ตอนที่ 725 ดวงวันเกิดของคนตายคนหนึ่ง
ฉินหลิวซีเดินออกมาจากประตูเล็กของเรือนหลังเล็ก ก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะสนุกสนานพร้อมก่นด่าดังมาจากในตรอก
“ฮี่ๆ เจ้าโง่ เจ้าตัวประหลาด”
“ไม่ใช่ตัวประหลาด เป็นผี”
“ข้าว่าเป็นปีศาจ ตีเขาให้ตาย”
มีคนตอบโต้เสียงดัง “ข้าไม่ใช่คนโง่”
“ใช่ เจ้าเป็นคนโง่ เจ้าคนโง่”
ฉินหลิวซีเดินออกมา มีก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นเด็กถูกขว้างมา นางยื่นมือไปรับแล้วกำหินไว้ในมือ
อีกด้านเงียบลง จากนั้นส่งเสียงตื่นตกใจ
ร้ายกาจมาก
ฉินหลิวซีก้มลงไปมองก้อนหินเล็กน้อย หากปามาโดนหัว ด้วยกำลังเท่านี้ทำให้หัวแตกเลือดไหลได้แน่นอน
และโยนเจ้าก้อนหินนี้ใส่ผู้ใดน่ะหรือ
นางก้มลง คนสวมชุดนักบวชลัทธิเต๋าสีน้ำเงินผู้หนึ่งผมเผ้ายุ่งเหยิงนั่งขดตัวอยู่หน้าประตู อาจเพราะเห็นนางออกมา รีบลุกขึ้นยืนทันใด ยิ้มอย่างโง่เขลา “ศิษย์น้อง”
เจ้าโง่นี่มาจริงๆ หรือนี่
ฉินหลิวซีมองไปยังซาหยวนจื่อโง่เขลาที่ตัวสูงกว่าตนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หันไปมองเด็กดื้อเหล่านั้น เอ่ยถามเสียงเข้ม “ผู้ใดโยน”
เหล่าเด็กดื้อท่าทางดื้อดึง “พวกเราทำหรือ”
ฉินหลิวซีส่งเสียงหยันในลำคอ ยกมือขึ้น ปาหินกลับไป
“อ๊ากกก” เด็กดื้อเหล่านั้นส่งเสียงร้องตกใจพร้อมเตรียมหลบ และภาพที่ทำให้พวกเขาต้องตกใจยิ่งขึ้นได้เกิดขึ้นแล้ว หินก้อนเท่ากำปั้นเด็กก้อนนั้นหยุดอยู่กลางอาอาศ อยู่ตรงหน้าพวกเขา ราวกับมีผู้ใดคว้าเอาไว้ เคลื่อนไหวขึ้นลง
เด็กดื้อนิ่งอึ้ง จากนั้นส่งเสียงร้องดังขึ้นไปอีก “อ๊ากกก มีผี อ๊ากกก”
เด็กหลายคนกุมศีรษะวิ่งออกจากตรอกไป
ผีชายหญิงส่งเสียงหึขึ้นมา โยนหินทิ้งไป จริงๆ เลย เขายังไม่โยนให้มันแตกกระจายเลย หนีไปเสียแล้ว ไม่รู้กาลเทศะเอาเสียเลย
ฉินหลิวซีกลับจ้องซาหยวนจื่อด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ตามมาได้อย่างไร”
“ดมกลิ่นมา” ซาหยวนจื่อหัวเราะคิกคัก หยิบผลไม้ป่าจำนวนหนึ่งออกมาจากอ้อมแขนยื่นไปให้ “ให้เจ้ากิน”
ฉินหลิวซีมองผลไม้ป่าเหล่านั้น แต่ไม่ได้รับ
เขาเองไม่โกรธ ทำราวกับใช้เวทมนตร์เปลี่ยนของ หยิบมาลัยดอกไม้ป่าทำจากหวายออกมาจากแขนเสื้อใหญ่ วางลงบนศีรษะนาง “สวย”
ฉินหลิวซีหยิบพวงมาลัยลงมา ของสิ่งนี้ถูกเขาเอาใส่แขนเสื้อ ดอกไม้ป่าบอบช้ำไปนานแล้ว เหลือเพียงดอกไม้ป่าดอกเล็กๆ เพียงไม่กี่ดอก
นางมองซาหยวนจื่อ สายตามีแววสับสน
ผ่านการค้นวิญญาณ คนผู้นี้ก็เปลี่ยนเป็นสติไม่ดี เดิมฉินหลิวซีอยากไล่เขาไป เป็นชื่อหยวนที่เก็บเขาไว้ในอาราม เป็นนักพรตเต๋าที่คอยทำงานกวาดลานอาราม ยามไม่มีอะไรเขาก็วิ่งไปหลังเขา เมื่อฉินหลิวซีปรากกฏตัวขึ้นในอาราม เขาก็จะตัวติดฉินหลิวซี หลายครั้งยังถูกฉินหลิวซีทุบเข้าให้
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ เขากลับตามมาถึงบ้านแล้ว
ฉินหลิวซีกำพวงมาลัย เอ่ย “ไป ข้าจะไปส่งเจ้ากลับไป”
ซาหยวนจื่อมองนางแล้วตามไป ไม่นานก็มาเดินอยู่ตรงหน้านาง ฉินหลิวซีจึงพบว่ารองเท้าข้างหนึ่งของเขาหายไปแล้ว ชุดก็ไม่รู้เพราะถูกต้นไม้บนเขาเกี่ยวจึงขาดหรือไม่ ผมที่เดิมม้วนเป็นมวยเอาไว้ก็หลุดรุ่ย
มิน่าเด็กดื้อพวกนั้นจึงเรียกเขาว่าปีศาจโง่เขลา บวกกับใบหน้าของเขาที่เสียโฉม ก็เหมือนจริงๆ
ไม่รู้ฉินหลิวซีอารมณ์ไหน คนผู้นี้กลายเป็นแบบนี้ เพราะความโกรธของตน โกรธที่เขาทำให้ตาเฒ่าบาดเจ็บ ยิ่งโกรธที่เขาเป็นลูกศิษย์ของชื่อเจินจื่อ
แต่เมื่อรู้เบื้องหลังชีวิตของเขา รู้ว่าภายใต้การสั่งสอนของชื่อเจินจื่อ แม้จะเป็นลูกศิษย์ หลายปีมานี้เขากลับไม่ได้มีชีวิตที่ดีนักก็ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี
ตอนนี้กลายเป็นคนบ้าสติไม่ดีแล้ว ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีต่อตัวเขาหรือไม่
ฉินหลิวซีพาเขาเดินออกมาจากตรอก ไปยังร้านขายของเบ็ดเตล็ดก่อน ซื้อรองเท้าคู่หนึ่งให้เขาเปลี่ยน และหยิบปิ่นปักผมหนึ่งอันมาม้วนมวยผมให้เขาใหม่อีกครั้ง
ซาหยวนจื่อคลี่ยิ้มโง่เขลา เอ่ยว่าศิษย์น้องดีอยู่ตลอดเวลา
ฉินหลิวซีถลึงตาใส่เขา ยกกำปั้นขึ้นมา เอ่ย “ไม่ให้เข้าเมืองอีก หากครั้งหน้าเจ้าลงเขาออกจากอารามมา ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”
ซาหยวนจื่อหดคออย่างยอมจำนน ใบหน้าน่าสงสาร
ฉินหลิวซีหงุดหงิด
บังเอิญมีคนเข้ามาชนเข้า เพียงสัมผัส ก็ไม่เห็นถุงผ้าใหญ่ที่เอวแล้ว
“รนหาที่ตาย” ฉินหลิวซียังไม่ทันทำอะไร ซาหยวนจื่อพุ่งตัวออกไป รวดเร็วยิ่งนัก ไม่นานก็คว้าตัวโจรผู้นั้นได้ หมัดรัวลงไปอย่างบ้าคลั่ง
ไม่นานเขาก็ถือถุงผ้าเดินปัดก้นกลับมา ยื่นให้ฉินหลิวซีอย่างตื่นเต้น “ของศิษย์น้อง”
ฉินหลิวซี “…”
บ้าจริงหรือ หรือว่าแกล้งบ้า
นางรับถุงผ้ามา เห็นโจรหน้าบวมเต่งผู้นั้นกุมหน้าร้องจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ก็ยิ้มเย็น ดึงพลังหยินส่งออกไป จากนั้นพาซาหยวนจื่อเดินออกไปอย่างวางมาด
ผู้คนรอบข้าง กำเริบเสิบสานจริงๆ
อยู่ในเมือง ฉินหลิวซีไม่ใช้คาถา ทว่าหาร้านเช่ารถ เช่ารถม้ากลับไปยังอาราม
ระหว่างทางซาหยวนจื่อพูดคุยไม่หยุดปาก
“หุบปาก ห้ามพูด หนวกหูจะตายอยู่แล้ว”
ซาหยวนจื่อรีบยกมือปิดปาก ดวงตากะพริบปริบๆ
ฉินหลิวซีคันมือ หงุดหงิด นางรู้สึกว่าสามารถตีผีสักตนเพื่อระบายอารมณ์ได้
เมื่อกลับมาถึงอาราม ฉินหลิวซีก็ให้อู๋เหวยพาซาหยวนจื่อไป
ชื่อหยวนเอ่ยว่า “เขาไปหาเจ้าจริงๆ หรือ”
“ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ต่อไปอย่าให้เขาลงจากเขา ใบหน้าของเขา เข้าไปในเมืองทำคนตื่นตกใจ ถูกตีได้ตลอดเวลา” แม้แต่เด็กดื้อยังเอาหินมาปาเขา หากไปเจอพวกอันธพาล อาจแกล้งเขาก็เป็นได้
ดวงตาของชื่อหยวนจื่อมีรอยยิ้ม เอ่ย “หรือว่าตอนข้าไปเก็บตัวบำเพ็ญตบะ พาเขากลับไปยังหุบเขานั่นด้วยดีหรือไม่”
ฉินหลิวซีลังเลอยู่ชั่วครู่ ส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ไม่ต้องหรอก บำเพ็ญตบะก็บำเพ็ญตบะ เขาไปอยู่นั่นคงก่อกวน อีกทั้งเขายังโง่แบบนี้ ไม่อาจดูแลตนเองได้ จะลำบากท่านมาดูแลอีก ยังเรียกบำเพ็ญตบะอะไรอีก สิ่งชั่วร้ายที่เขาสร้างมาก่อน ไม่ไล่เขาไปก็เพราะเห็นแก่ท่าน”
ดวงตาของชื่อหยวนจื่อยิ่งอบอุ่นขึ้น ปากแข็งอย่างกับเข็มเหล็ก ความจริงก็ใจอ่อนหรอกหรือ
ฉินหลิวซีมองตาเฒ่าที่ท่าทางคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา ใบหน้าทะมึนลุกขึ้น “ข้าจะไปเดินเล่น ดูเหมือนจะมีผู้มีจิตศรัทธามากขึ้น”
“ไปเถิด ช่วงนี้มีคนมาดูดวงสมพงษ์ก็มาก ในเมื่อเจ้าว่างก็ช่วยไปดูสักหน่อย”
ฉินหลิวซีเดินออกไป มองเห็นคู่ชายหญิงหลายคู่พูดคุยกันโดยมีเหล่าสาวใช้คอยติดตามอยู่ไกลๆ จากนั้นมองสำรวจการพบปะกันของเหล่าชายหญิงสักพัก ดูอย่างไรก็เขินอายและน่าอึดอัด นางแทบอยากจับทั้งสองมาจับมือกัน
เดินมาวิหารด้านหลัง ชิงหย่วนกำลังถือดวงวันเกิดของคนสองคนพลางขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นนางพลันดีใจขึ้นมา เอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อยมาพอดี รีบมาดูดวงวันเกิดนี้ ข้าดูแล้วแปลกๆ”
ฉินหลิวซีเดินเข้าไป เอ่ย “ดวงวันเกิดแปลกๆ หรือ”
ชิงหย่วนยื่นดวงวันเกิดหนึ่งมาให้ “ท่านมาดูก่อน”
ฉินหลิวซีรับมาดู ยกนิ้วขึ้นมานับ เอ่ย “ดวงวันเกิดคนตายคนหนึ่ง มีสิ่งใดแปลกกันเล่า”
ชิงหย่วนปรบมือ “ใช่หรือไม่ เจ้าของดวงวันเกิดนี้ไม่อยู่แล้ว แต่กลับมีคนเอามันมาดูดวงสมพงษ์ ไม่แปลกหรอกหรือ นั่น คนมาแล้ว”
ฉินหลิวซีหันไปมอง มีสตรีสองคนในอาภรณ์งดงามเดินเคียงกันเข้ามา หนึ่งในนั้น ยังเป็นคนคุ้นเคยอีกด้วย