บทที่ 1003 สังหารจนปรโลกและปริภูมิเวลาแตกพ่ายไม่เป็นขบวน!
เหล่าศิษย์น้องที่เกิดเรื่องขึ้น แม้ว่าพลังจะไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดและมีหลายสิ่งขาดหายไป ทว่าพวกเขาก็ยังน่าสะพรึงกลัวและทรงพลังอย่างยิ่ง!
ยามพวกเขาลงมือ พลังน่าหวาดหวั่นที่ปะทุออกมาทั้งหมดล้วนอยู่บนขอบเขตล้ำขีด!
“วิถีมรณานั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เหนือเกินกว่าจะเข้าใจได้ เมื่อร่างกายตาย เต๋าสลายไป ทั้งหมดย่อมสิ้นสูญ แต่กลับสามารถทำให้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”
นักพรตกู่เอ่ยด้วยอารมณ์มากมาย
ในฐานะผู้เผยแพร่เต๋าของอาจารย์ เขาเชี่ยวชาญเต๋าจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทำความเข้าใจวิถีมรณาได้
กับสิ่งนี้อาจารย์ถ่ายทอดให้สามมหากาฬปรโลกเป็นพิเศษ แก่นแท้แสนลึกลับนี้ มีเพียงแค่สามมหากาฬปรโลกเท่านั้นที่กระจ่างแจ้ง
“ใครว่าไม่ใช่กัน!”
ต้นหม่อนโบราณเองก็เปี่ยมไปด้วยอารมณ์เช่นเดียวกัน “ศิษย์น้องเหล่านี้สิ้นชีพลงด้วยน้ำมือของสำนึกโรค หากไม่ใช่เช่นนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำให้ศิษย์น้องเหล่านั้นกลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ?”
มันอดชมออกมาไม่ได้
นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการคืนชีพรูปแบบหนึ่งได้หรือไม่?
“ไม่!”
สามมหากาฬปรโลกส่ายหัว รู้ว่านักพรตกู่และต้นหม่อนโบราณคิดสิ่งใดอยู่
มันกล่าวต่อ “วิถีมรณาเป็นเต๋าพิเศษ แม้จะสามารถทำให้ปรากฏขึ้นอีกครั้งได้ แต่ก็ไม่ใช่การคืนชีพ ไม่อาจทำให้สมบูรณ์ และมีข้อบกพร่องมากมาย”
ตัวอย่างเช่น หากกลายเป็นวิญญาณหยินแล้ว ทุกอย่างจะถูกหยุดนิ่ง นี่นับเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงที่สุด วิญญาณหยินไม่สามารถฝึกฝนได้อีก ขอบเขตการฝึกฝนไม่อาจพัฒนาขึ้นไปไกลกว่าเดิม
ยามยังมีชีวิตอยู่ในอาณาจักรใด ยามกลายเป็นวิญญาณหยินนั่นจะกลายเป็นจุดสูงสุด ไม่มีหนทางทะลวงขึ้นไปสูงกว่านั้น
นอกจากนี้ วิญญาณหยินไม่สามารถคงอยู่ไปตลอดกาล กระทั่งวิญญาณหยินขอบเขตล้ำขีดก็เช่นเดียวกัน ทำได้แต่เพียงคงอยู่นานเท่านั้น
เมื่อถึงเวลา แม้แต่วิญญาณหยินขอบเขตล้ำขีดก็จะสลายหายไปสิ้นเชิง ไร้ตัวตนอย่างแท้จริง ไม่อาจทำให้ปรากฏขึ้นมาได้อีกครั้ง
…
ตู้ม!
เสียงระเบิดกัมปนาทยังคงดังไม่หยุด กระทั่งผืนจักรวาลดวงดารายังถูกทลาย พวกสุนัขดำจำต้องถอยรนเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ
พลังที่ปะทุออกมาจากวิญญาณหยินขอบเขตล้ำขีดนั้นทรงพลังน่ากลัวเกินไป เหล่าภาพวาดที่เกิดขึ้นมาจากพู่กันในมือเมิ่งจีพังทลายลงทันที!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยังไม่ทันได้พุ่งเข้าไป ร่างเนื้ออันแข็งแกร่งก็ถูกทำลาย เศษเลือดและเนื้อกระเด็นไปทั่ว
การสร้างร่างใหม่ขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
“โฮ่ง อย่าได้ผยองนัก ดูข้าทุบตีพวกเจ้าเสีย!”
สุนัขดำแยกเขี้ยว ร่างเหยียดตรงขยายใหญ่พลางขยับหมัดสุนัข แม้จะเป็นวิญญาณหยินขอบเขตล้ำขีด ก็ยังสามารถสังหารได้!
…
“อุจาดตานัก! สุนัชดำไม่รู้วิธีการสวมเสื้อผ้าหรือ? สวมแค่ชั้นในก็ได้!”
“ตาข้าบอดแล้ว!”
“หลังจากนี้แนะนำให้มันสวมเสื้อผ้าด้วย หากไม่มีเสื้อผ้า ข้าสามารถมอบให้มันหลาย ๆ ชุดก็ยังได้!”
ทุกอาณาจักรในจักรวาลดวงดารา เหล่าสตรีที่เฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้พากันแสลงตานัก ใบหน้าของพวกนางแดงก่ำ ภายในใจรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่ง
ตู้ม!
เพราะมีพลังป้ายชื่ออยู่ สุนัขดำจึงดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับจัดการวิญญาณหยินขอบเขตล้ำขีดได้!
แน่นอน ประเด็นสำคัญคือถึงแม้วิญญาณหยินเหล่านี้จะอยู่ขอบเขตล้ำขีด แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเกินไปนัก มีเพียงแค่ขั้นที่หนึ่งและสองเท่านั้น
หากสูงกว่านี้ สุนัขดำก็ยากจะหยุดยั้งพวกมันได้
แม้พลังป้ายชื่อสุนัขจะไม่หยุดยั้งเพียงแค่นี้ ทว่าพลังที่สุนัขดำสามารถปลดปล่อยออกมาได้ในยามนี้มีจำกัด สูงสุดเพียงแค่ขั้นสองขอบเขตล้ำขีด
หลังจากนี้หากสุนัขดำฝึกฝนมากขึ้น จะสามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าของป้ายชื่อสุนัขออกมาได้
“อาศัยเพียงข้าก็สังหารพวกเจ้าทั้งหมดได้แล้ว!”
สุนัขดำตะโกนอย่างผยอง ยิ่งสู้ยิ่งดุดันมากขึ้น ปราบวิญญาณหยินล้ำขีดจนพวกมันไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้!
ในตอนนั้นเอง สายธารแห่งปริภูมิเวลาพลันปรากฏขึ้นมา สายน้ำม้วนเกลียวพุ่งขึ้นกลายเป็นคลื่นสูงนับหมื่นจั้ง ประหนึ่งสามารถจมสรวงสวรรค์ลงได้!
จากนั้นสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวจำนวนมากก็ทยอยออกมาจากธารปริภูมิเวลา!
ปริภูมิเวลาสามารถควบคุมกาลเวลาได้ น่ากลัวสะท้านขวัญอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเทียบกับปรโลกแล้วไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย ยอดฝีมือที่ถูกบ่มเพาะขึ้นมาก็มีทะลุขอบเขตล้ำขีดเช่นกัน
ยามนี้ยอดฝีมือล้ำขีดต่างค่อย ๆ ทยอยออกมา
หลังจากพวกมันปรากฏตัวแล้วก็พุ่งโจมตีสุนัขดำทันที ทั้งหมดระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ฉากที่เห็นน่าประหวั่นอย่างถึงที่สุด!
“เจ้าสุนัข อย่าได้ขี้ขลาดไปเล่า ไม่ใช่ว่าเจ้าผู้เดียวก็สังหารทั้งหมดได้หรือ? สู้เขา ข้าเชื่อในตัวเจ้า!”
นักพรตอู๋เหลียงหัวเราะเสียงดัง ยังไม่วายเสียดสีสุนัขดำ
“เจ้าหัวเราะบ้าอะไร! ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก!”
สุนัขดำเริ่มร้อนใจ กัดฟันคำรามใส่นักพรตอู๋เหลียง “หากยังไม่ลงมืออีก รอจบเรื่องเมื่อใด ข้าจะหักกระดูกทั้งหมดในร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ!”
เมื่อนึกถึงความโหดร้ายของสุนัขดำ นักพรตอู๋เหลียงก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
เขารีบเรียกเก้าสมบัติออกมา เข้าร่วมการต่อสู้ ช่วยเหลือสุนัขสีดำ
เก้าสมบัติได้รับการเปลี่ยนแปลง ระดับพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก พลังที่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
นักพรตอู๋เหลียงแม้จะโชคร้ายไร้ความดี ทว่าพรสวรรค์นับว่าน่ากลัวชวนคนอัศจรรย์อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ถูกผู้เบิกทางเลือก
ความจริงแล้ว คนที่ถูกผู้เบิกทางกำหนดล้วนพิเศษเหนือชั้น มีพรสวรรค์และความสามารถเฉพาะตัวน่าตื่นตะลึง!
ระหว่างที่อยู่ในลานเล็ก ขอบเขตของนักพรตอู๋เหลียงทะยานขึ้นด้วยความเร็วบ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าสุนัขดำ ตอนนี้เขาเข้าสู่ขอบเขตอิสระแล้ว
ส่วนสุนัขดำตอนนี้ยังคงอยู่ในขอบเขตนิรันดร์ ไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตอิสระ
ด้วยความแข็งแกร่งขอบเขตอิสระรวมกับความสามารถพิเศษของเขา เต๋าและกฎเกณฑ์ของศัตรูล้วนถูกลดทอน ประกอบกับความช่วยเหลือจากเก้าสมบัติ หลังจากที่นักพรตอู๋เหลียงเข้าร่วมการต่อสู้ สถานการณ์ก็พลิกผันในทันที!
เลือดสาดกระเซ็น ยอดฝีมือล้ำขีดของปริภูมิเวลาผู้หนึ่งถูกสังหารลงในพริบตา บนท้องฟ้านองไปด้วยเลือด
สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงร่วมมือกัน ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าดุดันเพียงใด พวกเขาสังหารวิญญาณหยินล้ำขีดของปรโลกและยอดฝีมือล้ำขีดของปริภูมิเวลาไปคนแล้วคนเล่าในเพียงอึดใจเดียว!
“พวกข้าเองก็ร่วมสู้ด้วย!”
“สังหารทิ้งให้หมดอย่าได้เหลือ!”
พวกเมิ่งจีเองก็ลงมือสังหารกองทัพที่เหลือของปรโลกและปริภูมิเวลา พวกเขาประหนึ่งหมาป่าวิ่งเข้าไปในฝูงแกะ พริบตาเดียวก็กำจัดไปได้เกินครึ่ง!
…
“พวกเขาทรงพลังถึงเพียงนี้! กองทัพปรโลกและปริภูมิเวลาถูกสังหารอย่างน่าสังเวช!”
“น่ากลัวนัก พวกเขาเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามของคุณชายหลี่ยังสามารถทำให้กองทัพปรโลกและปริภูมิเวลาที่ร่วมมือกันแตกพ่ายไม่เป็นขบวนได้ เช่นนี้แล้วคุณชายหลี่จะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด!”
“พลังเหนือขอบเขตอิสระนับสิบ แต่กลับถูกหนึ่งคนหนึ่งสุนัขสยบ สวรรค์ ช่างน่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!”
เหล่ายอดฝีมือที่ให้ความสนใจกับการต่อสู้ครั้งนี้ต่างตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ผลลัพธ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเกินความคาดหมายของพวกเขา!
เดิมทีพวกเขาคิดว่าเมื่อปรโลกกับปริภูมิเวลาร่วมมือกันโจมตี แม้ว่าคุณชายหลี่จะลงมือด้วยตนเองก็ไม่อาจต้านทานได้ ถูกสังหารในท้ายที่สุด
แต่ผลที่ออกมา หลี่จิ่วเต้านั้นยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมา กองทัพปรโลกและปริภูมิเวลาก็ถูกตีจนแตกพ่ายไม่เป็นขบวน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงจริง ๆ!
…
ภายในอาณาจักรแห่งหนึ่ง
ฉานเฟิงกำลังเดินอยู่ในภูเขาลึกกับเด็กสาวผู้งดงามคนหนึ่ง
เด็กสาวผู้งดงามคนนี้คือคนที่ถูกผู้เบิกทางกำหนด
เขาเองก็เป็นผู้ถูกกำหนด ต่างสามารถรับรู้ได้ถึงกันและกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับความไว้วางใจจากเด็กสาวผู้งดงามไม่ยากเย็น สามารถร่วมทางไปกับเด็กสาวผู้งดงามเพื่อรับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เบิกทางทิ้งเอาไว้ให้
แน่นอนในสายตาของเขา เด็กสาวเป็นเพียงแค่คนนำทาง เขาจะไม่ปล่อยให้เด็กสาวได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไป
วาสนาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเป็นของเขา
เด็กสาวเชื่อใจฉานเฟิงเป็นอย่างมาก ไม่มีการป้องกันแม้แต่น้อย นางพูดคุยกับฉานเฟิงด้วยรอยยิ้มระหว่างไปยังสถานที่ตั้งของวาสนาการเปลี่ยนแปลง
วาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เบิกทางทิ้งไว้ให้นางอยู่ในภูเขาลึกแห่งนี้
ทว่าในตอนนั้นเอง ฉานเฟิงก็หยุดเคลื่อนไหว ไม่สนทนากับเด็กสาวอีก
เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสูง ดวงตามองผ่านจักรวาลดวงดาราไปยังฉากที่อยู่แสนไกล
“ผู้ถูกกำหนด…”
เขารำพึงกับตนเอง มองเห็นสมรภูมิใหญ่ที่อยู่ส่วนลึกของจักรวาลดวงดารา สายตาของเขาจับจ้องไปทางนักพรตอู๋เหลียง
ขณะเดียวกัน เขาเองก็เข้าใจถึงสถานการณ์ของการต่อสู้ รู้ว่าปรโลกและปริภูมิเวลาทุ่มกำลังออกมาเพื่อจัดการกับหลี่จิ่วเต้า
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขามาก่อน เป็นเพราะหลี่จิ่วเต้าใช่หรือไม่? ยามนี้พอเขาออกมาสู้ ข้าจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจน”
เขาแย้มยิ้มด้วยความดีใจ “ยอดเยี่ยม หวังว่าปรโลกและปริภูมิเวลาจะลงแรงมากกว่านี้ ทำให้หลี่จิ่วเต้าต้องออกมา”
เขาให้ความสนใจ เฝ้ารอให้หลี่จิ่วเต้าปรากฏออกมา หลังจากที่หลี่จิ่วเต้าปรากฏออกมาแล้วเขาจะเป็นคนสังหารอีกฝ่ายด้วยตัวเอง
“ทว่าอย่างไรก็ไม่อาจประมาทได้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เล็ก ๆ จะต้องดึงดูดความสนใจของสำนึกโรคเป็นแน่…”
เขารำพึงอีกครั้งด้วยความระมัดระวังยิ่ง
“เอ่อ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเปล่า? พี่เฟิง?”
เด็กสาวที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นฉานเฟิงรำพึงออกมาก็อดถามด้วยความประหม่าไม่ได้
“หากมีเรื่องอันใด พี่เฟิงสามารถบอกข้าได้ เมื่อข้าได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลง จะรีบช่วยเหลือพี่เฟิงอย่างแน่นอน!”
นางเอ่ยต่อด้วยความเชื่อใจฉานเฟิงอย่างแท้จริง ซ้ำยังดูเหมือนจะมีท่าทีแอบรักอยู่บ้าง
“ไม่เป็นอันใด ข้าล้วนสามารถจัดการได้”
ฉานเฟิงยิ้มบางราวกับไม่มีเรื่องอันใด “ไปกันเถิด พาเจ้าไปรับวาสนาการเปลี่ยนแปลงกัน”