ตอนที่ 580 ปีศาจจากไหนเนี่ย / ตอนที่ 581 ไม่เอาก ข ค
ตอนที่ 580 ปีศาจจากไหนเนี่ย
วันรุ่งขึ้นมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพกรองเท้าบู๊ทสกีสำหรับบอร์ดเดี่ยวมา
รองเท้าบู๊ทสำหรับบอร์ดเดี่ยวกับบอร์ดคู่ไม่เหมือนกัน พวกเขาจึงซื้อแบบครบชุดมาเลย รวมถึงสโนวบอร์ดด้วย
เจอกับครูสอนสกีที่ทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นก็ไปยังจุดเล่นสกีจุดอื่นที่ไม่เหมือนเมื่อวาน
ถึงอย่างไรก็ต้องเรียนทฤษฎีก่อนค่อยสาธิต จากนั้นก็เล่นไปด้วยกัน
ครึ่งวันเช้ามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเรียนการสกีลงเนินชัน ส่วนครึ่งวันบ่ายเรียนเล่นจุดผาดโผน
ครูสอนสกีเห็นสาวน้อยดูตื่นเต้นเป็นพิเศษก็อดแปลกใจไม่ได้
การสกีลงเนินชันกับจุดผาดโผนมันเท่ห์มากสนุกมากก็จริง แต่สาวๆ ส่วนใหญ่จะใจไม่ค่อยกล้า คนที่เพิ่งหัดเล่นได้วันเดียวยิ่งไม่กล้าลองเข้าไปใหญ่
ถ้าไม่ใช่เพราะสองคนนี้พรสวรรค์สูง เขาก็ไม่มีทางพาสองคนนี้มาเล่นผาดโผน เพราะจุดผาดโผนของลานสกีที่นี่ค่อยข้างใหญ่มากทีเดียว
ปรากฏว่าไม่ว่าจะจุดเล็ก จุดใหญ่ จุดเร้าใจ…ทั้งวันมานี้เล่นเอาครูสอนสกีถึงกับสงสัยวิชาของตัวเอง
นี่มันปีศาจจากไหนเนี่ย!
สองวันแล้ว ไม่มีล้มเลยยังไม่เท่าไร แม้แต่เทคนิคต่างๆ อย่างการตีลังกากลางอากาศตอนสกีขึ้นจุดผาดโผน การม้วนตัว การจับบอร์ด สองคนนี้ก็ยังทำได้สวยกว่าเขา!
นี่มันไม่ใช่แค่พรสวรรค์ธรรมดาแล้ว!
อยากเล่าให้น้องชายฟังเหลือเกินว่าสองคนนี้…
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนมองครูสอนสกีที่อยู่ ๆ ก็หยุด พวกเขางง
“เสี่ยวมู่ เสี่ยวลู่ พรุ่งนี้ยังไม่กลับกันใช่ไหม”
“พวกเรายังอยากเล่นกันอีกสองสามวันค่ะ กะว่าพรุ่งนี้จะไปเส้นทางสกีแบบวิบาก”
ครูสอนสกีตบต้นขาฉาด “พรุ่งนี้ผมพาไปเอง มาให้ฟรีเลย”
ตี้อู๋เปียน “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับครู”
ครูสอนสกียิ้ม “เปล่าหรอก เห็นพวกเธอเรียนรู้เร็ว ทำได้ดี อยากเป็นเพื่อนด้วย ผมชอบคนที่เล่นสกีเก่งน่ะ!”
ทั้งสองคนงงหนักกว่าเดิม
“เสี่ยวมู่กับเสี่ยวลู่ยังเรียนอยู่ไหม”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “พวกเราทำงานแล้วค่ะ”
“แล้วทำงานด้านกีฬาหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นหมอ ส่วนพี่ชายทำงานด้านไอทีค่ะ”
“เอ…แต่หน่วยก้านของพวกเธอ…เหมือนคนที่ออกกำลังกายมาตลอดนะ…”
มู่เถาเยายิ้มพูด “พวกเราฝึกต่อสู้มาน่ะค่ะ ต้องฝึกฝนทุกวัน”
“มิน่าล่ะ! พวกเธอมีสุขภาพที่ดีขนาดนี้อยากเป็นนักกีฬาไหม” ครูสอนสกีรูปร่างสูงใหญ่อายุราวสามสิบห้าสามสิบหกยิ้มถามเหมือนหมาป่าหลอกหนูน้อยหมวกแดง
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนมองหน้ากัน สีหน้าดูจนปัญญา
“พวกเราชอบงานของตัวเองมากอยู่แล้วค่ะครู”
“ฮ่า ๆ อะไรก็มาซื้อความดีใจของผมไม่ได้” เขาไม่รีบ ตอนเย็นคุยกับน้องชายก่อน อย่างไรเสียหนุ่มสาวสองคนนี้ก็ยังอยู่อีกหลายวัน
มู่เถาเยาพยักหน้า “งั้นพวกเรากลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้เจอกันที่เก่าเวลาเดิมค่ะ” แน่นอนว่าค่าสอนก็ต้องจ่าย
“ได้เลยๆ เดี๋ยวไว้ส่งรูปถ่ายให้นะ”
“ค่ะ”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกลับโรงแรม สั่งอาหารตรงห้องโถงแล้วกลับห้อง
ห้องครัวทำเสร็จก็เอาไปให้พวกเขาที่ห้อง
กินเสร็จคุยกันสักพักก็เข้าห้องของตัวเองพักผ่อน
วันที่สามของการเล่นสกี ดวงอาทิตย์เจิดจ้า สาดแสงเหนือหิมะขาวโพลน
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเลือกเล่นสกีบอร์ดคู่แบบวิบาก เพราะบอร์ดคู่ทรงตัวได้มั่นคงกว่า อีกทั้งสภาพเลนสกีที่เหมาะกับบอร์ดคู่ก็เยอะกว่า เช่น เลนหิมะเละ เลนหิมะที่เป็นน้ำแข็ง เล่นได้หมดไม่มีปัญหา และยิ่งเหมาะกับการเล่นวิบาก
แล้วก็การสกีแบบบอร์ดคู่ก็ใช้ความเร็วได้มากกว่าบอร์ดเดี่ยว ตามบันทึกโลก บอร์ดคู่เร็วกว่าบอร์ดเดี่ยวถึงห้าสิบกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง
ครูสอนสกีบอกสิ่งที่พึงระวังในการเล่นสกีวิบากเสร็จก็เปลี่ยนเรื่องคุยแทรกโฆษณาอย่างเนียนๆ “เมื่อเทียบกับบางประเทศแล้ว พื้นฐานกีฬาสกีวิบากของประเทศเหยียนหวงค่อนข้างอ่อน พละกำลังกับเทคนิคของนักกีฬายังขาดอยู่มาก…พวกเธอพละกำลังดี พรสวรรค์สูง ใจกล้า สร้างเกียรติให้ประเทศได้สบาย…” บลาๆๆ
โฆษณาเชิญชวนเต็มที่ เล่นเอามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนหมดคำจะพูด
“…อันที่จริงเป็นนักกีฬาดีออกนะ มีเงินเดือน มีโบนัส โด่งดังด้วย…อาจรายได้ดีกว่าเป็นหมอหรืองานด้านไอทีอีกนะ ลองพิจารณาดูหน่อยไหม”
มู่เถาเยายิ้มถาม “โค้ชหวังคะ โค้ชรู้จักนักกีฬาสกีหรือโค้ชสกีระดับประเทศคนไหนหรือเปล่าคะ”
“เอ่อ…มันชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้าหงึก ๆ
หลังแข่งขันกีฬานานาชาติจบ พวกโค้ชระดับประเทศของกีฬาทุกชนิดต่างมาชวนเธอเข้าร่วมทีม เธอจึงคุ้นเคยกับคำพูดหลอกล่อพวกนี้แล้ว!
โค้ชหวังยิ้มตอบ “น้องชายผมเป็นโค้ชสกีทีมชาติน่ะ”
“โค้ชหวังหลินเหรอคะ” เธอจำได้ว่าทีมสกีทีมชาติมีโค้ชแซ่หวังแค่คนเดียว
“เอ๊ะ พวกเธอรู้จักเขาด้วยเหรอ ปกติสนใจข่าวสารด้านกีฬาอยู่แล้วเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ดูการแข่งขันกีฬาทุกครั้งค่ะ”
ไม่ใช่แค่โค้ชทีมชาติของกีฬาทุกชนิดจะรู้จักเธอ เธอเองก็พอจำพวกโค้ชได้ ใครใช้ให้เธอความจำดีล่ะ!
โค้ชหวังพูดขึ้น “ในเมื่อสนใจ งั้นมาเป็นนักกีฬาไหม ฝีมือระดับพวกเธอ นี่แหละเมล็ดพันธุ์แชมป์เลย!”
มู่เถาเยาพูดด้วยความรู้สึกขำ “โค้ชหวังคะ พวกเราอายุเยอะแล้วค่ะ”
ถึงแม้บางกีฬาจะจำกัดอายุ ส่วนใหญ่จะไม่จำกัด แต่คณะกรรมการกีฬาระดับนานาชาติก็อยากให้นักกีฬาอายุน้อยๆ ได้ลงแข่ง เช่น งานแข่งขันกีฬาฤดูหนาวครั้งก่อน นักกีฬาสกีที่ได้แชมป์อายุแค่สิบกว่าทั้งนั้น
ในระดับสากล นักกีฬาสกี ‘สูงวัย’ อายุยี่สิบเจ็ดปีแบบตี้อู๋เปียนมีน้อยมาก
โค้ชหวังคิดว่าพวกเขาเริ่มสนใจแล้วจึงพูดด้วยความตื่นเต้น “พวกเธออายุยังไม่เยอะ…” บลาๆๆ ไม่จบไม่สิ้น
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียน “…”
ตอนที่ 581 ไม่เอาก ข ค
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพักอยู่ที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้หนึ่งสัปดาห์
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาไปเล่นสกีทุกวัน ตอนนี้เล่นได้เก่งไม่แพ้นักกีฬาสกีมืออาชีพแล้ว
โค้ชหวังพูดเกลี้ยกล่อมอยู่หลายวันก็ไม่สามารถทำให้พวกเขา ‘ทิ้งบุ๋นมาอยู่บู๊’ ได้ จำต้องมองส่งพวกเขาออกไปด้วยความเสียดาย
ตี้อู๋เปียนมองเงาคนที่เล็กลงเรื่อย ๆ ผ่านกระจกมองหลัง อดพูดขึ้นไม่ได้ “ซาลาเปาน้อย ความภาคภูมิใจของคนประเทศเรามีไม่น้อยเลยนะ”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “นั่นสิคะ แบบนี้ดีออก เห็นอะไรดีก็อยากสนับสนุนเต็มที่”
“อึม พวกเราไปเหลิ่งจี๋ดูแสงออโรราเสร็จก็เลาะตามเส้นทางชายแดนกลับกัน ประมาณต้นเดือนมีนาก็น่าจะกลับถึงหมู่บ้านเถาหยวน”
เหลิ่งจี๋เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ติดกันกับเมืองที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ แต่ที่นั่นอยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลมากกว่า อุณหภูมิจึงต่ำกว่าที่นี่
“ค่ะ” ขอแค่กลับไปให้ทันก่อนอาจารย์สามของเธอคลอดเธอก็ไม่ว่าอะไร
“ซาลาเปาน้อย ครั้งนี้ออกมาเที่ยวสนุกไหม”
“สนุกมาก คุณล่ะ”
“แน่นอน ขอแค่ได้อยู่กับเธอ ไม่ว่าทำอะไรฉันก็มีความสุขทั้งนั้น”
“…ทำไมถึงได้…” ชอบฉัน
“ซาลาเปาน้อย ใครๆ ก็ชอบเธอ ฉันก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้น แต่ฉันชอบเธอมากกว่าที่คนอื่นชอบ และก็รู้จักเธอมากกว่า”
หัวใจของมู่เถาเยารู้สึกอบอุ่น แต่ภายนอกกลับไม่แสดงออก
ยิ่งเธอรู้สึกเขิน ใบหน้าก็ยิ่งไม่แสดงอารมณ์
ความรักระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอ ไม่รู้ว่าต้องตอบสนองเช่นไร อีกทั้งเธอก็ยืนหยัดมาตลอดว่าจะไม่แต่งงาน จึงค่อนข้างควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง…
พอเห็นแก้มยุ้ยของมู่เถาเยามีสีชมพูระเรื่อ ตี้อู๋เปียนก็เลิกคิ้วอย่างมีความสุข “ซาลาเปาน้อย อย่าให้พวกโจวซือหย่วนกับเซี่ยซิงเฉินมา”
เมื่อคืนพวกโจวซือหย่วนบอกในกลุ่มว่าอยากมาเที่ยวกับพวกเขาด้วย
“คุณปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
พอนึกถึงข้อความที่เหมือนประกาศความเป็นเจ้าของเมื่อคืน หัวใจของมู่เถาเยาก็เต้นแรง
เธอในเวลานี้เริ่มเข้าใจหัวใจตัวเองแล้ว
“ฉันกลัวพวกเขาไปคุยส่วนตัวกับเธอ”
ไม่ได้กลัวว่าซาลาเปาน้อยจะถูกผู้ชายอื่นชิงตัวไป ตราบใดที่มีเขาอยู่ด้วย ต่อให้เป็นคนที่ตาบอดแค่ไหนก็ต้องเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วนับประสาอะไรกับที่ไม่เพียงแต่ซาลาเปาน้อยจะไม่ตาบอด ยังตาโตแถมฉลาดอีกต่างหาก!
เขาก็แค่ไม่อยากให้ใครมารบกวนโลกของพวกเขาสองคน!
“ทำไมคุณถึงไม่อยากเที่ยวกับพวกเด็กๆ ล่ะ เมื่อก่อนก็เที่ยวด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
“ซาลาเปาน้อย พวกเราจะเอาก ข คมาทำไม” แถมก ข ค พวกนั้นยังคิดไม่ซื่อ ไม่ได้มีเจตนาบริสุทธิ์
“…”
มู่เถาเยารู้สึกไปต่อไม่ถูกอีกแล้ว จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
ทั้งสองคนไปถึงเมืองข้างๆ ก่อนฟ้ามืด
ที่นี่คือเหลิ่งจี๋ ปกติมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ศูนย์องศา แต่กลับเป็นสถานที่ที่ควรมาตอนหน้าหนาวมากที่สุด
ในโลกที่ทุกสรรพสิ่งเป็นสีขาวแห่งนี้ พอมีสีสันนิดหน่อยก็จะสะดุดตามาก ให้ความรู้สึกที่งดงามแปลกตา
ที่นี่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ภูเขาแม่น้ำงดงาม มีสถานที่ที่เป็นแหล่งสถิตของทวยเทพในตำนาน ถูกรักษาระบบนิเวศไว้อย่างดี และยังเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุด
นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำร้อนที่แสนมหัศจรรย์ ต่อให้เป็นอุณหภูมิลบห้าสิบกว่าองศา แม่น้ำสายนี้ก็ยังไม่แข็งตัว ยังคงมีไอร้อนลอยขึ้นมา ชวนให้รู้สึกตะลึง
นกกระเรียนมงกุฎแดงกับกวางเทาเป็นสัตว์ขึ้นชื่อของเมืองนี้
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนจอดรถหน้าบ้านเกษตรกรคนหนึ่งในหมู่บ้าน เนื่องจากพายุหิมะกำลังจะมา ไม่ควรขับรถต่อแล้ว
บ้านของชาวบ้านย่อมไม่ดีเท่าโรงแรม แต่ว่าก็สะอาดสะอ้าน
เจ้าของผู้หญิงอายุห้าสิบกว่าเห็นพวกเขาสวมน้อยชั้นมากก็รีบเทชาร้อนให้ “ทำไมสวมกันน้อยชั้นจังล่ะ หนาวมากเลยใช่ไหม”
มู่เถาเยาใช้สองมือรับถ้วยชามาพลางยิ้มพูด “คุณป้าคะ พวกเราไม่กลัวหนาวค่ะ”
อุตส่าห์ใส่ตั้งสามชั้นเพื่อให้เข้ากับสภาพพื้นที่แล้วนะ ถึงจะไม่หนาว แต่ก็ไม่ได้ร้อน
“มีคนไม่กลัวหนาวที่ไหนกัน พวกเธอรีบดื่มชาร้อนให้ร่างกายอบอุ่นก่อนนะ”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนขอบคุณแล้วดื่มชาร้อนที่บรรจุอยู่ในถ้วยกระดาษแบบใช้แล้วทิ้ง
ทั้งสองคนดื่มชาชั้นดีมาจนชินไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจรสชาติชาที่ไม่อร่อยนี้
เจ้าของผู้หญิงคุยกับพวกเขาสักพักก็ลุกขึ้น “อยู่ในห้องอุ่นๆ กันไปก่อนนะ ป้าจะไปทำกับข้าวในครัว เดี๋ยวกินข้าวเย็นกับพวกป้านะ”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพูดขอบคุณพร้อมกัน
หลังจากเจ้าของบ้านออกไป ทั้งสองคนก็แอบสำรวจบรรยากาศการตกแต่งภายใน
จากนั้นก็มีผู้ใหญ่สองคนกับเด็กหนึ่งคนเข้ามาจากข้างนอก
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนลุกขึ้นทักทาย
ผู้ชายวัยสามสิบต้นๆ ถอดเสื้อกันหนาวพลางพูด “นั่งเถอะครับ พวกคุณเป็นนักท่องเที่ยวใช่ไหมครับ”
ทั้งสองคนพยักหน้า จากนั้นก็นั่งพร้อมทั้งสามคนที่ถอดเสื้อกันหนาวแล้ว
ภายในบ้านมีเตาผิงไฟ ถอดเสื้อผ้ากันหนาวออกหลายชั้นก็ไม่มีทางรู้สึกหนาว
“ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ชื่อน่าซูถู นี่ภรรยาผมเฮ่อสี่ และนี่ลูกชายผม น่าฮาเซินครับ”
ตี้อู๋เปียนแนะนำชื่อตัวเองกับมู่เถาเยาให้พวกเขารู้จัก
เฮ่อสี่คุยกับพวกเขาสักพักก็ให้ลูกชายวัยหกขวบไปทำการบ้านแล้วไปช่วยแม่สามีทำกับข้าวในครัว