บทที่ 270 ท่านรู้จักนางด้วยหรือ?
ขณะที่ชายชราพูดพล่ามไม่หยุด ความเย็นชาบนตัวของโม่จวินเจ๋อยิ่งทวีคูณ สายตาของเขาเย็นเยียบขึ้นทุกที
“ยังต้องเดินทางไกลแค่ไหน?”
ชายชราถูกขัดจังหวะ จึงส่งเสียงจุ๊ปาก “ข้าบอกแล้วไงว่าคนหนุ่มไม่ควรใจร้อน วางใจเถอะ คนในดวงใจของเจ้าจะไม่ตายในเร็ววันหรอก!”
คำว่า ‘คนในดวงใจ’ ขับไล่ความเย็นชาโดยรอบให้จางหายไปทันที
โม่จวินเจ๋อเอียงหน้ามองไปที่หลิงเยว่ เขาเอื้อมมือไปเบา ๆ เพื่อปัดปอยผมที่ปรกหน้าของนางไปด้านข้าง
ชายชราเหลือบมองไปที่หลิงเยว่โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปทั้งตัว นาง นาง… หน้าตาเหมือนกับท่านผู้นั้นมาก!
แต่กลับไม่ใช่ท่านผู้นั้น!
“ท่านรู้จักนางด้วยหรือ?”
โม่จวินเจ๋อสังเกตเห็นความผิดปกติของชายชรา จึงถามขึ้น
“ไม่ ๆ ๆ ข้าไม่ได้รู้จักนางหรอก แต่ว่า… ข้าเคยพบหน้าบรรพบุรุษของนางมาก่อน พวกนางหน้าตาคล้ายกันมาก”
“บรรพบุรุษของนาง… มีลูกมากมายหรือไม่?”
ลูกอะไรกัน?
ผู้หญิงคนนั้นจะมีลูกได้ยังไง?
แม้แต่คู่ครองยังไม่มีเลย!
ใบหน้าชายชราเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แต่แล้วเขาก็นึกถึงเด็กที่เกิดจากหญ้าและเด็กที่เกิดจากสัตว์วิญญาณในวิหาร เขาจึงหัวเราะเบา ๆ “เจ้ากลัวจะต้องมาเป็นพ่อเด็กงั้นหรือ?”
โม่จวินเจ๋อ “…”
“หากเด็กสาวน้อยได้รับการสืบทอด ในอนาคตลูกหลานของพวกเจ้าคงมีมากมายเป็นพรวนเลยทีเดียว” ชายชราดูเหมือนจะขบขันกับคำพูดของตัวเอง เขาตบขาหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“นี่ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยก็มาห่วงแล้วว่านางจะมีลูกหรือไม่ ถึงแม้จะมีจริง ท่านคงไม่กล้าเลี้ยงหรอก”
โม่จวินเจ๋ออยากจะบีบคอชายชราอีกครั้ง ไม่สิ! การดึงลิ้นของเขาออกมาอาจจะได้ผลดีกว่า
“ท่านแม่ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรกัน!”
เจ้าตัวน้อยตาสีมรกตโผล่หัวออกมาจากบันไดชั้นบน แล้วรีบมาหาโม่จวินเจ๋ออย่างรวดเร็ว แล้วปีนขึ้นไปบนไหล่ของเขาอย่างคุ้นเคย
“ท่านแม่ ข้าได้เอาพี่ชายไปแลกกับยายแม่มดนั่นเพื่อแลกโอสถสงบจิตชั้นเลิศมาให้ท่าน กินเข้าไปแล้วท่านจะไม่ทรมานอีก!”
เด็กน้อยเทพพฤกษาค่อย ๆ หยิบโอสถออกมา กำลังจะป้อนเข้าปากหลิงเยว่ แต่โม่จวินเจ๋อกลับแย่งมันไป
“มนุษย์ เจ้าจะทำอะไรน่ะ!”
แน่นอนว่าต้องตรวจสอบโอสถสิ โม่จวินเจ๋อสังเกตโอสถสงบจิตชั้นเลิศอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจว่าโอสถไม่มีปัญหา จึงคืนให้เจ้าตัวเล็กที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เจ้าพูดกับพ่อในอนาคตของเจ้าแบบนี้ได้อย่างไร ช่างไร้มารยาทจริง ๆ!”
โม่จวินเจ๋อ “…”
ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด!
เด็กน้อยเทพพฤกษาที่ถูกชายชราดุ “?”
“ท่านปู่ ท่านออกมาได้อย่างไรกัน?”
“เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรนะ? เจ้าเอาพี่ชายไปมอบให้ยายแม่มดร้ายแล้วงั้นหรือ!”
เมื่อตาเฒ่าตัวเล็กที่มีเส้นประสาทสะท้อนกลับช้ากว่าปกติเบิกตากว้าง ร่างก็ขยับไปคว้าตัวเจ้าเด็กป่าดงดิบขึ้นมาตีก้นเป็นชุด
“แม่มดร้ายเป็นใครกัน?”
“ยายแม่มดนั่นดุร้ายนัก นางชอบเอาคนและสัตว์วิญญาณมากลั่นเป็นโอสถ น่ากลัวยิ่งนัก!” เด็กน้อยเทพพฤกษาที่ถูกตีจนร้องไห้ยังไม่ลืมหยุดตอบคำถามของโม่จวินเจ๋อ
“ในเมื่อรู้ว่านางน่ากลัวขนาดนั้น เจ้ายังเอาพี่ชายไปแลกโอสถอีก!” ตาเฒ่าตัวเล็กโมโหจนแทบระเบิด
เจ้าตัวเล็กรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก “ท่านตา ท่านไม่ได้บอกหรือว่าวิญญาณชั่วร้ายของแม่มดนั่นทำอะไรไม่ได้แล้ว ต่อให้ส่งพี่ชายไปให้นาง นางก็ไม่มีทางทำอะไรพี่ชายได้”
“ตัวนางอาจจะไม่ แต่ผู้สืบทอดของนางล่ะ!”
ได้ยินดังนั้น โม่จวินเจ๋อก็ผลักตาเฒ่าตัวเล็กออก แล้วคว้าตัวเด็กน้อยขึ้นมาถาม “ที่แม่มดร้ายนั่นนอกจากพี่ชายเจ้าแล้ว มีมนุษย์อยู่ด้วยหรือไม่?”
“มี มีห้าคน!”
“ในนั้นมีใครใส่เสื้อคลุมสีเขียวบ้างไหม”
“มีสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง!”
ได้คำตอบแล้ว โม่จวินเจ๋อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ติงหลิวหลิ่วและว่านอวี้เฟิงถูกส่งไปที่ห้องสืบทอดการกลั่นโอสถนี่เอง
“คนที่หายตัวไปจากทางเดินนั้น ไม่ใช่ถูกเลือกให้สืบทอดกันหมดหรอกหรือ?”
ตาเฒ่าตัวเล็กเหลือบมองโม่จวินเจ๋อ ผ่านไปตั้งนานแล้วเพิ่งนึกถามขึ้นมาได้ เป็นเพื่อนร่วมทางกับเขาช่างน่าสงสารจริง ๆ แต่พอนึกถึงนิสัยชอบลงไม้ลงมือทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำของอีกฝ่ายก็ยังตอบอย่างซื่อตรงดีกว่า
“ใช่แล้ว ผู้ที่ถูกเลือกให้สืบทอดวิชาจะต้องผ่านการทดสอบเท่านั้นจึงจะได้รับการสืบทอด ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับเลือกจะถูกส่งออกจากวิหาร”
ชายชรามองไปที่โม่จวินเจ๋อด้วยความรู้สึกหวนคิดถึงอดีต “พวกเจ้าเด็ก ๆ ช่างโชคดีนัก ทันทีที่มาถึงก็ถูกส่งตรงมายังวิหาร หากถูกส่งไปยังวิหารปีศาจล่ะก็ คงแย่แน่!”
“วิหารเสินโม่แท้จริงแล้วประกอบด้วยสองวิหารใหญ่ นั่นคือวิหารเทพและวิหารปีศาจใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง!”
ชายชราพยักหน้า จากนั้นเบิกตากว้าง “ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งนี้มนุษย์มาน้อยนัก ที่แท้พวกเจ้าเข้าไปในวิหารปีศาจก่อนนี่เอง!”
“เข้าไปในวิหารปีศาจแล้วยังมีชีวิตรอดออกมาได้ถึงหลายสิบคน!”
เขายังจำได้ว่าเมื่อวิหารปีศาจเปิดออกสองครั้ง ผู้ที่ออกมาได้ทั้งเป็นนับด้วยนิ้วมือยังไม่หมด ตอนนี้…
ชายชรามองไปที่หลิงเยว่ อ้อ! ครั้งนี้มีผู้สืบทอดของท่านอยู่ด้วย การพาคนออกมาได้หลายสิบคนจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่แปลกนัก ทำไมเมื่อผู้สืบทอดมาแล้ว ซากศพที่ท่านทิ้งไว้ถึงไม่ปรากฏกายออกมาเอง?
ชายชรารู้สึกคลุมเครือว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาหลับใหลมานานเกินไป จนสมองเซื่องซึมไปด้วยหรือนี่?
“ที่ชั้นบนสุดของวิหารปีศาจ พวกเจ้าเจอใครกัน เป็นร่างแยกของเทพปีศาจใช่หรือไม่?”
ชายชรากระวนกระวายใจ อยากให้โม่จวินเจ๋อพยักหน้า แต่กลับได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า “เป็นราชินีปีศาจหมอกแดง”
ช่างน่าสาปแช่ง ช่างน่าสาปแช่งจริง ๆ!
ราชาปีศาจผู้เจ้าเล่ห์ เพื่อจะหลอกพวกเขา ถึงกับยอมเสียสละราชินีปีศาจคนโปรดที่สุดในสิบสองคน เพียงเพื่อหลอกล่อพวกเขา แอบเข้ามาในวิหารเทพเพื่อแย่งชิงซากศพ!
หากแม้แต่ครึ่งหนึ่งของซากศพตกอยู่ในมือราชาปีศาจ เขาจะต้องตื่นขึ้นมาก่อนอย่างแน่นอน!
หากไร้ซึ่งการควบคุมของท่านผู้นั้น ทั้งโลกผู้บำเพ็ญเซียนก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของจอมปีศาจได้
ชายชราเหมือนได้เห็นภาพสัตว์อสูรทั่วทุกหนแห่ง และโลหิตนองเต็มโลกผู้บำเพ็ญเซียน
ท่านผู้นั้นยังตกอยู่ในห้วงนิทรา ผู้สืบทอดของท่านยังเยาว์วัยนัก จะเป็นคู่ต่อสู้ของจอมปีศาจได้อย่างไร?
ชายชรามองไปยังหลิงเยว่ด้วยสีหน้าเลื่อนลอย นางไม่ควรอ่อนเยาว์เพียงนี้ ท่านผู้อุทิศตนเพื่อฟ้าดินนั้นผ่านมาแล้วสองพันปี เมล็ดพันธุ์ที่นางให้กำเนิดไม่ควรอ่อนแอเช่นนี้…
ไม่เพียงอ่อนแอ แต่ยังพิกลพิการอีกด้วย
ต้องเป็นฝีมือของจอมปีศาจแน่!
จอมปีศาจนรกเอ๋ย!
“เขาซ่อนอยู่ที่นี่ ร่างแยกของเขาซ่อนอยู่ที่นี่ ร่างที่ไม่สมบูรณ์ต้องยังอยู่กับตัวเขา!”
ชายชราลากตัวโม่จวินเจ๋อ “ตามข้ามา หากเจ้าต้องการช่วยนางให้รอดชีวิต เจ้าต้องตามข้ามา!”
ร่างแยกของจอมปีศาจรออยู่ที่นี่เพื่อผู้สืบทอด และผู้สืบทอดก็ต้องการร่างที่ไม่สมบูรณ์ที่เขาซ่อนเอาไว้!
“ต้องหาร่างแยกของจอมปีศาจให้เจอ แล้วสังหารมัน ใช่! สังหารมัน!”
“ซ่อนอยู่ที่ไหน? บนชั้นบนสุดหรือ? หึ ๆ เจ้าก็กล้าซ่อนแค่ชั้นบนสุดเท่านั้น!”
ชายชราเริ่มคลุ้มคลั่ง ทำให้โม่จวินเจ๋องุนงงยิ่งนัก แต่เขาก็พอจับใจความสำคัญจากคำพูดเพ้อเจ้อนั้นได้
“ท่านคิดว่าข้าสังหารเขาได้หรือ?”
“สังหารไม่ได้ก็ต้องสังหาร” ชายชราหันกลับมาสีหน้าเคร่งขรึม “ต้องสังหาร ไม่เช่นนั้นคนที่เจ้าแบกอยู่…”
โม่จวินเจ๋อขบริมฝีปากแน่น หากนี่เป็นโอกาสเดียวที่จะช่วยหลิงเยว่ได้
เมื่อเห็นสีหน้าของโม่จวินเจ๋อดูมุ่งมั่นขึ้น ชายชราตัวเล็กก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “อย่างนี้สิถึงจะถูก เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะช่วยเรียกเพื่อนของเจ้ามาด้วย คนมากเท่าไรก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น!”
“หากพวกเขาได้รับมรดกตกทอดมาด้วย พวกเจ้าทุกคนร่วมมือกันจะเอาชนะปีศาจนั่นได้อย่างง่ายดาย!”
หากมันง่ายดายอย่างนั้นจริง แล้วทำไมเขาถึงได้บ้าคลั่งขนาดนั้นกัน?
โม่จวินเจ๋อไม่เชื่อ แต่ความจริงก็เป็นอย่างที่ชายชราพูดไว้ การร่วมมือกันจะทำให้มีความหวังมากขึ้น!