บทที่ 525 กลับไปอย่างปลอดภัย
“เฮ้ ดูนั่น ออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ!”
“เหมือนไม่บาดเจ็บอะไรเลยสักนิด”
“มันเป็นยังไงกันแน่ วังเมฆาสีชาดแค่พูดคุยด้วยดี ๆ งั้นเหรอ คำพูดข่มขู่ดุดันก่อนหน้านี้เป็นเรื่องล้อเล่นรึไง?”
“ทำไมมันดูผิดคาดขนาดนี้ได้ เริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร”
หลังอู๋ฝานกลับออกมาจากห้องส่วนตัว ลูกค้าทั้งหลายที่ชั้นสองต่างแทบชะเง้อคอออกมารับชม เนื่องจากวันนี้พวกเขาไม่ได้มาเพื่อกินดื่ม แต่มาเพื่อดูว่าอู๋ฝานจะคลี่คลายปัญหากับวังเมฆาสีชาดได้อย่างไรต่างหาก
เดิมผู้คนต่างคิดว่าหากอู๋ฝานมาเพียงลำพัง เรื่องราวคงจบลงไม่ดีนัก และเป็นไปได้ว่าจะบาดเจ็บหรือถึงขนาดเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่
แต่แล้วเรื่องกลับแปลกไปจนทุกคนรู้สึกว่าผิดคาด อู๋ฝานกลับออกมาโดยไม่มีบาดแผลอะไร ลูกค้าบางคนที่อยู่ห้องใกล้ ๆ กันยังไม่ได้ยินเสียงใช้ความรุนแรงดังเลยด้วยซ้ำ
ฝูงชนต่างสับสนและสงสัย หรือจะเป็นไปได้ว่าวังเมฆาสีชาดยอมเจรจาด้วยดี?
แม้เผชิญหน้ากับความเห็นมากมายของผู้คน อู๋ฝานยังคงสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ ขณะเดินออกจากร้านไปอย่างนิ่งเฉย ราวกับผู้คนที่จับจ้องมองมาและพูดคุยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตนเอง
เรื่องที่อู๋ฝานออกจากร้านคัลเลอร์แมนได้อย่างปลอดภัยเริ่มกระจายไปทั่วเจียงโจวในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่เฝ้าจับตามองอยู่ล้วนได้ทราบข่าว บางคนแปลกใจ บางคนสงสัย บางคนไม่ยินดี บางคนตื่นเต้น สารพัดอารมณ์ความรู้สึกหลากหลายกำลังเกิดขึ้น
“ตึง!”
และหลังเจียงอวี่รู้ว่าอู๋ฝานออกจากร้านคัลเลอร์แมนได้อย่างปลอดภัย เขาถึงขั้นโมโหจนเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง สีหน้าในเวลานี้เคียดแค้นและเกิดข้อสงสัย “บัดซบ! มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? พวกคนของวังเมฆาสีชาดมันจะเอายังไงกันแน่? ก่อนหน้านี้ประกาศชัดขนาดนั้น ตอนนี้กลับจบแบบเสือม้วนหางอย่างนั้นเหรอ? ไอ้พวกขี้แพ้เฮงซวย!”
เจียงอวี่สบถเสียงดังลั่นอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าแดงก่ำโกรธแค้นอย่างไม่คิดปิดบัง
ข่าวที่เพิ่งได้รับไม่มีส่วนใดทำให้เขายินดีได้ทั้งนั้น กระทั่งสบถก่นด่าคนของวังเมฆาสีชาดที่ควรจะจัดการอู๋ฝาน หลังจากนั้นเขาจะได้ตามไปซ้ำเติม แต่ใครกันจะคาดว่าผลลัพธ์ในร้านคัลเลอร์แมนจะออกมาเป็นแบบนี้
“ลูกเป็นอะไรไป? ทำไมโมโหขนาดนี้?” พ่อของเจียงอวี่ เจียงฟั่นโจวเดินเข้ามาก่อนมองโทรศัพท์บนพื้นที่แตกกระจาย ก่อนจะนั่งลงโซฟาด้วยอาการสงบและเอ่ยถาม
“พ่อ! เรื่องที่ร้านคัลเลอร์แมนน่ะสิครับ คนของวังเมฆาสีชาดปล่อยอู๋ฝานกลับไปแล้ว! แบบไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน! ไม่เหมือนมีเรื่องกันสักนิด!” เจียงอวี่ตอบกลับด้วยใจไม่ยินดี
“ปกติ?” เจียงอวี่มองผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าประหลาดใจ “วังเมฆาสีชาดลั่นวาจาเอาไว้ยิ่งใหญ่ แต่เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ยังเรียกว่าปกติอีกงั้นเหรอครับ? อู๋ฝานไปเพียงคนเดียว ไม่มีสำนักอะไรหนุนหลัง ทว่าวังเมฆาสีชาดกลับไม่ลงมือและปล่อยไป ทำไมถึงเป็นเรื่องปกติได้ล่ะครับ?”
“ปกติอยู่แล้ว!” เจียงฟั่นโจวพยักหน้าตอบอย่างหนักแน่น “เสี่ยวอวี่ บางครั้งเรื่องที่เห็นมันก็ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด”
“พ่อหมายความว่ายังไงกันครับ? เหมือนผมจะเริ่มไม่เข้าใจแล้ว จะบอกว่าวังเมฆาสีชาดหวาดกลัวอู๋ฝานงั้นเหรอครับ? แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงกล้าประกาศถึงขนาดนั้น มันไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าตัวเองเหรอครับ?” เจียงอวี่เอ่ยถาม
“สำนักฝั่งอู๋ฝานไม่แสดงตัวออกมา แล้ววังเมฆาสีชาดจะหวาดกลัวอะไรได้?” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ “เหตุผลที่พวกเขาปล่อยคนกลับไปโดยไม่ทำอะไร มันเป็นเรื่องที่ต้องมองสองมุม หนึ่งคืออู๋ฝานยอมรับแต่โดยดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขออภัยหรือมอบร้านโลกในแหวนให้อีกฝ่าย หรืออีกเรื่องคืออู๋ฝานไม่ยอมอ่อนข้อ วังเมฆาสีชาดไม่อยากให้แสงไฟเจิดจ้านี้กระทบถึงตนเอง เมื่อถึงเวลานั้นลูกคิดว่ามันจะเป็นยังไงต่อ?”
เจียงอวี่ครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ทางแรกไม่น่าเป็นไปได้ครับ ถ้าอู๋ฝานยอมศิโรราบก็คงไม่รอจนถึงวันสุดท้าย อีกทั้งช่วงสามวันมานี้ร้านโลกในแหวนก็ไม่ได้เงียบเหงาเลย กระทั่งจัดกิจกรรมดึงดูดลูกค้า เห็นได้ชัดว่าไม่เก็บคำขู่ของวังเมฆาสีชาดมาใส่ใจ เป็นไปไม่ได้ที่ปุบปับวันนี้จะยอมโอนอ่อนให้”
เจียงฟั่นโจวพยักหน้าตอบ “ถูกต้องแล้ว ถ้าอู๋ฝานคิดยอมจำนน เรื่องที่วังเมฆาสีชาดได้กลืนกินร้านโลกในแหวนก็ต้องเปิดเผยออกมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้น”
“ถ้าไม่ใช่อย่างแรก ก็ต้องเป็นอย่างที่สอง แล้วเพราะอะไรวังเมฆาสีชาดถึงไม่อยากให้แสงไฟสาดส่องลงมาที่ตัวเองล่ะครับ?” เจียงอวี่งุนงง
“เจ้าของร้านคัลเลอร์แมนเป็นใคร?”
“วังเมฆาสีชาดไงครับ”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอู๋ฝานที่ร้านคัลเลอร์แมน หรือต่อให้ตายที่นั่น ใครกันที่ต้องโดนสงสัยหรือต้องรับผิดชอบมากที่สุด?”
เจียงอวี่ดวงตาเบิกกว้างขึ้นมา “ร้านคัลเลอร์แมนกับวังเมฆาสีชาด!”
“ใช่แล้ว” เจียงฟั่นโจวพยักหน้าตอบ “เพราะมีคนสนใจเรื่องในคืนนี้มากเกินไป แม้วังเมฆาสีชาดจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ไม่ใช่ทุกฝ่ายในเจียงโจวจะเป็นมิตรด้วย ถ้าพวกเขาลงมือสังหารอู๋ฝานที่นั่น ก็ยากจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีคนของสำนักอื่นใช้เป็นข้ออ้างลงมือกับวังเมฆาสีชาด”
“เข้าใจแล้วครับ!” เจียงอวี่พยักหน้ารับ “พ่อกำลังจะบอกว่าคนของวังเมฆาสีชาดไม่ต้องการฆ่าอู๋ฝานอย่างเปิดเผย แต่จะลงมืออยู่เบื้องหลัง และไม่เปิดโอกาสให้ใครก็ตามสืบสาวราวเรื่องมาถึงใช่ไหมครับ?”
เจียงฟั่นโจวพยักหน้ารับ “วังเมฆาสีชาดได้ประกาศออกมาแล้ว หากเรื่องจบลงโดยต่างฝ่ายต่างแยกย้าย อย่างนั้นจะให้ทั้งสำนักเอาหน้าไปมุดไว้ที่ใด? ถ้าเป็นแบบนั้นคำพูดของพวกเขาในอนาคตจะมีใครฟังอีก? พวกเขาแค่ไม่ลงมือในร้านคัลเลอร์แมนเพราะไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่คืนนี้รอดูเถอะ เรื่องยังไม่จบและยังต้องมีต่อ การแสดงเพิ่งเปิดม่านขึ้นเท่านั้น!”
เจียงอวี่พยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วครับ พวกเขาคงไม่มีทางปล่อยมันรอดไปอยู่แล้ว ไม่งั้นก็ไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำ!”
“วางใจและจับตาดู วังเมฆาสีชาดจะไม่ปล่อยอีกฝ่ายรอดไปแน่” เจียงฟั่นโจวตอบรับอย่างมั่นใจ
หลี่ปิงที่คอยให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ยังต้องตื่นตระหนกยามได้รู้ว่าอู๋ฝานกลับไปได้อย่างปลอดภัย และในเมื่อเรื่องดำเนินมาตามแนวทางนี้ วังเมฆาสีชาดคงไม่มีทางลงมือกับตระกูลเกิ่ง แบบนั้นอาศัยเพียงตระกูลหลี่และหุ้นส่วนคนอื่นคงไม่มีทางบีบบังคับยึดกิจการได้ พวกเขาอาจถึงขั้นโดนการตอบโต้จากตระกูลเกิ่ง
ถ้าจะมีใครสักคนต้องการให้อู๋ฝานและวังเมฆาสีชาดแตกหักกันอย่างแรงกล้า ก็คงเป็นหลี่ปิง
เขาอยากจะโทรหาผู้เป็นพ่อเพื่อบอกให้ยกเลิกแผนงานและเร่งรีบกลับมาก่อนจะเกิดเรื่องผิดคาด แต่ก่อนจะทันโทรหา เขากลับเปลี่ยนใจต่อสายไปยังคนของวังเมฆาสีชาดเพื่อดูว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
คำตอบที่อีกฝั่งมอบให้นั้นทำให้หลี่ปิงวางใจและโล่งอก พวกเขาไม่มีความคิดจะปล่อยอู๋ฝานให้รอดพ้น แต่จะตามไปลงมือภายหลังตามเดิม ส่วนเรื่องของตระกูลเกิ่งก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เรื่องนี้จึงทำให้หลี่ปิงสามารถวางใจได้
แม้หลี่ปิงยังไม่ทราบว่าเพราะอะไรคนของวังเมฆาสีชาดถึงปล่อยตัวอู๋ฝานกลับไปง่าย ๆ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่คิดกลับคำพูด เขาก็ไม่จำเป็นต้องโทรไปขอให้ล้มเลิกแผนการเล่นงานตระกูลเกิ่ง