อนุวั่นเอ่ยโดยไม่ต้องคิด “แต่งงานมีลูก ท่านวาดฝันไว้สวยเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
สะใภ้หวัง “…”
เจ้าท่อนไม้นี่
อนุวั่นเอ่ยต่ออย่างไม่กลัวตายภายใต้สายตามาดร้ายของแม่ใหญ่ “ข้าไม่ได้เอ่ยผิดนี่ แม้แต่อาหญิงใหญ่ยังถูกหย่ากลับมาบ้าน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการหมั้นหมายแล้ว”
สะใภ้หวังเถียงกลับ “อย่างไรก็มีคนที่มีน้ำใจ เราไม่ให้นางแต่งกับคนเหลวไหลทั่วไปอยู่แล้ว”
อนุวั่นแสดงท่าทางว่าท่านเป็นถึงคนฉลาดอย่างไรจึงไม่ตื่นรู้เหมือนท่อนไม้อย่างข้า เอ่ย “บอกได้ยาก คนนั้นเห็นแก่ผลประโยชน์ เห็นว่าครอบครัวเราไม่ดีแล้ว ต้องอยากสะบัดให้หลุดมืออย่างแน่นอน หาสิ่งที่ดีกว่า ท่านอาหญิงใหญ่นั้นคือความล้มเหลวของคนรุ่นก่อนย่อมเป็นกระจกเงาของคนรุ่นหลัง”
เหอะๆ คนไม่รู้หนังสืออย่างเจ้ายังรู้จักใช้สุภาษิต
สะใภ้หวังอดกลั้นความโกรธ “ซีเอ๋อร์สวย เก่งเพียงนี้ ผู้ใดจะอยากถอนหมั้น”
อนุวั่นหัวเราะขึ้นมา “นางยังไม่งดงามเท่าน้องชายของนางด้วยซ้ำ นิสัยก็ไม่อ่อนโยน หากข้าเป็นบุรุษ ข้าคงไปหาสตรีอ่อนโยนอ่อนหวานเสียจะดีกว่า”
สะใภ้หวังโมโห ชี้หน้านาง “เจ้ายังเป็นแม่แท้ๆ อยู่หรือไม่”
อนุวั่นหดคอ บ่นพึมพำ “ข้าเอ่ยความจริงผิดด้วยหรือ”
สะใภ้หวังหลับตาลง หน้าทะมึนเอ่ย “เช่นนั้นตระกูลฉินล่มแล้ว ไยเจ้าจึงไม่ไปหาครอบครัวที่ให้ประโยชน์ดีกว่าเล่า อาศัยความงามของเจ้า หานายท่านร่ำรวยคนใหม่ใช่ว่าจะไม่ได้”
“นี่ไม่ใช่เพราะนายท่านไม่ให้หนังสือหย่ากับข้าหรือ ข้าไปไม่ได้”
สะใภ้หวัง “!”
นางรู้สึกเสียใจกับฉินปั๋วหงที่อยู่ไกลถึงซีเป่ยเล็กน้อย
นางมองอนุวั่น ถอนหายใจพลางเอ่ย “ข้านึกว่าเจ้าจะมีความรู้สึกต่อเขาอยู่บ้างเล็กน้อย อย่างไรเจ้าก็มีลูกให้เขาถึงสองคน”
“มีลูกนั่นเป็นเรื่องไม่ตั้งใจ เขาลักหลับข้า เมื่อตั้งครรภ์แล้วข้าก็คงเอาออกไม่ได้กระมัง อีกอย่างข้าไม่ได้เลี้ยงเอง เพียงรับผิดชอบเจ็บสักหน่อยก็พอแล้ว การเลี้ยงดูสั่งสอนมิใช่ท่านที่เป็นแม่ใหญ่หรอกหรือ ส่วนความรู้สึก นายหญิง บุรุษที่แต่งอนุภรรยาเป็นบุรุษไม่มีใจรักต่อภรรยาเอก จะไปมีความรักให้อนุภรรยาได้มากเพียงใดกัน เพียงเห็นว่าข้าเยาว์วัยรูปโฉมงดงามจึงรู้สึกชอบมิใช่หรือ”
สะใภ้หวังอดไม่ได้ยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากนาง “นิสัยอย่างเจ้าไปอยู่เรือนหลังของคนอื่น คงถูกแม่ใหญ่ทรมานจนตาย”
แต่ก็ไม่ถูก คนโง่เขลาไร้พิษสงเช่นนี้ ลงมือกับนางยังนับว่าลดคุณค่าลง
สะใภ้หวังร้องไห้ไม่ออกยิ้มไม่ได้ มองใบหน้างดงามอ่อนโยนของนาง รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ไม่มีจิตใจก็ดี ใช้ชีวิตเรียบง่ายบริสุทธิ์มีชีวิตยืนยาว ต่อให้โชคร้ายอยู่ๆ ก็ตาย เช่นนั้นก็ยังตายอย่างมีความสุข
[1] ท่อนไม้ที่เอาไว้ทุบยามซักผ้า