บทที่ 1004 นรกสิบแปดขุมเปิดกว้าง พลังแกร่งกล้าที่สุดออกโรง!
ทหารปรโลกก้าวข้ามอาณาจักรทั้งปวง เกลียวคลื่นในธารแห่งปริภูมิเวลาซัดสาดเผยให้เห็นไปทั่วทุกอาณาจักร ท้ายที่สุดมีศึกใหญ่สะท้านโลกันตร์ปะทุในส่วนลึกห้วงอวกาศ จะไม่ให้เอิกเกริกได้อย่างไร เอิกเกริกยิ่งนัก!
สำนึกแห่งโรคกำลังจับตาดูอยู่จริง ๆ ซ้ำยังมีอยู่ไม่น้อย
พวกมันแต่ละตนต่างดวงตาลุกวาว แทบทนไม่ไหวอยากบุกเข้าไปสังหารทั้งพวกสุนัขดำ ปริภูมิเวลา และปรโลกให้หมด
ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็อดกลั้นไว้ได้
เอิกเกริกเช่นนี้ย่อมเป็นที่สนใจไม่น้อย พวกมันไม่กล้าผลีผลามด้วยกลัวจะเกิดเรื่อง ถึงอย่างไรผู้เบิกทางท่านนั้นก็ทิ้งการเตรียมการที่ใช้จัดการพวกมันไว้
…
ในตำหนักปริภูมิเวลาอันโอ่อ่า
สามมหากาฬแห่งปรโลกต่างมีสีหน้าอึมครึม หน้าตาไม่สู้ดี
พวกมันคิดไม่ถึงเลยว่า กำลังรบระดับล้ำขีดสิบกว่าตนออกโรงยังกำราบพวกสุนัขดำไม่ลง ไม่อาจบีบหลี่จิ่วเต้าให้ออกมาได้
เดิมพวกมันคิดว่ากำลังรบระดับล้ำขีดกว่าสิบตนออกโรงต้องไล่ต้อนหลี่จิ่วเต้าออกมาได้แน่!
“เปิดนรกสิบแปดขุม ส่งมังกรอัคนีนรกและวิหคเพลิงนรกออกโรง!”
มหากาฬปรโลกแสยะยิ้ม ไม่มียั้งมือ ตั้งใจทุ่มเทกำลังทั้งหมดที่มี!
มังกรอัคนีนรกและวิหคเพลิงนรกคือวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นห้าสองตน เป็นสุดยอดวิญญาณหยินที่มหากาฬทั้งสามใช้วิญญาณหยินอันนับไม่ถ้วนและวิชาลับต่าง ๆ สร้างขึ้น
มันไม่เชื่อว่าหลังมังกรอัคนีนรกและวิหคเพลิงนรกออกโรงยังไม่อาจบีบหลี่จิ่วเต้าออกมาอีก!
…
ส่วนลึกในห้วงอวกาศ
สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงดุดันเหลือล้น สังหารกำลังรบระดับล้ำขีดที่เหลือจนหมด
ทว่าพวกเขาไม่ทันได้พักหายใจก็สัมผัสได้ว่ามีภัยคุกคามอันใหญ่หลวงปรากฏ!
ตู้ม!
ส่วนลึกของห้วงอวกาศเดือดพล่าน เสียงระเบิดสยดสยองดังไม่หยุด หลุมดำปรากฏหลุมแล้วหลุมเล่า
นรกสิบแปดขุมโผล่ออกมาที่นี่
ภายในมีวิญญาณหยินนับไม่ถ้วนกำลังกรีดร้องครวญคราง ชวนขนลุกอย่างยิ่งยวด ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่ได้เห็นศึกนี้ชาไปทั้งหนังศีรษะกันถ้วนหน้า อกสั่นขวัญแขวนถึงขีดสุด!
กระทั่งสิ่งมีชีวิตอีกมากทนดูต่อไม่ได้
นรกสิบแปดขุมน่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไป พวกเขามองเพียงแวบเดียวยังกลายเป็นปมใหญ่ในใจ หทัยเต๋าแตกสลายอย่างรวดเร็ว!
ขืนมองต่อแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ หทัยเต๋าของพวกเขาก็จะรับไม่ไหวอีกต่อไป พังครืนไม่มีชิ้นดี!
ถึงคราวนั้น การฝึกฝนของพวกเขาจักต้องย่อยยับ!
สุดท้าย เหลือสิ่งมีชีวิตเหนือขอบเขตอิสระอีกเพียงน้อยนิดที่ชมต่ออย่างหวาดผวา
ทว่าพวกเขาไม่กล้าทอดมองนรกสิบแปดขุมโดยตรง เพียงแต่มองเลียบ ๆ เคียง ๆ จากด้านข้างเท่านั้น
นรกสิบแปดขุมเป็นพลังอันกล้าแกร่งที่สุดของปรโลก วิญญาณหยินในนี้ล้วนหาใช่วิญญาณหยินทั่วไป หากแต่เป็นสุดยอดวิญญาณหยินที่มหากาฬทั้งสามแห่งปรโลกสร้างขึ้นด้วยพลังจากวิญญาณหยินนับไม่ถ้วน!
ในนั้นไม่เพียงแต่มีมังกรอัคนีนรกและวิหคเพลิงนรกสองตัวเท่านั้นที่เป็นวิญญาณหยินระดับล้ำขีด แต่ยังมีวิญญาณหยินระดับล้ำขีดอีกจำนวนไม่น้อย
แน่นอนว่าวิญญาณหยินระดับล้ำขีดเหล่านี้ยังไม่ถึงล้ำขีดขั้นห้า อยู่ใต้กว่านั้น
“ฆ่า!”
มหากาฬใหญ่ปรโลกสายตาเย็นเยียบ เปิดนรกสิบแปดขุมออกกว้าง ปล่อยวิญญาณหยินทั้งหมดในนรกสิบแปดขุมออกมา
ชั่วพริบตานั้น ห้วงลึกอวกาศกลายเป็นนรกบนดิน วิญญาณหยินน่าสะพรึงพุ่งออกมานับไม่ถ้วน ภาพการณ์นั้นน่าหวาดหวั่นถึงขีดสุด!
มังกรอัคนีนรกและวิหคเพลิงนรกมีเรือนร่างมหึมายิ่งกว่าดารา เพลิงหยินโชติช่วงลุกโชนอยู่บนตัวพวกมัน ทั่วทั้งห้วงลึกอวกาศใกล้ละลายเต็มที!
พวกมันสองตัวบุกอยู่ข้างหน้าสุด วิญญาณหยินระดับล้ำขีดที่เหลือตามหลังติด ๆ มีตั้งแต่ขั้นหนึ่งถึงขั้นสี่ ซ้ำยังมีจำนวนไม่น้อย
พวกสุนัขดำเปลี่ยนสีหน้า
ปรโลกอันลึกลับที่สุดสยดสยองอย่างแท้จริง ไม่อาจสบประมาทได้เลย พลังที่มีนั้นน่ากลัวยิ่งนัก!
“นี่ยังใช่เหตุการณ์เล็ก ๆ อยู่อีกหรือ”
สุนัขดำพึมพำกับตนเอง นึกถึงคำกล่าวของลานเล็ก
ลานเล็กเคยเอ่ยว่านี่เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
บัดนี้สุนัขดำอยากบอกลานเล็กเหลือเกินว่า พี่ท่าน นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เล็ก ๆ แล้ว เหตุการณ์นี้ยิ่งใหญ่เหลือแสน!
อีกด้าน นักพรตอู๋เหลียงรีบเรียก ‘อัตประวัติโจรปล้นสุสาน’ ออกมา หมายจะให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์รับศึก
“เจอคู่ต่อสู้ที่จัดการไม่ไหวอีกแล้วหรือ เอาเถิด เอาเถิด นักพรตเฒ่าผู้นี้จะฝืนใจคลี่คลายสถานการณ์ให้เจ้าอีกคราแล้วกัน!”
เสียงลำพองใจของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ดังออกจาก ‘อัตประวัติโจรปล้นสุสาน’
พลันหนังสือโบราณพลิกหน้ากระดาษเอง พลังพิเศษไหลหลั่ง เงาร่างของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ปรากฏออกมา
“บ้าเอ๊ย! ขบวนยิ่งใหญ่ปานนี้เชียว! เจ้าเด็กนี่พาข้ามาซวยชัด ๆ! ไม่ดีแล้วต้องหนี นักพรตเฒ่าผู้นี้ไม่เล่นด้วยแล้ว ไว้ค่อยพบกันใหม่วันหน้า!”
หลังนักพรตอัษฎสมบูรณ์เห็นวิญญาณหยินอันนับไม่ถ้วนที่พุ่งออกจากนรกสิบแปดขุมก็ตกตะลึงพรึงเพริด รีบมุดกลับไปในหนังสือโบราณเพื่อซ่อนตัว
“เจ้านี่ ปอดแหกจริง ๆ! เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าต่อสู้ให้รู้ดำรู้แดงไปเลยเล่า”
นักพรตอู๋เหลียงโมโหจนด่ากราด ใช้มือพลิกหนังสือโบราณหมายจะให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์ออกมาช่วยพวกเขาต่อสู้
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงพลิกหนังสือโบราณเพียงใดก็เปิดไม่ออก
“ปอดแหกอะไร แล้วยังเอ่ยย้ำว่า ‘จริง ๆ’ อีก! ขอทีเถิด นักพรตเฒ่าผู้นี้เป็นเพียงโจรปล้นสุสานเท่านั้น ทำการค้าด้วยการปล้นหลุมศพ ไม่ใช่จำพวกบ้าสงคราม! การต่อสู้ยิ่งใหญ่นี้ไม่เหมาะกับข้าจริง ๆ!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ตะโกน
“ข้าเอง!”
สุนัขดำแย่งหนังสือโบราณมา เอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม “เจ้านักพรตเฒ่า ขืนยังไม่ออกมาข้าจะเผาหนังสือให้สิ้นซาก!”
“ตามใจเจ้า! หากเจ้าเผาหนังสือโบราณนี้ได้ข้าถือว่าเจ้ามีฝีมือ!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์เอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“เจ้าบีบให้ข้าทำเองนะ!”
สุนัขดำแยกเขี้ยว ตะโกนใส่หนังสือโบราณ “เจ้านักพรตทรงผมจมูกวัว รีบออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสปัสสาวะของท่านสุนัข!”
“อย่า พี่สุนัข ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ตระหนก ขืนปล่อยให้สุนัขดำปัสสาวะจริง ๆ เขาได้เหม็นจนตายแน่!
“อ๊ากกก ข้าทำบาปทำกรรมอะไรไว้นักหนา! ถึงได้เสียท่าให้กับสุนัขดำ!”
เขาถลึงตาใส่สุนัขดำอย่างแค้นเคือง “คนเรา ไม่สิ สุนัขเราไม่ควรใจดำเกินไป!”
“เอาเถิด หยุดพล่ามไร้สาระเสียที! รีบเข้าไปรับศึกเสีย เจ้าตัวใหญ่ที่สุดสองตัวนั้นเป็นของเจ้า!”
สุนัขดำกล่าว
นักพรตอัษฎสมบูรณ์มองค้อนสุนัขดำอย่างโกรธขึ้ง ลงท้ายได้แต่รับศึกอย่างจนปัญญา ต่อสู้ดุเดือดกับมังกรอัคนีนรกและวิหคเพลิงนรก
“พี่สุนัข ที่เหลือพวกเราจัดการไหวหรือ น่ากลัวว่าไม่ได้กระมัง!”
นักพรตอู๋เหลียงเอ่ยกับสุนัขดำ “อย่าให้เขาจัดการแค่สองตัวสิ ให้เขารับหน้าวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสี่ด้วย!”
“ไอ้…หมอนี่!”
หลังนักพรตอัษฎสมบูรณ์ได้ยินวาจาของนักพรตอู๋เหลียงก็เกือบล้มหัวคะมำ
นักพรตอู๋เหลียงผู้นี้ชั่วร้ายได้พอ ๆ กับเขาเลย!
ให้เขาจัดการตัวใหญ่สองตัวยังไม่พอ นี่จะให้เขารับหน้าวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสี่ด้วย!
“ขออภัยที่ข้าต้องเรียนตามตรง ข้าทำไม่ได้จริง ๆ!”
เขารีบตะโกนบอก ไม่ต้องการรับหน้าวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสี่ด้วย
“ขออภัยที่ข้าต้องเรียนตามตรง เจ้าทำได้จริง ๆ!”
สุนัขดำตะโกนใส่ “ผู้มีความสามารถย่อมต้องเหนื่อยกว่าผู้อื่น ข้าเชื่อว่าเจ้าคือผู้มีความสามารถ พอเถิด อย่าถ่อมตนอีกเลย แสดงความไร้เทียมทานของเจ้าให้ประจักษ์ในศึกใหญ่นี้เลย!”
“เจ้าเชื่อกับผีน่ะสิ! ข้ายังไม่เชื่อตัวข้าเองเลย!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ก่นด่า “นอกจากนี้ ความไร้เทียมทานของข้าหาได้เคยให้ประจักษ์ในศึกใหญ่ แต่ไหนแต่ไรแสดงให้เห็นผ่านการปล้นสุสานเสมอ!”
ทว่าด่าส่วนด่า แต่เขายังเข้ารับหน้าวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสี่ทั้งหมด
“ข้าช่างรันทดจริง ๆ ยามออกโรงไม่เคยมีเรื่องอื่น ต้องรับใช้พวกเจ้าทุกครั้งไป!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์สู้ไปตะโกนไป
เขารู้สึกว่าเขาช่างอนาถเหลือเกิน ยามออกโรงไม่เคยได้ทำอย่างอื่น ได้แต่เป็นแรงงานเท่านั้น!