ตอนที่ 458 ป้ายปรากฎ
ตึงๆ ตึงๆๆ
ทุกเสียงตีที่ดังขึ้นฟังดูแล้วล้วนปกติ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ หากต้องเอ่ยถึงความพิเศษให้ได้ก็น่าจะเป็นไม้กลองที่เป็นไข่มุก
และปอหลังกู่ซึ่งมูลค่าไม่น้อยอันหนึ่งเป็นของเล่นของบุตรชายแม่ทัพใหญ่ลั่ว ก็คล้ายจะไม่มีอะไรประหลาด
ลั่วเฉินรีรอไม่วางปอหลังกู่ลง ลูบหน้ากลองไปจนถึงด้ามจับและไปจนถึงไม้ตีกลอง กระทั่งลวดลายเลี่ยมทองบนตัวกลองก็ไม่พลาด
มองไปมองมา ก็เป็นปอหลังกู่อันหนึ่งเท่านั้นเอง
ลั่วเฉินหมุนด้ามจับกลอง เสียงตึงๆ เพราะพริ้งดังขึ้นมา
ฝูซงซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ทำไมจู่ๆ คุณชายถึงได้เล่นปอหลังกู่ขึ้นมาล่ะ
เขาปรนนิบัติคุณชายมานานขนาดนี้ก็ไม่เคยเห็นคุณชายให้ความสนใจกับของเล่นเหล่านี้
พูดไปพูดมา คุณชายยังคงให้ความสำคัญกับวาจาของคุณหนูมากทีเดียว
“ไปนำกรรไกรมา” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ลั่วเฉินพลันส่งเสียงออกมา
ฝูซงอึ้ง นึกว่าฟังผิดไป
ลั่วเฉินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง หงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย “เร็วหน่อย!”
ฝูซงได้สติ รีบไปนำกรรไกรมา
ลั่วเฉินที่จับจ้องปอหลังกู่ในมือ เอ่ยเรียบๆ “เจ้าออกไปเถอะ”
“คุณชาย…” เมื่อได้รับสายตาเย็นชาจากผู้เป็นนาย ฝูซงก็ถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
ลั่วเฉินวางปอหลังกู่ลง หยิบกรรไกรขึ้นมาด้วยความลังเล
ปอหลังกู่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ ไข่มุกกลมเกลี้ยงสีจางหม่น เตือนเขาถึงอายุของปอหลังกู่อันนี้
นี่น่าจะเป็นของเล่นที่เขามีหลังจากเกิดได้ไม่นาน หากทำลายมันก็คล้ายจะน่าเสียดายอยู่บ้าง
เล็งกรรไกรกับหนังหน้ากลองแล้วจิ้มลงไปอย่างแรง
หน้ากลองทำจากหนังแกะ เมื่อถูกกรรไกรจิ้มลงไปอย่างแรง หน้ากลองสีส้มอมเหลืองก็ถูกจิ้มจนเป็นรู
ภายในรูนั้นกลับไม่ได้ว่างเปล่า!
ลั่วเฉินนัยน์ตาหดวูบ ตัดหนังแกะตามบริเวณที่แตกออกของหน้ากลองทีละเล็ก ทีละน้อย สุดท้ายก็เผยให้เห็นรูปลักษณ์ด้านในทั้งหมดของปอหลังกู่
ภายในมีวัตถุขนาดเล็กคล้ายทอง แต่ไม่คล้ายทอง คล้ายทองแดง แต่ไม่คล้ายทองแดง ถูกตรึงอยู่กับด้านล่างตัวกลอง
ลั่วเฉินโค้งมุมปากเล็กน้อย เผยสีหน้าผ่อนคลายและไม่รู้สึกเสียดายปอหลังกู่ที่พังไปอีกแล้ว
มองไม่ออกว่าตรึงอยู่กับตัวกลองได้อย่างไร ลั่วเฉินออกแรงสองสามส่วนดึงวัตถุชิ้นนี้ออกมา แล้วพลิกดูไปมา
นี่คือป้ายชิ้นหนึ่งซึ่งสลักจูเชวี่ยเอาไว้ ไม่สิ มีเพียงครึ่งศีรษะและครึ่งตัวของจูเชวี่ยเท่านั้น
ลั่วเฉินรู้สึกคล้อยตาม เกิดการคาดเดาขึ้นมา หรือว่านี่จะเป็นอีกครึ่งหนึ่งของป้ายอาญาสิทธิ์
เด็กหนุ่มลูบขอบอันไร้รูปแบบด้านหนึ่งของป้ายทีละนิ้วๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ผิดแน่
จูเชวี่ยเป็นสัตว์อสูรมงคล หากนี่คือเป็นป้ายอาญาสิทธิ์ที่สมบูรณ์อันหนึ่งก็ไม่มีทางที่จะมีแค่ครึ่งเดียว
และตอนนี้เขาข้อสงสัยมากมาย ยกตัวอย่างเช่น เหตุใดครึ่งหนึ่งของป้ายอาญาสิทธิ์ถึงได้อยู่ในปอหลังกู่ ยกตัวอย่างเช่น เหตุใดลั่วเซิงจึงรู้ว่ามีปอหลังกู่พิเศษแบบนี้อันหนึ่ง…
ลั่วเฉินนำผ้าเช็ดหน้าออกมาห่อปอหลังกู่ที่พังให้เรียบร้อย เก็บป้ายอาญาสิทธิ์ขึ้นมา ปิดหีบ เปลี่ยนเสื้อตัวนอกแล้วเดินออกไปข้างนอก
ฝูซงยังรออยู่ด้านนอก เมื่อเห็นลั่วเฉินออกมาก็รีบถาม “คุณชาย ท่านจะออกไปข้างนอกหรือขอรับ”
“ไปเรือนเสียนอวิ๋นย่วน” ลั่วเฉินเดินหน้านิ่งออกไปฝูซงตามไปเงียบๆ
ลั่วเซิงเพิ่งจะกลับถึงเรือนเสียนอวิ๋นย่วนไม่นานก็ได้ยินสาวใช้รายงานว่า คุณชายมา
นางเพิ่งจะไป ลั่วเฉินก็มางั้นหรือ
ลั่วเซิงรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่า การมาเยือนของลั่วเฉินนั้นไม่ธรรมดา
“เชิญคุณชายเข้ามา”
ม่านผ้าปักเลิกขึ้น เด็กหนุ่มฟันขาว กลีบปากแดงคนหนึ่งเดินเข้ามา
เด็กหนุ่มมีสีหน้าจริงจัง รอจนสาวใช้ออกไปแล้วก็จ้องตาลั่วเซิง พลางถาม “ทำไมเมื่อครู่ที่พี่สาวไปหาข้า ถึงได้ถามถึงปอหลังกู่ขึ้นมา”
“ทำไมหรือ” ลั่วเซิงมีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมา ขณะเอ่ยถามเสียงนิ่ง
ลั่วเฉินเองก็สงบเยือกเย็นมาก “หลังพี่สาวกลับไป ข้าพลันนึกขึ้นมาได้ว่า มีหีบเก็บของเก่าอยู่ใบหนึ่ง ดังนั้นจึงสั่งฝูซงให้หามันออกมา”
เด็กหนุ่มเอ่ยถึงตรงนี้ก็เอ่ยยิ้มๆ “บังเอิญว่า ในนั้นมีปอหลังกู่อันหนึ่งจริงๆ”
ลั่วเซิงหัวใจเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ แต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่ง “อย่างนั้นหรือ”
ลั่วเฉินเห็นท่าทางสงบนิ่งของนางก็เม้มปากแน่น
ว่าแล้วเชียวว่าลั่วเซิงมีปัญหา เขาเอ่ยไปขนาดนี้แล้ว ถึงกับยังมีสีหน้าสบายๆ อยู่อีก
เหตุใดพอเจอบุรุษรูปงาม ไม่เห็นนางจะใจนิ่งแบบนี้บ้าง
ลั่วเฉินคิดแล้วก็อดโมโหไม่ได้
ขอเพียงพี่สาวไม่ได้ฝักใฝ่ในกามารมณ์ขนาดนั้นก็ไม่มีทางทำให้เขาไม่วางใจขนาดนี้
“ปอหลังกู่อันนั้นน่าสนใจนิดหน่อย ใช้ไข่มุกเป็นไม้ตีกลอง” ลั่วเฉินเอ่ย ขณะที่สังเกตสีหน้าลั่วเซิงตลอดเวลา
ลั่วเซิงยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย แต่ในใจกลับเกิดคลื่นความรู้สึกขึ้นมา
เป็นปอหลังกู่อันนั้นไม่ผิดแน่!
ก่อนออกเรือนหนึ่งวัน จู่ๆ เสด็จพ่อก็ชี้ไปทางปอหลังกู่ซึ่งวางอยู่บนเตียงเล็กของน้องชาย บอกนางเรื่องขององครักษ์จูเชวี่ย
เสด็จพ่อบอกว่า ป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยครึ่งซีกที่เจิ้นหนานอ๋องทุกรุ่นมีนั้นลักษณะภายนอกล้วนไม่เหมือนกัน ยามที่ป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยที่ซ่อนเอาไว้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็จะแจ้งผู้บัญชาการองครักษ์จูเชวี่ยคนปัจจุบันอย่างลับๆ
และหลังจากที่เป่าเอ๋อร์เกิด เขาก็ใส่ป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยลงในปอหลังกู่
นางในตอนนั้นไม่เข้าใจว่า เหตุใดเสด็จพ่อจึงต้องบอกนางเรื่องป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยด้วย เสด็จพ่อบอกว่า นางฟังไว้ก็พอ
ตอนนี้คิดดูแล้ว เสด็จพ่อมอบป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยให้เป่าเอ๋อร์ มอบกำไลทองประดับเจ็ดอัญมณีให้นางและเป็นเพราะเป่าเอ๋อร์อายุน้อยเกินไปจึงเผยความลับเรื่องป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยกับนาง บางทีอาจจะคิดแผนการเผื่อเรื่องไม่คาดฝันไว้อยู่แล้ว
“ลูกปัดแทนไม้กลองหรือ น่าสนใจมาก ไว้วันหลังให้ข้าดูหน่อย”
ลั่วเฉินมองนาง เม้มปากไม่เอ่ยวาจา
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าแปลกไป ลั่วเซิงก็ถามยิ้มๆ “เป็นอะไรไปหรือ”
“ข้านำปอหลังกู่มาด้วย”
ลั่วเฉินเอ่ยจบก็นำวัตถุที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าออกมาจากในอกแล้วเอ่ยเรียบๆ “พี่สาวเปิดดูเถอะ”
ลั่วเซิงยิ่งรู้สึกว่า ปฏิกิริยาของลั่วเฉินผิดปกติจึงยื่นมือไปเปิดผ้าเงียบๆ
ด้านในคือปอหลังกู่ที่ปริแตกอันหนึ่ง
ลั่วเซิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เหลือบตาขึ้นมองลั่วเฉิน
ลั่วเฉินเห็นว่า สุดท้ายสีหน้านางก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงจึงเอ่ยหน้าตึงว่า “พี่สาวจะโอ๋ข้าไปถึงเมื่อใด”
ไม่ว่าจะได้ยินเรื่องปอหลังกู่มาจากที่ใด จะบอกกับเขาตรงๆ ไม่ได้หรือ ทำไมต้องโอ๋เขาเหมือนเป็นเด็กด้วย
เด็กหนุ่มยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ลอบตัดสินใจว่า อีกประเดี๋ยว หากลั่วเซิงต้องการป้ายอาญาสิทธิ์จากเขา เขาจะไม่ให้
ลั่วเซิงหลุบตาจ้องปอหลังกู่ที่ถูกทำลายครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจ้าเห็นของข้างในแล้วใช่ไหม”
ลั่วเฉินตอบอืมเสียงเย็น
ลั่วเซิงโค้งริมฝีปาก ยื่นมือออกมา “ให้ข้าดูหน่อย”
ลั่วเฉินเลิกคิ้วโมโห
ยังจะกล่าววาจาฉะฉานเช่นนี้อีก!
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มนิ่ง ลั่วเซิงก็ยกมือขยี้ศีรษะเขา “ให้พี่สาวดูหน่อย ประเดี๋ยวจะทำหมูตุ๋นน้ำแดงให้เจ้า”
ลั่วเฉิน “…”
เด็กหนุ่มท่องเงียบๆ “มียศถาบรรดาศักดิ์และความร่ำรวยไม่ควรทำตัวเหลวไหล”
ลั่วเซิงยิ้มบางๆ “วันนี้ซื้อหมูเจ็ดชั้น[1]มา”
ลั่วเฉินหนังตาสั่นไหว นำป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาจากแขนเสื้อด้วยสีหน้าบึ้งตึงแล้วยัดใส่มือลั่วเซิง
ลั่วเซิงพิจารณาดูสิ่งที่อยู่ในมืออย่างละเอียดแล้วออกแรงกำป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยครึ่งซีกที่มีคุณค่าไม่ธรรมดาไว้
ในที่สุดก็ได้ป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยที่ใช้สั่งการองครักษ์จูเชวี่ยมาไว้ในมือแล้ว
“พี่สาว” ลั่วเฉินเอ่ย
ลั่วเซิงข่มความรู้สึกซับซ้อนลงไปแล้วมองไปทางเด็กหนุ่ม
ลั่วเฉินชี้นิ้วไปยังป้ายอาญาสิทธิ์ในมือนาง “อธิบายได้ไหมว่า นี่คืออะไร”
ลั่วเซิงลังเลเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “นี่คือป้ายอาญาสิทธิ์อันหนึ่ง”
ลั่วเฉินจ้องตาคู่นั้นของนางเขม็งแล้วถามอีกว่า “พี่สาวรู้ได้อย่างไรว่าข้ามีปอหลังกู่ที่ซ่อนป้ายอาญาสิทธิ์เอาไว้อันหนึ่ง”
[1] หมูเจ็ดชั้น เป็นเนื้อที่มีโครงสร้างซับซ้อน เป็นส่วนที่มีไขมันน้อยหนังกรอบไม่เลี่ยน เป็นเนื้อที่ค่อนข้างหายากในท้องตลาดและต้องใช้วิธีพิเศษในการเลี้ยงหมู