บทที่ 886 แก้แค้น (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ลู่​เซิ่งยืน​อยู่​บน​ถนน​เพียงลำพัง​ รอคอย​อย่าง​สงบ​ ใน​ฐานะ​ผู้ปกครอง​ เขา​ยัง​ไม่เคย​ต่อสู้​กับ​ยอด​ฝีมือ​ระดับ​เดียวกัน​จริงๆ​ มาก่อน​

เทพ​นอกรีต​นั้น​ไม่นับ​ พลัง​ของ​พวกเขา​กระจัดกระจาย​และ​ยิ่งใหญ่​เกินไป​ จึงไม่อาจ​ทำการ​โจมตี​อย่าง​มีประสิทธิภาพ​ได้​

ผู้ปกครอง​มีพลัง​ระดับ​ไหน​กัน​แน่​ ใช้ความสามารถ​อะไร​ใน​การ​โจมตี​ป้องกัน​ เป็น​สิ่งที่​ลู่​เซิ่งไม่ทราบ​ทั้งสิ้น​

ซู่…

ขณะที่​กำลัง​ไตร่ตรอง​เรื่อง​เหล่านี้​ ด้านหน้า​ลู่​เซิ่งก็​แยก​ออก​เป็น​ช่อง​มิติ​สีแดงเข้ม​สาย​หนึ่ง​อย่าง​ฉับพลัน​

สอง​คน​เดิน​ออก​มาจาก​ด้านใน​

คน​หนึ่ง​เป็น​สตรี​ร่าง​สูงโปร่ง​สวม​ผ้าคลุม​สีแดงก่ำ​ มีปีก​เล็ก​สีดำ​อยู่​บน​หลัง​สอง​ข้าง​ กระจิด​ริ​ด​ยิ่ง​

อีก​คน​ผม​สีม่วง​ จันทร์​เสี้ยว​สีม่วง​ปรากฏ​ด้านหลัง​อย่าง​เลือนราง​ บน​ตัว​มีโลหะ​อำพราง​ส่วนสำคัญ​ไว้​เท่านั้น​ ส่วน​อื่น​เปิด​เปลือย​อล่างฉ่าง​ เผย​ทรวดทรง​สมบูรณ์แบบ​

“ในที่สุด​ก็ได้​เจอกัน​อีกแล้ว​ ลู่​เซิ่ง” สตรี​ผม​สีม่วง​ยิ้ม​พลาง​มอง​มาทาง​เขา​

“ท่าน​คือ​ใคร​” ลู่​เซิ่งจำอีก​ฝ่าย​ไม่ได้​ แต่​ได้ยิน​มาว่า​เจ้านคร​ของ​นคร​ตราชั่ง​เป็น​ผู้ปกครอง​ชื่อ​จันทรา​ม่วง​ อีก​ฝ่าย​น่าจะเป็น​จันทรา​ม่วง​ที่ว่า​นั้น​

“ข้า​คือ​เจ้านคร​จันทรา​ม่วง​ คน​ผู้​นี้​คือ​ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​ ดีใจ​มาก​ที่​ท่าน​มาเที่ยว​ที่​นคร​ตราชั่ง​ ถูจิน​อาจารย์​ของ​ท่าน​ ข้า​ให้การ​ดูแล​อย่าง​ดี​มาโดยตลอด​เลย​นะ​” จันทรา​ม่วง​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

ลู่​เซิ่งเผย​สีหน้า​สงบ​

“เช่นนั้น​ ตอนนี้​ทั้งสอง​ท่าน​มาหา​ข้า​มีธุระ​อะไร​หรือ​”

จันทรา​ม่วง​ยิ้ม​

“ได้ยิน​มาว่า​ท่าน​เปิดศึก​กับ​สำนัก​นที​คราม​แล้ว​ เช่นนั้น​สนใจ​เข้า​ร่วมกับ​นคร​ตราชั่ง​หรือไม่​ เป็น​อย่าง​ที่​ท่าน​เห็น​ ทาง​ข้า​มีผู้ปกครอง​สอง​คน​ บวก​กับ​มีขุม​กำลัง​ของ​มิตร​ประเทศ​คอย​สนับสนุน​ ต่อให้​เป็น​สามสำนัก​ก็​ไม่กล้า​ทำตัว​โอหัง​เหิมเกริม​”

ลู่​เซิ่งเข้าใจ​ใน​ความมั่นใจ​ของ​นาง​ อย่างไร​สามสำนัก​ก็​เป็น​สำนัก​เล็ก​ๆ ที่​ชายขอบ​ทางช้างเผือก​ ต่อให้​สามสำนัก​จะร่วมมือ​กัน​ ก็​มีความสำคัญ​ส่วนหนึ่ง​เท่านั้น​

ใน​สายตา​ขุม​กำลัง​ของ​นคร​ตราชั่ง​ ไม่ถือว่า​ตึง​มือ​มาก​ อย่างไร​นคร​ตราชั่ง​ก็​มีประวัติ​ยาวนาน​กว่า​สามสำนัก​ ไพ่ตาย​ที่​เก็บงำ​ไว้​จะต้อง​เหนือกว่า​สามสำนัก​แน่​

“ข้า​นึก​ว่า​พวก​ท่าน​จะลงมือ​รุม​สังหาร​ข้า​เสีย​อีก​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อย่าง​ประหลาดใจ​

“เหตุใด​จึงคิด​เช่นนั้น​เล่า​ ตอน​ท่าน​ยัง​อ่อนแอ​ ย่อม​ไม่มีคุณสมบัติ​เข้าร่วม​กลุ่ม​เรา​ ตอนนี้​ท่าน​มีคุณสมบัติ​แล้ว​ พวกเรา​ย่อม​ให้​ความเคารพ​ที่​คู่ควร​แก่​ท่าน​” จันทรา​ม่วง​เอ่ย​อย่าง​แปลกใจ​

“เป็น​อย่างไร​ ต้องการ​เข้าร่วม​กับพวกเรา​หรือไม่​” นาง​คิด​ว่า​ขอ​แค่​ดึง​ลู่​เซิ่งมาเข้าร่วม​ได้​ แล้ว​ค่อย​คิด​หา​วิธี​ล้วง​ความลับ​ที่​เขา​ซ่อน​ไว้​ ย่อม​ต้อง​ง่ายดาย​กว่า​เดิม​แน่นอน​

แต่​จันทรา​ม่วง​มองโลก​ตามความเป็นจริง​ก็​คือ​ นาง​มีประสบการณ์​มากมาย​ เคย​พบเห็น​สมบัติ​น่ากลัว​ที่​ยกระดับ​พลัง​ด้วย​ความเร็ว​สูงแบบนี้​มาก่อน​ แต่​คน​ส่วนใหญ่​มักจะ​ใช้สมบัติ​แบบนี้​ไม่ได้​ ดังนั้น​นาง​จึงไม่ได้​มีความหวัง​ใน​การ​ขุดค้น​ความลับ​ของ​ลู่​เซิ่งมาก​นัก​

“จริง​สิ ลืม​แนะนำ​ไป ท่าน​นี้​คือ​ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​ ครั้งกระโน้น​นาง​เคย​มีความขัดแย้ง​กับ​ท่าน​ แต่​เป็นเรื่อง​เล็กน้อย​ สหาย​เจิ้งเจวี๋ย​นำ​ของ​ชดเชย​มาชดเชย​ความ​ผิดที่​นาง​เคย​ทำ​ไว้​กับ​ท่าน​ด้วย​” จันทรา​ม่วง​ยิ้ม​ แล้ว​หลีกทาง​ให้​สตรี​สวม​เสื้อคลุม​แดง​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ก้าว​ขึ้น​มา

สตรี​สวม​อาภรณ์​แดง​ตา​เป็นประกาย​ พิจารณา​ลู่​เซิ่งด้วย​ความชื่นชม​

“เหมือน​ใน​ถ้ำนภา​สวรรค์​ตอนนั้น​เลย​…กำยำ​จริงๆ​…เพื่อ​ขอโทษ​ ข้า​ให้​ท่าน​ทำ​อะไร​ข้า​ก็ได้​หนึ่ง​วัน​ เป็น​อย่างไร​”

“หา​?!” ลู่​เซิ่งอึ้ง​ไป ไม่เข้าใจ​ความหมาย​

“โถ่ สหาย​ลู่​ท่าน​อย่า​โลภ​เกินไป​ มีคน​มากมาย​คิด​จะร่วม​หลับนอน​กับ​สหาย​เจวี่ย​กัน​ทั้งนั้น​ พึง​ทราบ​ว่า​ หาก​ได้​ร่วม​สำราญ​กับ​ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​ จะได้รับ​วารี​แห่ง​อัคคี​สีชาด​มาหล่อเลี้ยง​จิตวิญญาณ​! นี่​เป็น​สุดยอด​สมบัติ​ที่​มีส่วน​ช่วยเหลือ​ต่อ​อนธการ​อย่าง​เรา​ไม่น้อย​ทีเดียว​นะ​” จันทรา​ม่วง​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​หัวเราะ​คิก​ขณะ​อธิบาย​

“พอดี​เชียว​ ข้า​ไม่ได้​ร่วม​สำราญ​กับ​ใคร​มาสามวัน​แล้ว​…ถ้ากับ​ท่าน​ล่ะ​ก็​ จะต้อง​กระสัน​ซ่าน​มาก​แน่​นอ​น.​..” ใบหน้า​ยั่วยวน​ของ​เจิ้งเจวี๋ย​ซิน​เข้าใกล้​ลู่​เซิ่ง นาง​ช้อนตา​มองหน้า​เขา​ พร้อมกับ​ยื่นมือ​ไปจับ​ส่วนสำคัญ​ของ​ลู่​เซิ่ง

“ขออภัย​อย่างยิ่ง​ เปลี่ยนเป็น​ของ​ชดเชย​อย่าง​อื่น​ได้​หรือไม่​”

ลู่​เซิ่งถอยหลัง​ก้าว​หนึ่ง​เพื่อ​ไม่ให้​อีก​ฝ่าย​เข้าใกล้​โดย​ไม่แสดง​สีหน้า​ เขา​ไม่สนใจ​ใคร่​มีความสัมพันธ์​กับ​สตรี​ที่​มีหมื่น​คน​ขี่​โดย​ไม่ได้​รักใคร่​ด้วย​

“เปลี่ยน​หรือ​…” ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​หัวเราะ​ “อย่างนั้น​…ช่วย​ท่าน​สะกดทัพ​เป็น​อย่างไร​”

ระหว่าง​นคร​ตราชั่ง​กับ​ลู่​เซิ่งไม่มีความแค้น​เป็น​ตาย​อะไร​ เพียงแต่​เคย​มีความขัดแย้ง​เล็ก​ๆ เท่านั้น​ ตอนนี้​หลังจาก​ลู่​เซิ่งผงาด​ขึ้น​ นคร​ตราชั่ง​ที่​ได้รับ​ข่าวคราว​ก็​เปลี่ยนท่าที​ไปอย่าง​เห็นได้ชัด​

“ท่าน​รู้​หรือว่า​ข้า​อยาก​ทำ​อะไร​” ลู่​เซิ่งถามอย่าง​ฉงน​

“แน่นอน​ ดาว​เงาพริบตา​ของ​ท่าน​ถูก​ทำลาย​ สิ่งที่​ท่าน​อยาก​ทำ​มาก​ที่สุด​ใน​ตอนนี้​น่าจะ​มีแค่​เรื่อง​เดียว​” จันทรา​ม่วง​หัวเราะ​ขึ้น​ด้าน​ข้าง​

การ​ปฏิบัติการ​บน​นคร​ตราชั่ง​ง่ายดาย​กว่า​ที่​ลู่​เซิ่งคาด​ไว้​

เจ้านคร​ตราชั่ง​จันทรา​ม่วง​ให้ความร่วมมือ​กับ​การ​ปฏิบัติการ​ทุกอย่าง​ของ​ลู่​เซิ่งเป็น​อย่าง​ดี​ ทาง​ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​ก็​ร่วมมือ​สุดกำลัง​เช่นกัน​

ภายใต้​ความช่วยเหลือ​จาก​ผู้​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ซึ่งเป็น​อนธการ​สอง​คน​ ไม่นาน​ลู่​เซิ่งก็​จัดการ​เรื่องราว​หยุมหยิม​ทั้งหมด​ใน​นครหลวง​เรียบร้อย​ ทั้ง​ยัง​ส่งคน​เข้าไป​อยู่​ใน​ช่อง​ป้องกัน​แกนกลาง​ใต้​นคร​ตราชั่ง​ได้​อย่าง​ราบรื่น​

นั่น​คือ​ถ้ำใต้ดิน​ที่​นคร​ตราชั่ง​สร้าง​ขึ้น​เพื่อ​ป้องกัน​ผู้​เข้มแข็ง​มายา​พิศวง​คนอื่นๆ​

เมื่อ​ไม่มีอะไร​เหลือ​ให้​ห่วงหน้าพะวงหลัง​ ลู่​เซิ่งก็​ขอ​แผนที่​อาณาเขต​ใน​ปัจจุบัน​ของ​สามสำนัก​จาก​เจ้านคร​ตราชั่ง​จันทรา​ม่วง​

เป็น​เพราะ​ศึก​ใหญ่​ระหว่าง​พันธมิตร​ดวงดาว​กับ​สัตว์​โบราณ​ ทำให้​อาณาเขต​ของ​สามสำนัก​ที่อยู่​ใกล้​ๆ หด​เล็ก​ลง​อย่าง​ใหญ่หลวง​ ตอนนี้​เหลือ​ดวงดาว​ไม่กี่​ดวง​เป็น​ฐาน​ที่มั่น​สุดท้าย​เท่านั้น​

หลาย​วัน​ต่อมา​ เรือ​เหาะ​สีฟ้าอม​ม่วง​ลำ​หนึ่ง​ก็​พุ่ง​ออกจาก​นคร​ตราชั่ง​อย่าง​เงียบเชียบ​ บิน​เข้าไป​ใน​ท่าอากาศยาน​ดวงดาว​ใกล้​ๆ แล้ว​มุ่งหน้า​ไปยัง​ชายขอบ​ของ​สามสำนัก​ที่อยู่​ไกล​แสน​ไกล​ผ่าน​การ​กระโดด​ข้าม​นภา​ดาว​

จุดหมาย​แรก​คือ​อาณาเขต​ของ​สำนัก​แปลง​วายุ​

สำนัก​แปลง​วายุ​เหลือ​ดาวเคราะห์​ทั้งหมด​ห้า​ดวง​ ดาวเคราะห์​ทั้งหมด​เรียงตัว​กัน​เป็น​เส้นตรง​ ค่อยๆ​ โคจร​ไปตาม​แรงดึงดูด​ของ​ดาวฤกษ์​ขนาด​มหึมา​ ราวกับ​ปีก​ที่​งอก​ขึ้น​ด้าน​ข้าง​ดาวฤกษ์​

“ที่นี่​หรือ​”

ด้านใน​เรือ​เหาะ​ ลู่​เซิ่งมอง​ระบบ​ดาว​ขนาด​มหึมา​ที่​กำลัง​โคจร​อย่าง​เชื่องช้า​ ผ่าน​ผลึก​โปร่งแสง​ พลาง​ถามเสียง​แผ่ว​

“เป็น​ที่นี่​” ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​พยักหน้า​ตอบ​ ครั้งนี้​เป็น​เพราะ​นคร​ตราชั่ง​ไม่อาจ​หลีกเลี่ยง​ได้​ จึงให้​ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​มากับ​ลู่​เซิ่งด้วยตัวเอง​ เพื่อ​คุมเชิง​ให้​เขา​ เป็นการ​ไถ่โทษ​ที่​เคย​กระ​ทำผิด​ต่อ​เขา​ใน​ครั้งนั้น​

“ท่าน​คิด​จะทำ​อย่างไร​ สามสำนักฉวยโอกาส​ที่​ท่าน​ไม่อยู่​ทำลาย​ดาวเคราะห์​ของ​ท่าน​ และ​ไล่ล่า​บริวาร​ของ​ท่าน​อย่าง​โจ่งแจ้ง หาก​เป็น​สาวก​จันทรา​แดง​ ย่อม​ต้อง​ใช้วิธี​ตา​ต่อตา​ฟัน​ต่อ​ฟัน​ ทว่า​สิ่งที่​น่าเสียดาย​ก็​คือ​ พวกเขา​มีผู้ปกครอง​สามคน​ พวกเรา​เป็น​ฝ่าย​ท้า​สู้ ต่อให้​จะร่วมกับ​จันทรา​ม่วง​แล้ว​ ก็​แค่​เสมอกัน​เท่านั้น​” เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​ถามยิ้ม​ๆ

ลู่​เซิ่งเลีย​ริมฝีปาก​

“ทำ​อย่างไร​หรือ​ ใน​ใจข้า​มีรายชื่อ​แล้ว​ ทุกคน​ที่​เข้าร่วม​ไม่อาจ​หนี​รอดไป​ได้​สัก​คนเดียว​”

“ดังนั้น​ท่าน​จึงคิด​จะปะทะ​ตรงๆ​ หรือ​” เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​ถามอย่าง​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​

“แน่นอน​ว่า​ไม่ ข้า​เป็น​อารยชน​นะ​” ลู่​เซิ่งฉีก​ยิ้ม​ ก่อน​จะเลื่อน​เปิด​ประตู​เรือ​เหาะ​และ​ลอย​ออก​ไป

เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​มอง​เงาหลัง​ของ​เขา​ พร้อมกับ​ลอย​ออก​ไปด้วย​

ทั้งสอง​ลอย​อยู่​ด้านหน้า​เรือ​เหาะ​ มองดู​ระบบสุริยะ​ที่​หมุน​วน​อย่าง​ช้าๆ

“อย่างนั้น​…ส่งของขวัญ​พบ​หน้า​ก่อน​ก็แล้วกัน​”

ลู่​เซิ่งสะบัด​มือขวา​ เพลิง​สีม่วง​อม​ดำ​นับไม่ถ้วน​พลัน​ปรากฏ​กลาง​ความว่างเปล่า​ แล้ว​รวมตัวกัน​กลายเป็น​กลุ่ม​กลางฝ่ามือ​ของ​เขา​

เปลวเพลิง​กลายเป็น​ดาบ​ยาว​ แล้ว​ยก​ชูขึ้น​สูง

“ไป!”

เกิด​เสียงดัง​ฟ้าว​

มิติ​ด้านหน้า​ลู่​เซิ่งฉีก​ออก​เป็น​ช่อง​ ดาบ​เพลิง​สีม่วง​อม​ดำ​ปล่อย​ดาบ​เพลิง​ยาว​หลาย​หมี่​ให้​พุ่ง​ไปก่อน​

เพียงแต่​ดาบ​เพลิง​นี้​เพิ่งจะ​พุ่ง​ออก​ไป ก็​ดูดซับ​อนุภาค​พลังงาน​ทั้งหมด​รอบ​ๆ อย่าง​บ้าคลั่ง​ เปลี่ยน​พลังงาน​ทั้งหมด​ให้​กลายเป็น​อัคคี​อนธการ​ เพื่อ​เสริม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​แก่​ตัวเอง​

ขนาด​ของ​ดาบ​เพลิง​ใหญ่​ยาว​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ตาม​ระยะทาง​ที่​ผ่าน​ไป พริบตาเดียว​ก็​เหยียด​ยื่น​ไปหลาย​สิบ​หลาย​ร้อย​หมี่​!

อนุภาค​พลังงาน​จำนวนมาก​กลาง​ความว่างเปล่า​ ถูก​ดาบ​เพลิง​กลืน​กิน​ดูดซับ​ ผ่าน​ไปไม่กี่​วินาที​ ดาบ​เพลิง​ที่​ใหญ่โต​หลาย​พัน​หมี่​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​ตรงหน้า​คน​ทั้งสอง​

แก​ว๊ก!​

ใน​ดาบ​เพลิง​มีเสียง​วิหค​ร้อง​ดัง​มา กระเรียน​เซียน​ขนาด​มหึมา​ที่​ประกอบ​จาก​เปลวเพลิง​สีม่วง​อม​ดำ​พุ่ง​ออก​มาจาก​ด้านใน​ บิน​เข้าหา​ดาวเคราะห์​ดวง​แรก​ที่อยู่​ใกล้​ที่สุด​

ตอนนี้​กระเรียน​เซียน​เพลิง​ขยาย​ใหญ่​จน​กลายเป็น​สัตว์​มหึมา​ขนาด​หลาย​แสน​หมี่​แล้ว​

มัน​กระพือปีก​ที​หนึ่ง​ กระแส​พลังงาน​ใน​ความว่างเปล่า​รวมตัว​ที่​มัน​มากกว่า​เดิม​

ลู่​เซิ่งชี้ดาบ​เพลิง​ลง​ขณะ​มอง​กระเรียน​เพลิง​ยักษ์​ ดาบ​นี้​เป็น​อิทธิฤทธิ์​ที่​เขา​ประสาน​กับ​เทพ​ปีศาจแห่ง​สายลม​ ฟัน​ประกาย​เพลิง​ออก​ไปกลุ่ม​หนึ่ง​ ขอ​แค่​มีเวลา​และ​พลังงาน​มาก​พอ​ ประกาย​พลิ​งกลุ่ม​นี้​จะให้กำเนิด​กระแส​พลังงาน​อัน​น่ากลัว​ที่​มาก​พอ​จะทำลาย​ฟ้าดิน​ได้​

กระเรียน​เพลิง​สีม่วง​อม​ดำ​ที่​สว่างไสว​ส่งเสียง​กู่​ร้อง​ พลาง​กระพือปีก​โผ​พุ่ง​ใส่ดาวเคราะห์​

ขนาด​ของ​มัน​ขยาย​เป็น​หลาย​เท่าตัว​ใน​เวลา​ไม่กี่​นาที​ ตอนนี้​เกือบจะ​ใหญ่​เท่า​ดาว​ดวง​นั้น​แล้ว​

ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​มอง​กระเรียน​เพลิง​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไปอย่าง​ชื่นชม​

“ท่า​นี้​เรียก​ว่า​อะไร​”

ลู่​เซิ่งมอง​กระเรียน​เพลิง​

“ตอนแรก​ชื่อ​คร่า​วิญญาณ​ แต่​ตอนนี้​”

เขา​ชูดาบ​ขึ้น​อีกครั้ง​

“มัน​ชื่อ​ผลาญ​ดวงดาว​!”

ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!

ทันใดนั้น​เขา​พลัน​ฟัน​ออก​ไปอีก​ห้า​ดาบ​

ดาบ​เพลิง​ห้า​สาย​พุ่ง​ออก​ไป แยกกัน​เล็ง​ใส่ดวงดาว​ที่​เหลือ​

ไม่นาน​ทั่ว​ทั้ง​ระบบ​ดาว​ก็​มีเสียงร้อง​กังวาน​ของ​กระเรียน​เพลิง​ดัง​ขึ้น​

กระเรียน​เพลิง​ห้า​ตัว​ขยาย​ใหญ่​จน​มีขนาด​เท่ากับ​ดวงดาว​ พร้อมกับ​พุ่ง​ใส่ดาวเคราะห์​ที่​เหลือ​ของ​สำนัก​แปลง​วายุ​

“จริง​สิ” ผู้ปกครอง​จันทรา​แดง​มอง​ภาพ​อลังการ​นี้​ ใบหน้า​ฉายแวว​สนอกสนใจ​

“ท่าน​รู้​ไหม​ว่า​พวกเรา​อนธการ​แตกต่าง​จาก​มายา​พิศวง​ทั่วไป​มาก​ที่สุด​ตรงไหน​”

“ต่างกัน​ตรงไหน​หรือ​” ลู่​เซิ่งหันมา​ถาม

“นั่น​ก็​คือ​ ปฐมพลัง​อมตะ​” เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ ยกมือ​มอง​กระเรียน​เพลิง​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป

“เหมือนกับ​วิหค​เพลิง​ห้า​ตัว​ที่​ท่าน​ปล่อย​ออก​ไป ขอ​แค่​พลัง​ของ​พวก​มัน​แตะ​ใส่ นอก​เสีย​จาก​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​เดียว​กับ​พวกเรา​ลงมือ​ ไม่อย่างนั้น​เปลวเพลิง​นี้​จะเผาผลาญ​ต่อไป​จน​ไม่เหลือ​อะไร​ให้​เผา​อีก​ แน่นอน​ว่า​พลัง​อย่างนี้​ก็​ไม่ใช่เป็น​อมตะ​โดยสิ้นเชิง​ ยังมี​เงื่อนไข​ระดับ​หนึ่ง​” เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​ดีดนิ้ว​ ดวงดาว​อัคคี​สีขาว​ลุกไหม้​ขึ้น​ด้านหน้า​นาง​

“นอกจาก​ปฐมพลัง​ระดับ​ผู้ปกครอง​ที่​เหลือ​ ถ้าพลัง​อย่าง​อื่น​ทำลาย​ปฐมพลัง​ของ​ผู้ปกครอง​ได้​หนึ่ง​พัน​ครั้ง​โดย​ไม่ขาดตอน​ จะทำลาย​พลัง​ของ​พวกเรา​ได้​อย่าง​สมบูรณ์​”

“พัน​ครั้ง​…” ลู่​เซิ่งตา​เป็นประกาย​ ขณะ​กำลังจะ​ถามต่อ​ “มาแล้ว​” เขา​พลัน​หันไป​มอง​ระบบ​ดาว​ไกล​ออก​ไป

ดาวเคราะห์​ที่​กระเรียน​เพลิง​ตัว​แรก​ไปถึงลุกไหม้​แล้ว​ กะพริบ​ประกาย​ดาว​เป็น​กลุ่ม​ๆ คล้าย​กำลัง​ต่อสู้​อยู่​

ดาว​ที่​เหลือ​ถูก​ตาข่าย​ยักษ์​สีทอง​ป้องกัน​เอาไว้​

“ลู่​เซิ่ง! รนหาที่​ตาย​!” เสียง​บุรุษ​ก้องกังวาน​มีน้ำ​โห​ดัง​ข้าม​ระยะ​ทางไกล​ห่าง​มาจาก​ใน​ดวงอาทิตย์​กลาง​ระบบ​ดาว​

“อย่างนั้น​เจ้าก็​มาจัดการ​ข้า​สิ” บน​ใบหน้า​ของ​ลู่​เซิ่งปรากฏ​รอยยิ้ม​เหี้ยมเกรียม​

“แน่​นอ​น.​..” เขา​ควง​ดาบ​ยาว​ใน​มือ​ แล้ว​ชี้ปลาย​ดาบ​ไปด้านหน้า​ “ถ้าฆ่าข้า​ไม่ได้​…ข้า​จะทำให้​สำนัก​แปลง​วายุ​ทั้งหมด​ร่วม​ลง​โลง​ไปด้วย​”

ตูม​!

ทิศ​ทางซ้าย​ขวา​และ​ด้าน​หลังเขา​ปรากฏ​กระเรียน​ยักษ์​พัน​เท​วะ​กับ​เทพ​ปีศาจแห่ง​สายลม​ สัตว์​ยักษ์​สอง​ตัว​คำราม​พร้อมกับ​พุ่ง​ใส่ระบบ​ดาว​สำนัก​แปลง​วายุ​ ขนาด​ขยาย​ขึ้น​อย่าง​รวดเร็ว​เช่นกัน​

“สามหาว​!”

แทบจะ​เป็น​ในเวลาเดียวกัน​ ดาวฤกษ์​ขนาด​ยักษ์​นั้น​พลัน​พอง​ขยาย​ กลายเป็น​ยักษ์​เพลิง​ขด​ร่าง​ตน​หนึ่ง​ ประจันหน้า​กับ​สัตว์​ยักษ์​ทั้งสอง​ตัว​

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท