ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 272 รู้สึกเจ็บปวดใจกะทันหัน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 272 รู้สึกเจ็บปวดใจกะทันหัน

เมื่อโม่จวินเจ๋อไม่ยอมพูด หลิงเยว่จึงไม่บังคับ แต่กลับถามเรื่องอื่นแทน อย่างเช่น ยังมีใครที่รอดอยู่บ้าง?

หรือว่า… จะเหลือแค่พวกเขาสามคนเท่านั้น?

การคาดเดานี้ทำให้หลิงเยว่ใจหายวาบ รีบเอ่ยปากถามทันที

“ข้าก็ไม่รู้” ผู่ตานส่ายหัว

แต่พวกเขาน่าจะยังไม่ตาย…

บางทีอาจกำลังเก็บของดีอยู่ก็ได้ ครั้งนี้นอกจากลูกแก้ววิญญาณแล้ว เขายังได้ของดีมามากเหมือนกัน

โม่จวินเจ๋อรู้ว่าหลิงเยว่เพิ่งฟื้น ยังไม่เข้าใจอะไร เขาจึงเล่าเหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่เจอระหว่างทางให้ฟัง โดยมีผู่ตานช่วยเสริมอยู่ข้าง ๆ

ทั้งสองคนต่างเข้าใจกันดี และไม่ได้พูดถึงเจ้าตัวน้อยสองตัวที่เรียกหลิงเยว่ว่าท่านแม่

หลิงเยว่ได้ยินว่ายังมีคนรอดชีวิตอยู่ก็โล่งใจ นางรู้มาก่อนแล้วจากอินสุ่ยอวิ๋นว่าวิหารเสินโม่ถูกแบ่งเป็นสองส่วน

ในถ้ำปีศาจหมื่นเนตร นางไม่เพียงแต่ดูดซับดวงตาปีศาจ แต่ยังดูดซับวิญญาณที่แตกสลายที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปด้วย ตอนนั้นภายในร่างกายนางยุ่งเหยิง

มีวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์หลายพันดวงแย่งชิงการควบคุมร่างกายของนาง ในฐานะเจ้าของร่าง นางถูกโยนไปอยู่มุมหนึ่ง ความทรงจำของผู้บำเพ็ญทั้งดีและร้ายผ่านเข้ามาในสมอง ทรมานอย่างยิ่ง เหมือนวิญญาณถูกแบ่งเป็นชิ้น ๆ แต่ละชิ้นแบกรับความทุกข์และความสุขของเจ้าของความทรงจำ

นางกลายเป็นพวกเขา จนแยกไม่ออกแล้วว่าตัวเองเป็นใคร

สุดท้าย อินสุ่ยอวิ๋นจึงยื่นมือเข้าช่วยกดวิญญาณที่กำลังต่อสู้ภายในชั่วคราว หลิงเยว่จึงได้รับการปลดปล่อย

แต่น่าเสียดาย นั่นเป็นเพียงชั่วคราว หลังจากที่อินสุ่ยอวิ๋นต่อสู้กับปีศาจหญิงตนนั้น นางก็ถูกบังคับให้อ่านความทรงจำของวิญญาณที่แตกสลายอีกครั้ง ราวกับตายทั้งเป็น

จำได้เพียงว่าตอนที่นางแทบทนไม่ไหวนั้น มีแสงสีเขียวมรกตสิบกว่าลูกบุกเข้ามาในร่างกาย พวกมันช่วยกดวิญญาณที่ก่อกวนไว้ ซ่อมแซมห้าอวัยวะภายในที่แตกสลาย จัดระเบียบความทรงจำที่ยุ่งเหยิง ปลอบประโลมวิญญาณที่โกรธเกรี้ยว เศร้าหมอง และอื่น ๆ อีกมากมาย

หลิงเยว่จำได้ว่ามีแสงสีเขียวสว่างวาบกลุ่มหนึ่ง มันกระโดดโลดเต้นมาถึงหน้าวิญญาณของนาง เข้ามาใกล้ใบหน้าของนางอย่างสนิทสนม หมุนวนรอบตัวนางไม่หยุด ราวกับกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นนางไม่มีสติ จึงไม่ได้ยิน

คิดมาถึงตอนนี้ หลิงเยว่พลันรู้สึกหดหู่ใจอย่างประหลาด

พวกมันจะบอกอะไรนางกัน?

[ออกไปจากที่นี่!]

คำเตือนของระบบทำให้หลิงเยว่ตกใจจนสะดุ้ง รีบจูงมือทั้งสองคนถอยหลังอย่างรวดเร็ว

โครม!

พื้นของพื้นที่เล็ก ๆ แยกออกโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทั้งพื้นที่กำลังพังทลาย ฝุ่นควันคละคลุ้ง บดบังสายตาของทั้งสามคน

โม่จวินเจ๋อยังจำคำพูดของชายชราได้ เขาพยายามมองหาร่างแยกของจอมปีศาจที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ที่กำลังพังทลายนี้

“นั่น… คืออะไร?”

ผู่ตานชี้ไปที่พื้นซึ่งแยกออกตรงเท้าของเขา โลงศพนี้ช่างคุ้นตาเหลือเกิน เหมือนกับที่เคยเจอบนชั้นบนสุดของวิหารบูชาปีศาจไม่มีผิด

หรือว่านี่จะเป็นศพปีศาจที่ซ่อนอยู่?

คิดได้ดังนั้น ผู่ตานก็ไม่จำเป็นต้องให้หลิงเยว่ลากเขาไปแล้ว ร่างของเขาหายวับไปในพริบตา!

แต่หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อกลับหยุดหนี ราวกับนัดกันไว้

พวกเขามองโลงศพสีดำที่โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งท่ามกลางฝุ่นควันอย่างเงียบ ๆ

ต้องฆ่าเขาให้ได้!

โม่จวินเจ๋อและหลิงเยว่ลงมือพร้อมกัน

พืชที่เหี่ยวเฉาฟื้นคืนชีพ หนามสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนแทงขึ้นมาจากรอยแตกบนพื้น พวกมันพันรอบโลงศพไว้ หนามแหลมคมราวกับใบมีดบาดโลงศพจนเป็นรู

ความหนาวเย็นแผ่กระจายไปในอากาศ โม่จวินเจ๋อถือกระบี่ กระโดดขึ้นโลงศพ แล้วแทงลงไปอย่างแรง

ทันใดนั้น เสียงปรบมือดังกังวานมาจากทุกทิศทาง

“เจ้าลงมือรุนแรงจริง ๆ นะ แม้แต่โลงศพเปล่ายังไม่ยอมไว้หน้า”

โลงศพแตกสลายตามคำพูด ด้านในว่างเปล่าอย่างที่คิด

หลิงเยว่กับโม่จวินเจ๋อ “…”

รู้สึกตัวเองโง่เต็มทนที่จริงจังกับโลงศพเปล่าขนาดนี้

แต่พวกเขารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในโลงศพ

“เจ้าเล่ห์นัก!”

หลิงเยว่กวาดตามองไปรอบ ๆ สั่งให้พืชที่ฟื้นคืนชีพขุดลึกลงไปในดิน เพื่อค้นหาร่องรอยของร่างแยกจอมปีศาจ

“กำลังตามหาข้าอยู่หรือ?”

เสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับลมหายใจเย็น ๆ พัดผ่านต้นคอของหลิงเยว่ ขนทั้งตัวของนางลุกชัน โม่จวินเจ๋อนั้นลงมือไปก่อนแล้ว

ร่างแยกของปีศาจเผยโฉมแท้จริงออกมา

เขาสวมชุดขาวยาว ริมฝีปากบางสีแดงสด มีดอกไม้โลหิตปีศาจผลิบานอยู่ระหว่างคิ้ว เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหลือล้น ชายผู้นั้นเอียงศีรษะหลบการโจมตี แล้วใช้นิ้วสองนิ้วรับการโจมตีจากกระบี่บริเวณลำคอ

“เจ้านี่ยิ่งอยู่ยิ่งตกต่ำ ถึงขนาดใช้กระบี่หยาบ ๆ เช่นนี้”

ร่างแยกจอมปีศาจออกแรง ตัวกระบี่เหมันต์เร้นลับปรากฏรอยแตกลุกลามไปอย่างรวดเร็ว วิญญาณอาวุธกำลังคร่ำครวญ

ในขณะที่กระบี่เหมันต์เร้นลับกำลังจะแตกสลาย ดอกไม้เจ็ดสีก็รวมเข้ากับตัวกระบี่ พร้อมกับซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว รอยแตกสลายจึงค่อย ๆ หายไป แสงสีรุ้งเจิดจ้ายิ่งนัก!

“หือ?”

ร่างแยกจอมปีศาจประหลาดใจ

ในเวลาเดียวกัน ลูกแก้ววิญญาณที่เกาะอยู่บนจินตานของโม่จวินเจ๋อ ปล่อยความเย็นออกมา มันแช่แข็งห้าอวัยวะภายในและหกอวัยวะภายนอกของเขา รวมถึงกระดูกและหลอดเลือดทั้งหมด ตามมาด้วยพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่แผ่ซ่านจากหว่างคิ้วไปยังแขนขาทั้งสี่ของเขา…

ระดับการฝึกฝนของโม่จวินเจ๋อพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วจากขอบเขตจินตานขั้นปลายไปสู่ขอบเขตปฐมวิญญาณ ขอบเขตทะยานเซียน ขอบเขตบำเพ็ญเต๋า ขอบเขตแสวงหา ไปจนถึงขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ ทั้งตัวเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง กระบี่เหมันต์เร้นลับในมือค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของเขาเช่นกัน หมอกขาวราง ๆ มีหมอกสีรุ้งเจ็ดสีล้อมรอบ บนคมกระบี่ปรากฏดอกไม้เกล็ดหิมะเจ็ดสีอย่างชัดเจนและสมจริง

พลังของกระบี่เหมันต์เร้นลับเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!

ใบหน้าของโม่จวินเจ๋อเย็นชา ในดวงตาสีหมึกมีแสงสีทองวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว กระบี่เหมันต์เร้นลับในมือของเขาหลุดออกจากมือของร่างแยกจอมปีศาจ ในชั่วขณะถัดมา พลังกระบี่อันเฉียบคมและเกรี้ยวกราดก็ฟาดใส่ร่างแยกจอมปีศาจอีกครั้ง

คราวนี้ร่างแยกของจอมปีศาจไม่ได้ชะล่าใจ พลันพุ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว ภาพลวงตานับไม่ถ้วนกระจายอยู่เต็มไปหมด พลังปีศาจกลายเป็นเคียวแห่งความตาย ต่างช่วยกันรับกระบี่เหมันต์เร้นลับที่ฟาดลงมา

แสงสีขาวและสีดำกำลังต่อสู้กัน โลกเล็ก ๆ พังทลายอีกครั้ง ทั้งวิหารเริ่มสั่นสะเทือน

หลิงเยว่มองไม่เห็นร่างสีขาวและสีดำสองร่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

“ยืนงงอยู่ทำไม วิหารเทพกำลังจะพังแล้ว รีบไปเร็วเข้า!”

ผู่ตานวิ่งไปครึ่งทางแล้วพบว่าสองคนข้างหลังไม่ได้ตามมา แล้วเห็นผู้ชายสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ เขาจึงลากตัวหลิงเยว่ออกไปทันที

“เจ้าไปได้ แต่นางต้องอยู่ที่นี่”

โม่จวินเจ๋อที่ยังต่อสู้อย่างดุเดือดคว้าตัวหลิงเยว่ไว้

ด้วยฝีมือกระบี่เพียงครั้งเดียว ร่างแยกของจอมปีศาจก็แตกสลาย หลิงเยว่พ้นจากการควบคุม นางไม่ลังเลที่จะวิ่งหนีไปโดยไม่หันหลังกลับ ระหว่างวิ่งหนียังไม่ลืมส่งสารถึง โม่จวินเจ๋อว่า ‘ข้าต้องการหัวใจของมัน!’

โม่จวินเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ โดยหันหลังให้หลิงเยว่

“พวกเราหนีไปแบบนี้จะไม่เป็นไรหรือ?”

หลิงเยว่ผู้ตัดสินใจทิ้งเพื่อนร่วมทางไปกลางคันถามผู่ตานเมื่อวิ่งมาได้ครึ่งทาง

“แน่นอนว่าไม่เป็นไร การจากไปครั้งนี้เพื่อให้เขาได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ หากพวกเรายังอยู่ เขาต้องคอยดูแลพวกเราด้วย”

หลิงเยว่รู้สึกว่าคำพูดของผู่ตานมีเหตุผลดี นางจึงมอบดอกไม้สีดำเล็ก ๆ ให้โม่จวินเจ๋อ อ้อ! ใช่แล้ว…

“ข้าจะส่งผู้ช่วยให้ท่านอีกคน!”

ลูกไฟดวงหนึ่งพุ่งเข้าใส่โม่จวินเจ๋ออย่างจัง การปรากฏตัวของมันทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ให้ตายสิ!”

นกน้อยเทพร้องด้วยความโกรธแค้น มันยังเป็นเพียงลูกนกเท่านั้น!

ไม่ใช่ว่ามนุษย์มักจะปกป้องลูก ๆ เสมอไปหรอกหรือ!

หลิงเยว่ไม่ใช่มนุษย์ และไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย นางวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วจนหายวับไปในพริบตา

โม่จวินเจ๋อรู้สึกขำอยู่บ้าง ตอนแรกเขาคิดหาคำพูดเพื่อโน้มน้าวให้หลิงเยว่จากไป แต่สุดท้ายกลับไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย…

แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท