บทที่ 1395 หุ่นเชิดศึกภพอดีต
ที่ด้านนอกของแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า
จู่ ๆ หัวเจี้ยนคงก็กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน “พวกเขาเข้าสู่สระโลหิตอดีตชาติแล้ว” จากนั้นเขาก็หลับตาและนั่งสมาธิเงียบ ๆ
สำหรับเหตุผลนั้นง่ายมาก โลงศพเซียนยมโลกไม่เพียงแต่ขัดขวางพลังงานของเต๋าแห่งสวรรค์เท่านั้น แต่ยังทำให้เขาไม่อาจรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงทำได้เพียงรอผลลัพธ์สุดท้ายเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าหวังต้าวหลูและจั่วชิวไท่อู่ก็ทราบเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงนั่งสมาธิบนพื้นและรออย่างใจเย็น
…
โอม!
คลื่นพลังงานอันแปลกประหลาดเกิดขึ้น ในช่วงเวลาถัดมา กลุ่มของเฉินซีก็ปรากฏตัวในสถานที่แปลกประหลาดแล้ว
ท้องฟ้า พื้นดิน ภูเขา… ทุก ๆ ที่ที่สายตามองเห็นล้วนเป็นสีดำสนิท และดูเหมือนว่ามันถูกปกคลุมไว้ภายใต้ม่านแห่งราตรีนิรันดร์
มีเพียงสระโลหิตที่ลอยอยู่ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด สระโลหิตนั้นมีรูปทรงกลมเกลี้ยง ครอบคลุมพื้นที่ราวสองลี้ ทั้งยังเปล่งแสงสีโลหิตที่งดงามและแวววาว
ภายใต้ความมืดมิดอันกว้างใหญ่นี้ สระโลหิตลอยคว้างอยู่กลางท้องฟ้า ขณะที่แสงสีโลหิตพุ่งขึ้นไปบนผืนนภา และเต็มไปด้วยความผันผวนที่คลุมเครือ ซึ่งทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหว มันดูน่าทึ่งเป็นอย่างมาก
ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ทันทีที่กลุ่มสามคนของเฉินซีได้ปรากฏตัวภายในโลกที่อยู่ภายใต้ม่านแห่งราตรีนิรันดร์ ชั้นของระลอกคลื่นสีโลหิตก็พลุ่งพล่านออกมาจากภายในสระโลหิต และระเบิดเสียงดังก้องกังวาน ซึ่งฟังดูเหมือนเสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าหาชายฝั่ง ทั้งยังทำลายความเงียบงันของโลกอันมืดมนนี้
เพียงแค่ชั่วพริบตา โลกทั้งใบดูเหมือนจะตื่นจากการหลับใหลอันเป็นนิรันดร์ ทั้งยังแผ่กลิ่นอายที่แปลกประหลาดและคลุมเครือ ซึ่งทำให้หัวใจสั่นไหว
กลิ่นอายของมันลึกลับ และนำมาซึ่งแรงกดดันต่อหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้ มันเป็นดวงตาของเทพอสูรผู้ไร้เทียมทานจดจ้องไปที่พวกเขา ทำให้สีหน้าของเฉินซีและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปทันที
ช่างเป็นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
ในขณะนี้ ทั้งสามล้วนโคจรปราณเซียนพิสุทธิ์ไปทั่วร่างกายโดยสัญชาตญาณ ทำให้พลังชีวิตส่งเสียงดังกึกก้อง วิญญาณ แก่นแท้ และพลังงานภายในร่างกายปะทุเหมือนภูเขาไฟ พวกเขาต่างปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อต้านทานแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวนี้
ครืน!
หลังจากที่ทั้งสามโคจรพลังเสร็จสิ้น จู่ ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นมาจากสระโลหิตที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า จากนั้นคลื่นโลหิตก็พุ่งขึ้นไป และส่งเสียงดังก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน
ภายในคลื่นโลหิตที่พลุ่งพล่านนั้น กลับมีร่างที่สูงราวสี่จั้ง ซึ่งปกคลุมไปด้วยโลหิต ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากสระโลหิต
ร่างนั้นถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีโลหิต ทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ได้อย่างชัดเจน มีเพียงดวงตาสีแดงเข้มที่เฉยเมยและสงบคู่นั้นที่กะพริบเป็นเส้นแสงช่างแปลกประหลาดและลี้ลับ
พร้อมกับการปรากฏตัวของร่างนี้ สระโลหิตที่แต่เดิมส่งเสียงดังกึกก้อง และพลุ่งพล่านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก็กลับมาสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ราวกับกลายเป็นสระน้ำที่ไม่ไหวติง
เมื่อมองจากระยะไกล ร่างนั้นดูเหมือนทวยเทพผู้ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจ ซึ่งทำให้ฟ้าดินมืดสลัว
“หุ่นเชิดศึกภพอดีต!” หลิงชิงอู๋ร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว นางจำต้นกำเนิดของร่างนั้นได้ และมันไม่ใช่อสูรภพอดีต แต่เป็นหุ่นเชิดศึกภพอดีตที่น่ากลัวยิ่งกว่า
“หุ่นเชิดศึกภพอดีตคือสิ่งใด?” เฉินซีและเยี่ยถังต่างก็ตกตะลึง
“สัตว์ประหลาดนั้นถูกล้างบางไปจากสามภพเมื่อนานมาแล้ว ตามตำนานเล่าว่า มันเป็นสุดยอดมรดกของเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ เนื่องจากหุ่นเชิดศึกดังกล่าวได้รับพลังงานจากสระโลหิตอดีตชาติ ร่ำลือว่าเป็นอมตะ ทุก ๆ ครั้งที่มันถูกฆ่า มันจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ และพลังจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!” หลิงชิงอู๋อธิบายอย่างรวดเร็ว “ข้าอ่านเรื่องนี้มาจากตำราโบราณ เดิมทีข้าคิดว่าคู่ต่อสู้ของเราในครั้งนี้จะเป็นอสูรภพอดีต ใครจะคิดว่าจะเป็นเจ้าตัวประหลาดนี่!”
เผ่าช่างฝีมือวิญญาณ!
สิ้นเสียงพูด เฉินซีก็หวนนึกถึงเหตุการณ์มากมายในอดีตทันที
นานมาแล้วตอนที่เขายังอยู่ในภพมนุษย์ เฉินซีและอาซิ่วได้เข้าไปในสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ และได้เห็นหุ่นวิญญาณศึกจำนวนมากจากเผ่าช่างฝีมือวิญญาณที่นั่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่แท่นบูชายัญลึกลับ เฉินซียังได้เคล็ดวิชาลับที่สืบทอดภายในเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ ซึ่งเป็นคัมภีร์จักรพรรดิแห่งการควบคุม จนเกือบจะลืมมันไปแล้ว
ถึงอย่างไร เคล็ดวิชาลับนี้มาจากเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ ซึ่งอยู่ในยุคบรรพกาลที่นิกายต่าง ๆ ได้แย่งชิงความเป็นใหญ่ เผ่าช่างฝีมือวิญญาณถูกขับออกจากสามภพ ปัจจุบัน มันกระจัดกระจายไปทั่วนอกพิภพ และกลายเป็นสมาชิกของคนต่างพิภพ ดังนั้นในสามภพ เคล็ดวิชาลับนี้จึงถือเป็นสิ่งต้องห้าม หากมีคนใช้มัน จะต้องนำปัญหาและข้อพิพาทมากมายมาสู่ผู้ที่ครอบครองอย่างแน่นอน
ทว่าเฉินซีก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า สระโลหิตอดีตชาติที่ลึกลับที่สุดภายในแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะเกี่ยวข้องกับเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ
หรือจักรพรรดิเต๋ามีความสัมพันธ์บางอย่างกับเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ? มิฉะนั้นหุ่นเชิดศึกภพอดีตจะมีอยู่ในสระโลหิตอดีตชาติได้อย่างไร?
ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นมาในใจของเฉินซีทันที “การทดสอบของเราในครั้งนี้ คงจะไม่ใช่การเอาชนะหุ่นเชิดศึกภพอดีตกระมัง?”
หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังพยักหน้าพร้อมกัน
ทันใดนั้น เสียงอันเยือกเย็นก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน “เอาชนะข้าและรับมรดกไป ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า?”
เสียงนี้เยือกเย็นและดังก้องไปทั่วสวรรค์ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา
ในช่วงเวลาเดียวกับที่เสียงนั้นดังก้องขึ้น หุ่นเชิดศึกภพอดีตที่ยืนอยู่ในสระโลหิต และถือหอกโลหิตที่ยาวเกือบสองจั้งครึ่ง มีรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งแผ่แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว ทำให้พื้นที่โดยรอบค่อย ๆ พังทลายลงทีนะนิด
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ…” เฉินซีพึมพำ
“มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ต่อสู้ในการทดสอบนี้ เมื่อบุคคลนั้นล้มเหลว เราทุกคนจะหมดสิทธิ์ได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าทันที เช่นนั้น… ให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ” หลิงชิงอู๋ดูกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
“ตามความรู้ของข้า หุ่นเชิดศึกภพอดีตเป็นอมตะ ทุกครั้งที่ฟื้นคืนชีพ มันจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ศิษย์พี่หลิง ท่านมีความมั่นใจที่จะเอาชนะมันหรือ?” เยี่ยถังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลอย่างอดไม่ได้
หลิงชิงอู๋ตกตะลึง จากนั้นนางก็ส่ายศีรษะ “ข้ามั่นใจเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไร ข้าก็สร้างกฎปราชญ์เต๋าของตนเองแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจึงถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา?”
ขณะที่กล่าว นางชำเลืองมองเฉินซีอย่างอดไม่ได้ ตลอดทางที่ผ่านมา นางสังเกตเห็นแล้วว่า แม้ความแข็งแกร่งของเฉินซีจะน่าเกรงขาม แต่เขาก็ยังไม่ได้สร้างกฎปราชญ์เต๋าของตัวเอง
“ให้ข้าลองเถอะ ข้าค่อนข้างคุ้นเคยกับสัตว์ประหลาดตัวนี้” เฉินซีกลับโพล่งขึ้นมา คำพูดของเขาทำให้หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังตกตะลึงอย่างมาก
หมายความว่าอะไร ที่ว่าคุ้นเคย?
หรือเคยต่อสู้กับหุ่นเชิดศึกภพอดีตมาก่อน?
มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด!
ฟิ่ว!
ทว่า ก่อนที่ทั้งสองจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากเฉินซี ร่างสูงใหญ่ก็พุ่งไปที่สระโลหิตอดีตชาติแล้ว
“เจ้าหมอนี่!” หลิงชิงอู๋โกรธมาก ที่เฉินซีได้ตัดหน้านางเช่นนี้
แต่ถึงอย่างไร นางก็อดกังวลไม่ได้ เพราะเฉินซียังไม่ได้สร้างกฎปราชญ์เต๋าของตัวเอง แม้จะคุ้นเคยกับหุ่นเชิดศึกภพอดีต แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น เขาจะสามารถเอาชนะมันได้หรือ?
“ศิษย์พี่หลิง ดูเหมือนว่าเราจะเป็นได้แค่ผู้ชมเท่านั้น” เยี่ยถังยิ้มอย่างสบายใจ เขามั่นใจในตัวเฉินซีมาโดยตลอด แม้จะกังวลแต่ก็รู้สึกได้ว่า เมื่ออีกฝ่ายกล้าที่จะตัดสินใจเช่นนี้ แปลว่าต้องมีความมั่นใจอย่างแน่นอน
“เจ้ายังหัวเราะได้อีกหรือ? เจ้านี่มันใจดำจริง ๆ!” หลิงชิงอู๋จ้องมองด้วยความโกรธเคือง แต่ก็ต้องขอบคุณเช่นกัน เพราะสภาพจิตใจของนางผ่อนคลายลงอย่างมากหลังจากถูกขัดจังหวะ หรือชายคนนี้จะจงใจ?
…
แสงสีโลหิตไหลผ่านท้องฟ้า และย้อมม่านราตรีนิรันดร์ให้เป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่ง
ณ กลางอากาศ เฉินซีและหุ่นเชิดศึกภพอดีตยืนเผชิญหน้ากัน พลังชีวิตพุ่งออกมาราวกับมังกรที่ออกจากรัง และประจันหน้ากันจากระยะไกล
หากสังเกตดูดี ๆ แม้กลิ่นอายของหุ่นเชิดศึกภพอดีตจะน่าทึ่ง แต่มันก็คงอยู่ที่ขอบเขตเซียนปราชญ์เท่านั้น ด้วยเนตรเทวะแห่งความจริงของเฉินซี เขาสามารถสังเกตได้ว่า กลิ่นอายของมันเชื่อมโยงกับสระโลหิตอดีตชาติ และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ ก่อให้เกิดความเชื่อมโยงที่ลึกลับระหว่างพวกมัน ทำให้กลิ่นอายของหุ่นเชิดศึกภพอดีตไม่อาจหยั่งถึงได้
เคร้ง!
หุ่นเชิดศึกเหวี่ยงหอกโลหิต ชี้ไปทางเฉินซี จากนั้นแรงกดดันก็ถาโถมออกมาจากร่างของมัน
หอกส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า หุ่นเชิดศึกภพอดีตแผ่กลิ่นอายที่ไม่มีใครเทียบได้ ในขณะที่หอกโลหิตทะลุผ่านท้องฟ้าและฉีกมิติที่อยู่ข้างหน้ามันเป็นเสี่ยง ๆ!
เมื่อมันเหวี่ยงหอกโลหิต ปราณโลหิตก็พวยพุ่งและทำลายเมฆไปทุกทิศทุกทาง เมื่อมองจากระยะไกล มันเหมือนกับเตาหลอมที่กำลังปลดปล่อยปราณโลหิตออกมา
ฟิ่ว!
ในเวลาเดียวกัน สายตาของเฉินซีก็จดจ้องไปราวกับสายฟ้าฟาด ก่อนที่จะก้าวออกไปอย่างกล้าหาญ ร่างสูงใหญ่พุ่งทะยานไปข้างหน้า เกิดเป็นลำแสงเปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ทอดยาวออกไปเป็นระยะทางหลายร้อยลี้ เขาเป็นเหมือนดาวหางที่พุ่งลงมาจากจักรวาล ทั้งพร่างพราย สุกสกาว จนไม่สามารถมองตรง ๆ ได้!
ชายหนุ่มเหวี่ยงกระบี่เซียนนภาม่วงราวกับจอมเทพกระบี่ที่จุติลงมายังโลก และตั้งใจที่จะฟันกรงที่ปกคลุมฟ้าดินออกจากกัน!
กระบี่เซียนนภาม่วงดูเหมือนกำลังลุกไหม้ และมันเปล่งประกายด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำให้ฟ้าดินสั่นสะท้าน ในขณะที่คำรามเสียงแหลมคมดังกึกก้อง
ตู้ม!
การโจมตีครั้งนี้เหมือนกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ชนกัน ฟ้าดินพังทลาย ม่านราตรีนิรันดร์ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่อวกาศก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ฝุ่นผงกลายเป็นเถ้าธุลี
รอยแยกมิติขนาดมหึมานับหมื่นปรากฏขึ้น และแผ่ขยายไปสู่บริเวณโดยรอบราวกับใยแมงมุมที่สลับซับซ้อน ซึ่งน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ในสนามรบ ไม่ว่าจะเป็นเฉินซีหรือหุ่นเชิดศึก พวกเขาก็เป็นเหมือนราชาในหมู่ปราชญ์ และแผ่กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา ยิ่งไปกว่านั้น ทุกกระบวนท่า ก็ทำให้ฟ้าดินพังทลาย
“ช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก!” เยี่ยถังอุทานด้วยความประหลาดใจ และจ้องมองการต่อสู้ตาไม่กะพริบ “พลังต่อสู้ของศิษย์น้องเฉินซีนั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเซียนปราชญ์ที่ข้าเคยพบ ทั้งที่ยังไม่ได้สร้างกฎปราชญ์เต๋าของตัวเอง มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ”
“เขาน่ากลัวมากจริง ๆ แต่อย่าลืมว่าหุ่นเชิดศึกภพอดีตจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่มันถูกฆ่า หากเฉินซีไม่สามารถหาวิธีที่เอาชนะมันได้อย่างสมบูรณ์ ผลที่ตามมาก็คงไม่อาจจินตนาการได้”
หลิงชิงอู๋ต้องยอมรับจากใจจริงว่าเฉินซีนั้นน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ถึงขั้นรู้สึกว่าถ้าต้องต่อสู้กับเฉินซี ก็คงมีโอกาสชนะเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
แต่นางไม่สามารถใส่ใจเรื่องอื่นได้ในขณะนี้ เพราะหุ่นเชิดศึกภพอดีตก็น่ากลัวอย่างยิ่ง และมันทำให้นางไม่มีอารมณ์ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับเฉินซีอีกต่อไป