รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1005 ความไร้เทียมทานเป็นอย่างไร ต้นหลิวและก้อนหินแสดงให้เห็นอย่างสมบูรณ์แบบ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1005 ความไร้เทียมทานเป็นอย่างไร ต้นหลิวและก้อนหินแสดงให้เห็นอย่างสมบูรณ์แบบ!

ผู้ใดอนาถาเท่าเขาบ้าง

นักพรตอัษฎสมบูรณ์น้ำตาหลั่งริน เขาชำนาญการปล้นสุสาน ไม่ใช่การรบราฆ่าฟัน สุดท้ายกลับถูกลากออกมาเป็นนักสู้อยู่หลายครั้งหลายครา!

เขาช่างลำบากเหลือเกิน!

ทว่าต้องยอมรับว่าเขานั้นดุดันใช้ได้ แม้ไม่สันทัดการต่อสู้ แต่ยังเก่งกาจเหลือแสน หยุดยั้งมังกรอัคนีนรกและวิหคเพลิงนรก รวมถึงบรรดาวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสี่ไว้ได้ทั้งหมด ไม่ยอมให้ผ่านไป

นรกสิบแปดขุมต่างหากคือกองทัพสุดยอดของปรโลก ไพ่ตายอย่างแท้จริง ไม่มีตนใดอ่อนแอเลย ทุกตนต่างทรงพลัง วิญญาณหยินระดับต่ำที่สุดยังมีพลังระดับนิรันดร์

สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงสู้อยู่แนวหน้าสุด แต่เพียงไม่นานพวกเขาก็ต้องล่าถอยกลับมา เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล

วิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสามมีไม่น้อย ทั้งหมดแปดตนด้วย จะให้พวกเขาต้านทานอย่างไรไหว?

ต้านมิได้เลย!

สุนัขดำและนักพรตอู๋เหลียงอาศัยป้ายชื่อสุนัขและศาสตราทั้งเก้ากำราบวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสองได้ไม่มีปัญหา และสามารถประมือกับวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสาม

แต่วิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสามแปดตนนั้นมากเกินไป พวกเขาสู้ไม่ได้เลย

เป็นเช่นนี้ต่อไปต้องแย่แน่!

สุนัขดำนึกถึงนักพรตอัษฎสมบูรณ์ คิดให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์รับหน้าวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสามด้วย

ฟึ่บ ๆ ๆ!

เวลานั้นเอง ประกายดาบเจิดจ้าสว่างไสว ทาบทับจักรวาลทั้งผืนให้ผ่องอำไพ ฉินซินบุกเข้ามา กระบี่วชิระในมือส่องแสงวาววาม ผ่าวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสามตนหนึ่งเป็นสองท่อนในกระบี่เดียว!

นางสวมเกราะเพชรพราวระยับ เจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดารา!

“ข้าจัดการพวกมันเอง!”

ฉินซินรับหน้าวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสาม แม้ว่าขอบเขตพลังของนางไม่สูงนัก ทว่าเครื่องประดับเพชรที่นางสวมใส่น่าทึ่งอย่างแท้จริง!

คุณชายตั้งใจตีให้เมื่อคราวนางแต่งงานกับสือเฟิง เป็นของขวัญแต่งงานของนาง บนนั้นมีคำอวยพรของคุณชายสถิต มิใช่สิ่งที่ของชิ้นอื่นเทียบด้วยได้!

“ข้าด้วย!”

สือเฟิงมาถึง ทวนวิเชียรในมือจ้วงออกไป ผ่าวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสามคนหนึ่งเป็นครึ่งในบัดดล

ทวนวิเชียรในมือเขาจำแลงจากแหวนเพชร เป็นแหวนแต่งงานคู่ที่คุณชายมอบให้เขาและฉินซิน มีคำอวยพรจากคุณชายสถิตอยู่เช่นกัน พลังที่เปล่งออกมาได้น่าทึ่งเหลือคณา!

“ใช้ได้นี่!”

สุนัขดำคลี่ยิ้ม “วิญญาณหยินที่เหลือเป็นหน้าที่พวกเราเอง!”

มันกับนักพรตอู๋เหลียงบุกเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีวิญญาณหยินที่แผ้วพานพวกเขาได้อีก พวกเขากระหน่ำสังหารศัตรู!

วิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสองถูกพวกเขาปลิดชีพกว่าครึ่งในพริบตา!

“ฆ่า!”

เมิ่งจี ตงฟางเวิ่น และประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนบุกไปหาวิญญาณหยินตนอื่น วิญญาณหยินถูกพวกเขาสังหารไปมหาศาล ยากจะต้านทานพวกเขาได้ไหว

“น่าพรั่นพรึงจริง ๆ!”

“ขนาดนี้แล้วยังกระหน่ำสังหารได้อีกหรือ?!”

สิ่งมีชีวิตเหนือขอบเขตอิสระอาณาจักรอื่นที่คอยจับตาดูการต่อสู้นี้ต่างสะท้านเหลือแสน ตื่นตระหนกอย่างยิ่งยวด!

ยามนรกสิบแปดขุมปรากฏ พวกเขาไม่กล้าจ้องมองตรง ๆ เพราะหากมองมากกว่านี้เพียงปราดเดียวก็จะบาดเจ็บสาหัสเกินจินตนาการ!

เดิมพวกเขาคิดว่าคราวนี้พวกสุนัขดำสู้ไม่ได้แน่

หารู้ไม่ พวกสุนัขดำยังคงดุดันตามเดิม ซ้ำยังกระหน่ำสังหารไม่ยั้ง วิญญาณหยินที่บุกออกจากนรกสิบแปดขุมถูกเข่นฆ่าจนแตกพ่ายในชั่วพริบตา บาดเจ็บล้มตายระนาว!

ตำหนักปริภูมิเวลาโบราณ

สามมหากาฬแห่งปรโลกต่างมีสีหน้ามืดครึ้มถึงขีดสุด ฝนใกล้ตกเต็มที

เปิดนรกสิบแปดขุมออกกว้างแล้วยังไม่ไหวอีกหรือ!

เรื่องนี้เกินความคาดหมายพวกมันไปมาก!

“ไม่เป็นไร!”

จ้าวแห่งปริภูมิเวลาตนหนึ่งเอ่ยเสียงเย็น “ยังมีพวกเราอยู่!”

ปริภูมิเวลาไม่ได้ด้อยไปกว่าปรโลก วางหมากมานานเช่นกัน ไพ่ตายที่มีชวนให้ตะลึงพรึงเพริด!

“พวกเราสร้างขั้วแดนปริภูมิเวลาแห่งหนึ่งขึ้นมา ที่นั่นไม่มีร่องรอยจากกาลเวลา วันเวลาไม่หมุนไปข้างหน้า ในนั้นมีกองทัพปริภูมิเวลาที่พวกเราทุ่มเทบ่มเพาะขึ้นมาเต็มความสามารถ!”

เขาเอ่ยต่อ ก่อนจะเปิดขั้วแดนปริภูมิเวลา ส่งกองทัพปริภูมิเวลาออกไปต่อสู้

ห้วงลึกอวกาศ

ปริภูมิเวลาไม่ได้ด้อยไปกว่าปรโลกจริง ๆ สิ่งมีชีวิตที่บุกออกจากขั้วแดนปริภูมิเวลาไม่ได้ด้อยไปกว่าวิญญาณหยินในนรกสิบแปดขุมนัก

ในหมู่พวกมันมีสิ่งมีชีวิตล้ำขีดขั้นห้าอยู่สองตนเช่นกัน!

“ฆ่า!”

ทันทีที่สิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาล้ำขีดขั้นห้าสองตนออกมาถึงก็ชูดาบใหญ่เงางามบุกไปหานักพรตอัษฎสมบูรณ์

“แม่เจ้า นี่คิดจะเล่นงานนักพรตเฒ่าผู้นี้ให้ตายเลยหรือไร!”

นักพรตอัษฎสมบูรณ์ร่ำไห้โวยวาย ไม่ทันระวังจึงถูกลมหายใจมังกรที่มังกรอัคนีนรกพ่นออกมาลวกก้น เขาเจ็บจนหน้าตาเหยเก กุมก้นวิ่งหนีไปทั่ว!

วิหคเพลิงนรกฉวยโอกาสจู่โจม ปีกของมันฟาดฟันเข้ามาประดุจคมมีดสวรรค์ เพลิงหยินพิศวงลุกโชติ เกือบผ่านักพรตอัษฎสมบูรณ์ออกเป็นสองท่อน!

แม้ว่านักพรตอัษฎสมบูรณ์หลบได้ กระนั้นก็ถูกเพลิงหยินแผดเผาทั้งตัวจนสะบักสะบอม ผมเผ้าไหม้เกรียม ควันดำลอยโขมง

สิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาล้ำขีดขั้นห้าสองตนบุกเข้ามาฉับพลัน ดาบใหญ่ในมือน่ากลัวถึงขีดสุด ตวัดออกไปหลายครา แม้แต่จักรวาลยังถูกแบ่งแยกออกจากกัน!

นักพรตอัษฎสมบูรณ์หลบซ้ายหลบขวา ท่าทางดูไม่ได้เลยสักนิด เขาไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้จริง ๆ หลังสิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาล้ำขีดขั้นห้าสองคนเข้าร่วมการต่อสู้ จุดด้อยของเขาก็เผยให้เห็น

ทว่าหากเขาเชี่ยวชาญการต่อสู้ย่อมไม่ได้เป็นภาพการณ์เช่นนี้แน่ เขาจะดุดันสุดยอด อย่างน้อยก็สามารถกำราบสิ่งมีชีวิตล้ำขีดขั้นห้าทั้งสี่ตนนี้ได้ไม่มีปัญหา

นอกจากนี้ ยังมีวิญญาณหยินล้ำขีดขั้นสี่กับสิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาอื่น ๆ กำลังรุมโจมตีนักพรตอัษฎสมบูรณ์

ชั่วขณะนั้น สถานการณ์ของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ย่ำแย่ถึงขีดสุด

“ท่านพี่ ข้าไปช่วยนักพรตอัษฎสมบูรณ์ก่อน!”

ฉินซินถอนตัวจากการต่อสู้ด้านนี้ ไปหานักพรตอัษฎสมบูรณ์และตวัดกระบี่ออกไปด้วยความเร็วทะลุขีดจำกัด ตัดปีกข้างหนึ่งของวิหคเพลิงนรกลง!

สือเฟิงไม่ได้ไปด้วย ยังคงหยุดยั้งสิ่งมีชีวิตล้ำขีดขั้นสามต่อไป ทวนวิเชียรในมือจ้วงไม่หยุด สิ่งมีชีวิตล้ำขีดขั้นสามถูกเขาสังหารไม่หยุดหย่อน!

ตำหนักปริภูมิเวลาโบราณ

“ยิ่งยืดเวลาออกไปยิ่งไม่เป็นผลดีกับเรา”

นักพรตกู่ปริปาก “ข้าจะลงมือด้วย ใช้กองทัพหุ่นเชิดของข้าบีบให้หลี่จิ่วเต้ายอมปรากฏตัว”

แม้ว่าการต่อสู้ด้านนั้นยังไม่ตัดสินแพ้ชนะ นักพรตอัษฎสมบูรณ์และฉินซินไม่แน่ว่าจะหยุดยั้งกำลังรบล้ำขีดขั้นห้าสี่ตนนั้นได้

แต่เขาก็ไม่อยากยืดเยื้อต่อไปแล้ว

ถึงอย่างไร ยิ่งยืดเวลาออกไปก็ยิ่งเกิดเรื่องไม่คาดคิดได้มากขึ้น!

เขาโบกมือ ม่านแสงจรัดสาดส่อง หุ่นเชิดปรากฏตัวเป็นจำนวนมาก

สามมหากาฬแห่งปรโลกและคนอื่น ๆ อึ้งงันกันหมด

สมแล้วที่นักพรตกู่เป็นศิษย์พี่ของพวกเขา ได้รับสืบทอดวิถีจากท่านอาจารย์ พวกนี้ใช่หุ่นเชิดจริงหรือ แม้แต่พวกเขายังอดเคลือบแคลงไม่ได้ ไม่กล้ายืนยัน

หุ่นเชิดเหล่านี้เสมือนสิ่งมีชีวิตตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน พวกเขายังแยกไม่ออกในทันที ต้องพินิจอย่างละเอียดแล้วจึงยืนยันได้ว่าพวกนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริง ๆ หากแต่เป็นหุ่นเชิด

จากนั้น นักพรตกู่ส่งหุ่นเชิดเหล่านี้ออกไปทั้งหมด

“ใช่แล้ว ต้องรีบจบทุกอย่างโดยไว!”

ต้นหม่อนโบราณไหวเอน ลูกหม่อนร่วงหล่นลงมานับคณา ลูกหม่อนเหล่านี้ล้วนตกผลึกจากพลังของมัน น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นหนักหนา ไม่อาจสบประมาทได้เลย!

หลังลูกหม่อนหล่นลงมาก็จำแลงเป็นรูปกายต่าง ๆ มีทั้งรูปมนุษย์และรูปอสูร

ต้นหม่อนโบราณส่งลูกหม่อนเหล่านี้ออกไปทั้งหมดเช่นกัน

“เท่านี้ก็เรียบร้อย พวกเรารอคอยการมาของหลี่จิ่วเต้ากันเถิด!”

“เตรียมตัวให้พร้อม สังหารในการโจมตีครั้งเดียว!”

สามมหากาฬแห่งปรโลกและจ้าวแห่งปริภูมิเวลาทั้งสามแค่นยิ้ม สมาธิจดจ่อรอคอยการปรากฏตัวของหลี่จิ่วเต้า

ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าโผล่ พวกเขาจะปรี่ไปฆ่าหลี่จิ่วเต้าในเสี้ยวลมหายใจ!

ห้วงลึกอวกาศ!

กองทัพหุ่นเชิดและกองทัพลูกหม่อนถูกส่งมาทั้งหมด

พวกมันล้วนน่าสะพรึงกลัว มีกำลังรบระดับล้ำขีดขั้นห้าอยู่ด้วย นักพรตกู่และต้นหม่อนโบราณก็ไม่ควรถูกมองข้าม มีการเตรียมการไว้ระหว่างกาลเวลาอันยาวนาน

หุ่นเชิดและลูกหม่อนเหล่านี้คือสิ่งที่พวกมันเตรียมการ!

“นี่เป็นพลังจากไหนอีก”

“สวรรค์ ใต้หล้านี้ล้ำลึกปานใดกัน นอกจากปรโลกและปริภูมิเวลาแล้วยังมีกองกำลังเกินจินตนาการอื่นอยู่อีกหรือ!”

สิ่งมีชีวิตเหนือขอบเขตอิสระจากอาณาจักรต่าง ๆ ที่จับตาดูสถานการณ์ด้านนี้สะท้านเหลือแสน ขณะเดียวกันยังขวัญผวาอีกด้วย

เกิดอะไรขึ้นกับใต้หล้านี้

เหตุใดถึงมีกองกำลังสยดสยองโผล่ออกมาตั้งมากตั้งมาย?

พวกเขาสังหรณ์ใจไม่ดี ตระหนกกับอนาคต

มีกองกำลังสยดสยองปรากฏออกมานับคณาย่อมไม่ใช่เรื่องดี ภายหน้าอาจมีพายุเกินจินตนาการกระหน่ำ!

พวกเขาหวาดหวั่น ขาดความกล้าในการเผชิญหน้ากับอนาคต

ถึงอย่างไร มีกองกำลังสยดสยองโผล่มามากมายปานนี้นับว่าเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก พวกเขาต้อยต่ำประดุจธุลี หากเกิดหายนะจริง น่ากลัวว่าพวกเขาคงถูกถอนได้ง่ายดายเฉกเช่นวัชพืช

ห้วงลึกจักรวาล

“ไม่จบไม่สิ้นหรือไรกัน?!”

นักพรตอัษฎสมบูรณ์ตาเบิกกว้าง ช้ำใจเป็นหนักหนา

ด้วยความช่วยเหลือจากฉินซิน เขาพอลดความกดดันลงได้บ้าง แต่ยังไม่ทันได้หายใจให้ทั่วท้อง ก็มีกองทัพหุ่นเชิดและกองทัพลูกหม่อนกรีธาเข้ามาอีกนับคณา!

ที่สำคัญคือ กองทัพหุ่นเชิดและกองทัพลูกหม่อนน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะฝ่ายหุ่นเชิดที่มีกำลังรบล้ำขีดขั้นห้าถึงสี่ตน!

ฝ่ายลูกหม่อนมีน้อยกว่า แต่ก็มีกำลังรบล้ำขีดขั้นห้าถึงสองตน

เขากับฉินซินยังจัดการกำลังรบล้ำขีดขั้นห้าจากปรโลกและปริภูมิเวลาไม่ได้ ก็มีกำลังรบล้ำขีดขั้นห้ามาอีกหกตน!

สู้กันไม่มีที่สิ้นสุดเลยหรือไร?

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลำบากเหลือเกิน!

“โฮ่ง! ลานเล็กช่างกล่อมเราเก่งจริง ไหนว่าเหตุการณ์เล็ก ๆ นี่มันสุดยอดประวัติการณ์แล้วมิใช่หรือ!”

สีหน้าสุนัขดำไม่สู้ดี คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีกองทัพหุ่นเชิดและกองทัพลูกหม่อนโผล่มา

“ไม่ต้องกลัว ข้าส่งข่าวให้พี่หลิวแล้ว พี่หลิวต้องช่วยเราแน่!”

ตงฟางเวิ่นปริปาก หาได้เกรงกลัวไม่ เขามั่นใจในตัวต้นหลิวเต็มร้อย

เวลานั้นห้วงอวกาศบิดเบี้ยว ก้านหลิวก้านหนึ่งปรากฏออกมา หวดกระแทกตัวมังกรอัคนีนรก

เสี้ยวลมหายใจนั้น ร่างของมังกรอัคนีนรกระเบิด ถูกก้านหลิวหวดจนแหลกลาญ!

นอกจากนั้น ก้อนหินยักษ์อีกก้อนปรากฏฉับพลัน ลายริ้วส่องแสงเจ็ดสีเจิดจรัส กระแทกเข้ากับวิหคเพลิงนรกจนมันแหลกเหลวในบัดดล

ต้นหลิวและก้อนหินมาถึงแล้ว!

สิ่งใดหรือคือความไร้เทียมทาน

สิ่งใดหรือคือแข็งแกร่งไร้พ่าย

ต้นหลิวและก้อนหินแสดงให้เห็นอย่างสมบูรณ์แบบ!

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ต้นหลิวโบกพลิ้วไหว ก้านหลิวร่ายรำพัลวันรัดพันหุ่นเชิดล้ำขีดขั้นห้าทั้งสี่ไว้ทันที

พลันหุ่นเชิดล้ำขีดขั้นห้าทั้งสี่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ!

ก้อนหินโจมตี บุกกระแทกลูกหม่อนล้ำขีดขั้นห้าสองคนประหนึ่งอุกกาบาตถล่ม

ตู้ม!

ลูกหม่อนล้ำขีดขั้นห้าทั้งสองระเบิดทันใด ไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่น้อย!

ขณะเดียวกัน ก้อนหินก็กระแทกตัวใส่สิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาล้ำขีดขั้นห้าอีกสองตน!

สิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาล้ำขีดขั้นห้าทั้งสองรีบสำแดงมหาวิชาปริภูมิเวลาออกมานานัปการ บิดเบือนห้วงเวลาเพื่อหยุดยั้งก้อนหิน

ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าก้อนหิน ทั้งหมดนี้ล้วนเปล่าประโยชน์!

เวลาที่บิดเบือนไปถูกก้อนหินปรับแก้เข้าที่ในทันที มันกระแทกใส่ตัวสิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาล้ำขีดขั้นห้าทั้งสอง พวกมันปวกเปียกประหนึ่งเศษเต้าหู้ เหลวแหลกในพริบตา!

ซี้ด!

เสียงสูดปากดังอยู่ในอาณาจักรต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระที่คอยจับตาดูด้านนี้ต่างตกตะลึงโดยไม่มีข้อยกเว้น!

ต้นหลิวและก้อนหินสยดสยองเกินไปแล้ว พริบตาที่มาถึงก็จัดการกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดได้!

พวกเขาต่างหวาดผวา ต้นหลิวและก้อนหินอยู่ในขอบเขตใดกันแน่

ณ ตำหนักปริภูมิเวลาโบราณ

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

จ้าวแห่งปริภูมิเวลาตนหนึ่งหน้าตาซีดเซียว

มันนึกว่าหลี่จิ่วเต้าปรากฏตัวแล้ว กำลังจะโจมตีครั้งรุนแรงที่สุด ผลสุดท้ายกลับไม่ใช่ ผู้มาไม่ใช่หลี่จิ่วเต้า!

เป็นเพียงต้นหลิวและก้อนหินเท่านั้น ทว่ากลับมีพลังกล้าแกร่งถึงเพียงนี้

สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปทั้งหมด เริ่มอยากยอมแพ้ขึ้นมาในใจ

“ช่างเถิด พวกเรา…รามือเถิด!”

นักพรตกู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลังชีวิตไม่ได้รุนแรงอุดมสมบูรณ์เท่าเก่า ดูเหมือนชราภาพลงไปมากในเสี้ยวลมหายใจ

เขาไม่ด้เกรงกลัวต้นหลิวและก้อนหิน เชื่อว่าหากได้ลงมือ เขาสามารถสังหารต้นหลิวและก้อนหินได้ง่ายดาย

ทว่าสังหารต้นหลิวและก้อนหินไปแล้วอย่างไร

ต้นหลิวและก้อนหินหาใช่ผู้ที่พวกเขาต้องการจัดการไม่

เจ้าตัวอย่างหลี่จิ่วเต้าจนบัดนี้ยังไม่เคยโผล่หน้ามา เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียิ่ง

ถึงอย่างไร หลี่จิ่วเต้าย่อมต้องทรงพลังกว่าต้นหลิวและก้อนหินอีกมาก เขาเริ่มไม่มั่นใจ ไม่ต้องการลงมือต่อ

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ความหวังที่เพิ่งได้เห็นดับมอดอีกแล้ว!”

ต้นหม่อนโบราณส่ายหน้ารัว น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความอาดูร

หนนี้พวกเขาต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่มีโอกาสแลกด้วยซ้ำ…

หลี่จิ่วเต้าน่าสะพรึงกลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก!

พอมองเห็นเรื่องนี้ได้จากต้นหลิว ก้อนหิน และพวกสุนัขดำ

“อย่าเอ่ยเช่นนี้!”

มหากาฬใหญ่แห่งประโลกกัดฟันเอ่ย “พวกเรามีทางถอยอีกหรือ ความมืดมิดอันแท้จริงน่ากลัวปานใด? แรงสะเทือนครั้งล่าสุดเกือบทำให้หทัยเต๋าของข้าแตกสลาย! นั่นใช่ผู้ที่พวกเราต่อกรไหวหรือ”

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ความหวังที่เพิ่งได้เห็นดับมอดอีกแล้ว!”

ต้นหม่อนโบราณส่ายหน้ารัว น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความอาดูร

หนนี้พวกเขาต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่มีโอกาสแลกด้วยซ้ำ…

หลี่จิ่วเต้าน่าสะพรึงกลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก!

พอมองเห็นเรื่องนี้ได้จากต้นหลิว ก้อนหิน และพวกสุนัขดำ

“อย่าเอ่ยเช่นนี้!”

มหากาฬใหญ่แห่งประโลกกัดฟันเอ่ย “พวกเรามีทางถอยอีกหรือ ความมืดมิดอันแท้จริงน่ากลัวปานใด? แรงสะเทือนครั้งล่าสุดเกือบทำให้หทัยเต๋าของข้าแตกสลาย! นั่นใช่ผู้ที่พวกเราต่อกรไหวหรือ”

เขากล่าวต่อ “ความมืดมิดคือการตกต่ำอย่างสิ้นเชิงของท่านอาจารย์ ถึงคราวความมืดมิดจุติ เป็นไปได้สูงว่าผู้ที่พวกเราต้องประจันหน้าก็คือท่านอาจารย์! พวกเราจะเอาสิ่งใดเข้าสู้ เอาสิ่งใดต้านทาน”

“จริงอยู่ หลี่จิ่วเต้าน่าพรั่นพรึงกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก แต่พวกเราก็ยังมีหวังกับศึกนี้บ้าง!”

เขายังกล่าวต่อ “มีแต่ต้องจับตัวหลี่จิ่วเต้า ชิงการเตรียมการที่ท่านอาจารย์เคยทิ้งไว้ พวกเราถึงมีโอกาสรับศึกจากการจุติของความมืดมิด!”

“ถูกต้อง ข้าเห็นด้วยกับพี่ใหญ่!”

มหากาฬอันดับสองแห่งปรโลกเอ่ย “มีเพียงการเตรียมการที่ท่านอาจารย์ทิ้งไว้ถึงช่วยให้พวกเราสามารถต่อกรกับท่านอาจารย์ที่ตกต่ำอย่างสิ้นเชิง พวกเรายอมแพ้แค่นี้ไม่ได้ จำต้องไปต่อสู้ช่วงชิงกับหลี่จิ่วเต้าสักครา!”

“ความหวังอยู่ในมือของตนเท่านั้นจึงจะปลอดภัยพึ่งพาได้ที่สุด! อย่าได้ลังเลอีกเลย พวกเราไม่เหลือทางถอยแล้วจริง ๆ อย่างไรก็หนีไม่พ้นความตาย ไม่สู้เสี่ยงดูสักคราในตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสชนะ!”

มหากาฬอันดับสามแห่งปรโลกเอ่ย “พวกเราเอาตัวรอดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับนาทีนี้แล้ว หลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเรายังต้องลงมือต่อเนื่อง ช่วงชิงการเตรียมการของท่านอาจารย์มาให้มากกว่านี้ ให้พวกเรามีความสามารถรักษาตัวรอดได้กล้าแกร่งกว่านี้!”

เขาไม่ต้องการต่อสู้กับความมืดมิด คิดเพียงรักษาตัวให้อยู่รอดปลอดภัยต่อไปก็พอ!

“ข้าลงมือเอง!”

ร่างของเขาเลือนหายไปจากที่นี่

ลมหายใจต่อมา เขามาปรากฏตัวในห้วงลึกอวกาศ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท