บทที่ 1006 วิถีมรณาอันบริบูรณ์ เข้าไปในประตูนรกสักครา!
ห้วงลึกอวกาศ มหากาฬอันดับสามแห่งปรโลกมาถึง
มันมีนามว่าอินหมิง มหากาฬอันดับสองแห่งปรโลกมีนามว่าอินขวน มหากาฬใหญ่แห่งปรโลกมีนามว่าอินหยิน
พวกมันทั้งสามเป็นพี่น้องแท้ ๆ เกิดในชนเผ่าคนป่า สมัยนั้นเป็นยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ที่สุด สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ยังพัฒนาสติปัญญาไม่ครบถ้วน รวมถึงเผ่ามนุษย์ด้วย
ในยุคดึกดำบรรพ์ เผ่ามนุษย์นั้นยังอ่อนแอ ไม่อาจเทียบได้กับอสูรร้ายดึกดำบรรพ์ต่าง ๆ ชีวิตความเป็นอยู่ของเผ่ามนุษย์ข้นแค้น มีเหตุการณ์บาดเจ็บล้มตายไม่เว้นวัน อสูรดึกดำบรรพ์มากมายมักบุกเข้ามาในชนเผ่ามนุษย์เข่นฆ่าอุกฉกรรจ์
อสูรดึกดำบรรพ์เหล่านี้มองเผ่ามนุษย์เป็นอาหาร
ชนเผ่าของพวกเขาสามพี่น้องก็ถูกอสูรดึกดำบรรพ์ไล่ฆ่าเช่นกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรดึกดำบรรพ์อันโหดเหี้ยมน่าพรั่นพรึง ต่อให้ชนเผ่าพวกมันเตรียมการไว้แล้วก็ยังสู้ไม่ไหว บรรดาอสูรดึกดำบรรพ์อันโหดเหี้ยมน่าพรั่นพรึงบุกเข้ามาได้ง่าย ๆ
โลหิตหลั่งรินเป็นสายธารในชนเผ่า ชาวเผ่าถูกอสูรดึกดำบรรพ์กินไปทีละตน เวลานั้นพวกมันสามพี่น้องยังไร้ความสามารถ ไม่มีพลังอันใดติดตัว ยามประจันหน้ากับอสูรดึกดำบรรพ์จึงไม่อาจต้านทานได้เลย
ทว่าพวกมันสามพี่น้องไม่เคยคิดยอมแพ้ หลังล้มลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยืนหยัดขึ้นใหม่ เข้าห้ำหั่นกับอสูรดึกดำบรรพ์
แน่นอนว่าด้วยพลังที่ห่างชั้น การยืนหยัดไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใด สุดท้ายพวกมันสามพี่น้องก็ถูกอสูรดึกดำบรรพ์กลืนกิน ตายลงในที่สุด
เวลานั้นเอง ผู้เบิกทางท่านนั้นปรากฏ ซาบซึ้งในความแน่วแน่ไม่ถอดใจ และความกล้าหาญชาญชัยของพวกมันสามพี่น้อง จึงสร้างร่างพวกมันออกมาอีกครั้งทั้งยังรับเป็นศิษย์ ถ่ายทอดวิถีมรณาให้พวกมัน ช่วยให้พวกมันได้เป็นวิญญาณหยินดึกดำบรรพ์ที่สุด
วิญญาณหยินทั่วไปไม่สามารถบำเพ็ญเพียร มีเวลาดำรงอยู่อันจำกัด ทว่าพวกมันนั้นต่างออกไป ไม่เพียงแต่สามารถบำเพ็ญเพียร อีกทั้งไม่มีเวลาจำกัดในการดำรงอยู่เป็นนิจนิรันดร์
ต่อมา พวกมันติดตามอยู่ข้างกายผู้เบิกทางมาตลอด รับฟังคำสั่งสอนจากผู้เบิกทาง จนกระทั่งเกิดเรื่องกับผู้เบิกทางและสั่งให้ลูกศิษย์แยกย้ายกันไป
ฟึ่บ!
อินหมิงชักดาบมรณาเล่มหนึ่งออกมา ใช้ตัดสามจิตเจ็ดวิญญาณโดยเฉพาะ นี่คือศาสตรามรณาที่ผู้เบิกทางมอบให้มันเมื่อครั้งถ่ายทอดวิถีมรณา ไม่ใช่แค่มัน พี่ชายทั้งสองของมันก็มีศาสตรามรณานี้เช่นกัน
ไม่มีเรื่องใดต้องพูดกันอีก หลังมันปรากฏตัวในที่นี้ก็กวัดแกว่งดาบมรณาบุกไปฟาดฟันต้นหลิวและก้อนหิน!
พออยู่มานาน กลับมิได้เด็ดเดี่ยวอย่างเก่า เริ่มกลัวตาย กลัวต้องหายไปอย่างสิ้นเชิง
ผู้เบิกทางช่วยให้มันก่อร่างขึ้นมาอีกครั้ง ซ้ำยังถ่ายทอดวิถีมรณาแก่มัน ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวง เป็นบุญคุณที่ให้ชีวิตใหม่ อนิจจา ด้วยหายนะมืดมิดที่กำลังคืบคลานเข้ามา สุดท้ายมันก็เลือกละทิ้งบุญคุณนี้ ยอมฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของผู้เบิกทาง เข้าช่วงชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงและการเตรียมการเพื่อเอาชีวิตรอด
ตู้ม!
มันตวัดดาบเข้าไปพร้อมด้วยพลังอันไร้ขอบเขต ภาพการณ์สยดสยองปรากฏ ปรโลกโผล่ออกมาจากด้านหลังของมัน คล้ายว่ามันสามารถชี้ชะตาของสรรพชีวิต หมายจะเก็บเกี่ยวต้นหลิวและก้อนหินเข้าไปในปรโลก
“นี่หรือคือจ้าวแห่งปรโลก”
“ช่างเป็นดาบที่น่ากลัวเหลือเกิน! สยองกว่าที่เกิดขึ้นก่อนนี้มากนัก!”
สิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระทั้งหลายเมื่อได้เห็นดาบนี้ต่างชาไปทั้งหนังศีรษะ อกสั่นขวัญแขวน!
พวกเขารู้สึกเหมือนดวงจิตและวิญญาณของพวกเขาใกล้ถูกดาบนี้ดูดไปแล้ว อดไม่ได้ที่จะอยากเข้าไปในปรโลก
เป็นผลให้พวกเขาตื่นตระหนก รีบสงบจิตใจไม่กล้าดูต่อ
ตึง!
เสียงปะทะดังกัมปนาท เกลียวคลื่นซัดสาดอยู่ในอวกาศ ก้อนหินต่อยออกไปหมัดหนึ่งกระแทกกับดาบเล่มนี้!
มันคอยติดตามอยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้า ล่องจักรวาลไปพร้อมกับหลี่จิ่วเต้า ย่อมได้ประโยชน์มหาศาล ขอบเขตพลังพุ่งพรวด
หากไม่ใช่เช่นนั้น มันยังไม่อาจต่อสู้กับอินหมิง
มันกระหน่ำหมัดสองข้างปะทะกับดาบมรณาไม่หยุด อินหมิงถอยหลัง รู้สึกเหลือเชื่อ ดาบมรณาใช้ตัดสามจิตเจ็ดวิญญาณโดยเฉพาะ เหตุใดก้อนหินถึงดูไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
“จัดการยากจริง!”
อินหมิงเอ่ยในใจ เดิมมันคิดว่ายามมันบุกมาด้วยตนเองจะสังหารต้นหลิวและก้อนหินได้ง่ายดาย เป็นการบีบให้หลี่จิ่วเต้าออกมา
ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นตามคาด
อย่าว่าแต่สังหารต้นหลิวและก้อนหินง่ายดายเลย ลำพังก้อนหินมันก็ไม่อาจจัดการได้โดยง่าย!
…
ณ ตำหนักปริภูมิเวลาโบราณ
“พวกเราสามพี่น้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว แข็งแกร่งที่สุดยามรวมกำลัง พวกเราก็ขอออกไปช่วยเจ้าสามต่อสู้ด้วย!”
“หวังว่าทุกท่านจะตระหนักได้โดยเร็ว พวกเรามีทางเลือกไม่มากแล้ว!”
มหากาฬใหญ่แห่งประโลกอินหยิน และมหากาฬอันดับสองแห่งปรโลกอินขวนกล่าว
พลันร่างของพวกมันเลือนหาย จากที่นี่ไปยังห้วงลึกอวกาศ!
…
หลังอินหยินและอินขวนมาถึง พลังปราณของอินหมิงเปลี่ยนไปอย่างมหันต์ฉับพลัน
เป็นดั่งที่อินหยินและอินขวนว่า พวกมันสามตนอยู่ด้วยกันจึงจะแข็งแกร่งที่สุด!
พวกมันบำเพ็ญวิถีมรณากันทั้งสามตน ยามรวมอยู่ด้วยกันวิถีมรณาจึงจะบริบูรณ์!
“ฆ่า!”
พวกมันสามคนผนึกกำลัง บุกถล่มไปหาก้อนหิน!
ประตูนรกปรากฏขึ้นด้านหลัง นี่เป็นการสะท้อนถึงวิถีมรณาอันบริบูรณ์ พวกมันตั้งใจส่งก้อนหินเข้าไปในประตูนรก!
“วันนี้พวกเราเปิดประตูนรกให้เจ้า ชวนเจ้ามาลิ้มรสความตายดูสักครา!”
พวกมันทั้งสามส่งประตูนรกออกไป!
ประตูนรกนั้นสยดสยองถึงขีดสุดอย่างแท้จริง ก้อนหินรัวหมัดต่อยประตูนรกจนระเบิด
ทว่าลมหายใจต่อมา ประตูนรกก็ปรากฏขึ้นใหม่ เสียงโหยหวนดังมาจากข้างใน กลิ่นอายอึมครึมชวนผวาห้อมล้อม ชวนให้เสียขวัญเป็นพิเศษ!
ตู้ม!
ก้อนหินรัวหมัดอีกครั้ง ประตูนรกแหลกลาญ ทว่าก็กลับปรากฏขึ้นใหม่ในลมหายใจต่อมา!
ขณะเดียวกัน ประตูนรกจู่โจมใ่ส่มันอย่างรวดเร็ว วิญญาณหยินนับคณาพุ่งออกมาลากก้อนหินเข้าไปในประตูนรก
นี่ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ ทว่ามหากาฬทั้งสามแห่งปรโลกล้วนมิได้มีท่าทีอันใด ไม่แสดงความปีติยินดีออกมา
ในสายตาพวกมัน ทั้งหมดนี้นับว่าสมควรแล้ว
ประตูนรกที่พวกมันทั้งสามผนึกกำลังปล่อยออกไปแม้แต่สิ่งมีชีวิตล้ำขีดขั้นแปดยังต้านไม่อยู่ ต้องถูกลากเข้าไปด้วย
“ต่อไปก็ตาเจ้าแล้ว!”
พวกมันหันมองต้นหลิวด้วยสายตาเย็นเยียบ จู่โจมอย่างรวดเร็วโดยปราศจากความลังเล ปล่อยประตูนรกใส่ต้นหลิว
ศึกนี้เอิกเกริกยิ่งนัก ย่อมต้องมีสำนึกแห่งโรคจับตามองอยู่ พวกมันไม่กล้าปล่อยให้เวลาเลยผ่าน คิดจะรีบบีบหลี่จิ่วเต้าให้ออกมา
กล่าวอย่างไม่เกินจริง ตอนนี้พวกมันเสี่ยงอย่างมหันต์ สำนึกแห่งโรคโจมตีพวกมันได้ทุกเมื่อ
ทว่าพวกมันไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องมีผู้ที่ออกมาไล่ต้อนหลี่จิ่วเต้า!
เมื่อเป็นเช่นนี้ นักพรตกู่ ต้นหม่อนโบราณ และจ้าวแห่งปริภูมิเวลาทั้งสามถึงสามารถลงมือกับหลี่จิ่วเต้า จู่โจมรุนแรงปานสายฟ้าแล้วกำราบหลี่จิ่วเต้าลง
“ไม่ พวกเจ้าคิดผิดแล้ว ยังไม่ถึงตาข้า”
ต้นหลิวสั่นศีรษะ สีหน้าราบเรียบสงบ เงาร่างหายไปจากตรงนั้น ไม่ได้ลงมือกับประตูนรก
“พวกเจ้ายังจัดการก้อนหินไม่ได้เลย…”
มันส่งเสียงเรียบนิ่ง เงาร่างปรากฏขึ้นอีกที่
“เจ้าพูดอะไร ยังฝันเฟื่องอยู่อีกหรือ หลังเข้าไปในประตูนรกต้องผ่านพิธีบรรพชาจากวิถีมรณา เปลี่ยนจากเป็นสู่ตาย กลายเป็นวิญญาณหยิน!”
อินหมิงแค่นยิ้มพลางเอ่ยว่า “มันไม่มีวันได้กลับออกมาอีก เจ้าก็ไม่มีทางหนีพ้น ประตูนรกนี้…อย่างไรเจ้าก็ต้องเข้าไป!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของมัน ประตูนรกก็ปรากฏอยู่ด้านต้นหลิว จู่โจมไปหา!