บทที่ 1011 รสชาติดียิ่ง รินให้ข้าอีกจอกเถิด!
“เจ้าไปพักผ่อนบนรถลากก่อนเถิด”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับเด็กสาวนามซิงเมิ่งยิ้ม ๆ
ซิงเมิ่งถูกตามล่าอย่างน่าเวทนา ได้รับบาดเจ็บทั้งกายและใจ จำต้องพักผ่อนให้ดี
“ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน”
เฟิ่งหลวนคลี่ยิ้ม “ดูแล้วข้าโตกว่าเจ้าหน่อย ขอเรียกเจ้าว่าน้องหญิงแล้วกัน ก่อนนี้ข้าเองก็ถูกไล่ล่าอย่างน่าอนาถ ต่อมาได้คุณชายช่วยไว้ ข้ามาสนทนาเป็นเพื่อนเจ้า จะได้ช่วยคลายความกดดันที่เจ้าถูกตามล่า”
“ได้สิ”
ซิงเมิ่งตอบตกลงอย่างยินดี ทว่าในใจกลับด่ากราดยกใหญ่ ผู้ใดอยากให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนกัน ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก คิดหาแผนให้พวกเจ้ายอมดื่มน้ำมโนรถ!
เฟิ่งหลวนพาซิงเมิ่งขึ้นไปบนรถลาก
ของทุกชิ้นภายในรถลากล้วนอัศจรรย์สูงส่งไม่ธรรมดา มันคาดเดาว่าหลี่จิ่วเต้าอาจได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นทิ้งไว้ให้จริง ๆ
มันได้เห็นศึกระหว่างต้นหลิวและเอ้อ จึงมองออกถึงประวัติของกระบี่ไทเก๊กและมวยไทเก๊ก
เทียบกับเอ้อแล้ว สิ่งที่มันล่วงรู้มีมากกว่า
ศิษย์พี่หญิงผู้นั้น หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น…อาจารย์ของท่านผู้นั้น!
ใช่แล้ว ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นเคยสอนสั่งท่านผู้นั้นบ่อย ๆ มันจำได้ดีว่ามีภาพศิษย์พี่หญิงสอนสั่งท่านผู้นั้นในหัวมากมาย
ทว่าอาจารย์ที่แท้จริงของท่านผู้นั้นและศิษย์พี่หญิงคือใครมันไม่ทราบ ไม่มีภาพทรงจำที่เกี่ยวข้อง
‘ผู้ใดกันที่เก่งกาจปานนี้ สามารถสอนสั่งสองคนนั้นได้!’
จบจนบัดนี้มันยังสะท้านใจเหลือแสน ผู้ที่สอนสั่งท่านผู้นั้นและศิษย์พี่หญิงออกมาได้ต้องทรงพลังเพียงใด มันไม่กล้าแม้แต่จะคิด เหนือกว่าขอบเขตความเข้าใจของมัน
‘ที่ท่านผู้นั้นปฏิเสธความเป็นมายามีความเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่หญิงจริง ๆ พวกเขาสองคนไล่ตามหาความจริงบางอย่าง บางทีอาจไล่ตามฝีเท้าของอาจารย์พวกเขาอยู่ก็ได้ ความทรงจำนี้เลือนรางเกินไป ข้าเองก็ไม่แน่ใจ…’
ความจริงของโลกใบนี้เป็นเช่นไร เป็นสิ่งเที่ยงแท้หรืออุปโลกน์ แล้วทุกอย่างเป็นมาอย่างไรกันแน่?
มันเองก็ไม่ทราบ
ความทรงจำเรื่องนี้มีอยู่น้อยนิด
‘เกิดอะไรขึ้น ข้ารู้สึกไปเองหรือ’
มันตื่นตระหนก ระหว่างที่พินิจพิเคราะห์ภายในรถลากก็เหลือบไปเห็นฉินโบราณเล่มหนึ่ง คล้ายกับว่ามีดวงตาอยู่ในนั้นกำลังจ้องมองมา ให้ความรู้สึกหวาดผวา
ทว่าเมื่อนางจับสัมผัสฉินโบราณเล่มนี้อย่างละเอียด กลับไม่พบอะไร
ฉินนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ทว่ากลับไม่ได้มีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่ ไม่มี ‘ญาณ’ อยู่ภายในและยิ่งไม่มีดวงตาที่ว่า
‘นั่นพู่กันอะไร ข้ารู้สึกถึงภัยคุกคามใหญ่หลวง’
มันเหลือบไปเห็นพู่กันด้ามหนึ่งแขวนอยู่บนราวพู่กัน ขณะที่พินิจมองพู่กันด้ามนี้พลันรู้สึกถึงภัยคุกคามใหญ่หลวงในใจ
ทว่าความรู้สึกถูกคุกคามนี้มาอย่างกะทันหัน และหายไปอย่างกะทันหัน
ปรากฏในชั่วพริบตา หายไปในชั่วพริบตา จนมันยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
‘บางทีทั้งฉินละพู่กันล้วนมาจากศิษย์พี่หญิงผู้นั้น ข้าต้องจดไว้ หลังเสร็จเรื่องทุกอย่างต้องพาพวกมันไปด้วย…’
มันคิดในใจ
ขอบเขตพลังระดับมันไม่มีทางสังหรณ์ใจขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉินโบราณและพู่กันไม่ธรรมดาแน่นอน
‘ยังดีที่ไม่ใช่ปะทะซึ่งหน้า หากปะทะซึ่งหน้าบางทีข้าอาจเสียเปรียบมหันต์ ทว่ามีน้ำมโนรถอยู่ ย่อมหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนั้นได้’
ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าดื่มน้ำมโนรถลงไป ต้องประสบเคราะห์ร้ายแน่นอน ถึงเวลานั้น ต่อให้หลี่จิ่วเต้ามีของวิเศษมากเพียงใดก็ไม่ไหว ไม่มีทางเป็นภัยต่อมันได้อีก
“เป็นอย่างไร อึ้งมากใช่หรือไม่ คุณชายเก่งกาจขนาดนี้แหละ เมื่อครั้งข้าเพิ่งเข้ามาในรถลากก็ทึ่งเช่นกัน”
เฟิ่งหลวนหัวเราะ เห็นซิงเมิ่งนิ่งไม่ขยับจึงคิดว่าซิงเมิ่งตะลึงกับความอัศจรรย์ภายในรถลากคันนี้
อันที่จริง หากลองตรองดูดี ๆ ซิงเมิ่งไฉนเลยจะไม่ทึ่งเล่า
เก่งกาจกับผีน่ะสิ!
เก่งกาจเท่าข้าที่ไหน!
เจ้าเองมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของข้า
ซิงเมิ่งได้ยินเฟิ่งหลวนเอ่ยว่าหลี่จิ่วเต้านั้นเก่งกาจแล้วนึกดูแคลนอยู่เต็มหัวใจ เก่งที่ไหน จับมันไม่ได้ด้วยซ้ำ
“อื้อ เก่งจริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นสิ่งของมหัศจรรย์มากมายขนาดนี้มาก่อนเลย!”
ภายนอกมันยังคงเสแสร้งได้แนบเนียน เอ่ยตอบไปอย่างนั้น
เฟิ่งหลวนพามันเข้ามายังห้องแห่งหนึ่ง
จากนั้นนางก็เริ่มสาธยายไม่หยุด เอ่ยว่าหลังจากนี้มันไม่ต้องกลัวถูกไล่ล่าอีกต่อไป คุณชายเป็นคนประเสริฐ จะคอยช่วยมันเอง
มันรำคาญจะแย่ เฟิ่งหลวนพล่ามเก่งยิ่งนัก จอแจไม่หยุด มันนึกอยากตบเฟิ่งหลวนให้ตายในฝ่ามือเดียวนัก เฟิ่งหลวนจะได้หุบปากเสียที
ทว่ามันยังได้รู้ข่าวมีประโยชน์มาบ้าง
หลี่จิ่วเต้าชื่นชอบการกินดื่ม คืนนี้จะร่วมวงกินข้าวกับพวกเขา
‘ชื่นชอบการกินดื่มหรือ เช่นนั้นดียิ่ง ข้าเอ่ยว่าน้ำมโนรถนี้คือสุรารสเลิศแล้วให้พวกเขาดื่มลงไปก็ได้’
มันคิดในใจ แน่ใจในอุบาย
“อย่าได้ดูถูกมื้ออาหารคืนนี้เชียว ช่วยให้เจ้าได้รับประโยชน์มหาศาลเลยละ!”
เฟิ่งหลวนอธิบายด้วยรอยยิ้ม บอกว่านี่ไม่ใช่ของกินธรรมดา เปี่ยมด้วยพลังอันสูงสุด สร้างประโยชน์ให้อย่างยิ่งยวด
“อย่างนั้นหรือ ข้าแทบทนรอไม่ไหวแล้ว!” ซิงเมิ่งกล่าว
มันรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถึงเวลากินอาหารเมื่อใดจักเป็นวันตายของพวกหลี่จิ่วเต้า!
เวลาดำเนินมาถึงยามราตรี
นอกรถลาก พวกหลี่จิ่วเต้าจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย กลิ่นหอมร้อนกรุ่นโชยชาย ผู้ใดได้กลิ่นจะต้องกระปรี้กระเปร่า นึกอยากอาหารอย่างอดไม่ไหว
คืนนี้พวกเขาจะกินหม้อไฟกัน
บนโต๊ะทรงกลมมีเนื้อที่ถูกหั่นเป็นแผ่นบางหลากหลายชนิด อีกทั้งผักสดกับผลไม้แก้เลี่ยนจัดวางอยู่รอบ ๆ หม้อยวนยางสองช่อง
นอกจากนี้ยังมีน้ำจิ้มที่หลี่จิ่วเต้าตั้งใจปรุงขึ้นแบ่งเป็นจานเช่นกัน
ลั่วสุ่ยเรียกเฟิ่งหลวนและซิงเมิ่งออกมา ทุกคนนั่งที่
“หอมเหลือเกิน!”
ทันทีที่ได้นั่งซิงเมิ่งก็ดำดิ่งไปกับความหอมของหม้อไฟ น้ำลายไหลออกจากปาก
“กินได้เลย”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม หยิบตะเกียบขึ้นมา อาหารที่นำไปลวกชุดแรกสุกแล้ว
ทุกคนอดรนทนไม่ไหว หลังหลี่จิ่วเต้าปริปากก็เริ่มกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
กลิ่นหอมอบอวลอยู่ในปากพวกเขา พวกเขาต่างมีสีหน้าดื่มดำ อร่อยเหลือเกิน รวมถึงซิงเมิ่งก็กินอย่างเปรมปรีดิ์ กระทั่งลืมนำน้ำมโนรถออกมา
“มาเถิด ทุกคนมาชนกันหน่อย”
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ยกจอกในมือขึ้นเสนอให้ชนแก้ว
“ได้เลย!”
ต้าเต๋อตอบรับเป็นคนแรกอย่างกระตือรือร้น รินให้ตัวเองหนึ่งจอกเต็ม
ต้นหลิว ก้อนหินก็รินให้ตัวเองหนึ่งจอกเช่นกัน
ลั่วสุ่ย เซี่ยเหยียน หลิงอินสามคนต้องการรินสุราด้วย ทว่าถูกหลี่จิ่วเต้าห้ามไว้ “พวกเจ้าดื่มน้ำผลไม้ดีกว่า!”
เขายังนึกกลัวไม่หาย พวกลั่วสุ่ยสามคนคือหมาป่าดี ๆ นี่เอง หมายตาเขาอยู่ตลอด ยามเมามายชอบเผยธาตุแท้ออกมา
พวกลั่วสุ่ยสามคนจนใจ จำต้องรินน้ำผลไม้
เวลานี้ ซิงเมิ่งถึงได้สติเลิกเอาแต่คิดถึงเรื่องกินดื่ม มันเอ่ยยิ้ม ๆ “ปกติข้าชอบดื่มสุราเช่นกัน เป็นพระคุณที่คุณชายช่วยเหลือข้าไว้ ซ้ำยังต้อนรับขับสู้อย่างดี ข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทน ขอให้คุณชายลองชิมสุราที่ข้าหมักเองแล้วกัน”
มันเสริมอีกประโยค “เด็กสาวไม่ควรดื่มเหล้าฤทธิ์แรง สุราที่ข้าหมักรสอ่อน ฤทธิ์ไม่แรงเท่าใด ชิมได้ทุกคน”
เนื่องจากหลี่จิ่วเต้าไม่ยอมให้พวกลั่วสุ่ยสามคนดื่มเหล้า มันจึงจงใจเอ่ยเสริมเพื่อให้พวกลั่วสุ่ยสามคนได้ดื่มน้ำมโนรถด้วย
“ดีเลย!”
“ได้!”
พวกลั่วสุ่ยสามคนตาวาว
แม้ว่าเป็นสุรารสอ่อนฤทธิ์ไม่แรง กระนั้นก็เป็น ‘สุรา’ หากดื่มจนได้ที่ก็เมาได้เช่นกันกระมัง!
ซิงเมิ่งหยิบออกมาไหหนึ่งก่อนจะเปิดฝาออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมหวนของสุราก็แผ่ซ่านออกมา เมื่อได้ดมก็รู้ว่าไม่เลวจริง ๆ
“รินให้ข้าก่อนจอกหนึ่งแล้วกัน!”
ลั่วสุ่ยดื่มน้ำผลไม้ในจอกรวดเดียวหมด แล้วยื่นจอกตนเองเข้าไปก่อน
“ข้าด้วย!”
“กลิ่นสุรานี้หอมยิ่ง ข้าอยากดื่ม!”
หลิงอินและเซี่ยเหยียนไม่ยอมแพ้ ต่างดื่มน้ำผลไม้ในจอกรวดเดียวหมดแล้วยื่นจอกเข้าไป
หลี่จิ่วเต้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไฉนเลยจะไม่รู้ถึงแผนการในใจพวกลั่วสุ่ย นี่ยังคิดหาโอกาสเมาแล้วมานอนกับเขาอีกหรือ
เป็นบุรุษช่างลำบาก!
“พวกนางอยากดื่มก็รินให้พวกนางก่อนเถิด”
เขาคลี่ยิ้ม คิดแล้วคงไม่เป็นไร
ถึงอย่างไรซิงเมิ่งก็เอ่ยแล้วว่านางดื่มสุราฤทธิ์แรงไม่ได้ ที่หมักเองล้วนเป็นสุรารสอ่อน ไม่ได้ฤทธิ์แรงเท่าใด
หากเป็นสุรารสอ่อน พวกลั่วสุ่ยสามคนคงไม่เมา
“ได้”
ซิงเมิ่งรินให้พวกนางสามคนคนละจอก พวกลั่วสุ่ยยกดื่มทันที
หลังดื่มหมด พวกนางยื่นจอกให้อีกครั้งพร้อมเอ่ยว่ารสชาติดียิ่ง ขอดื่มอีกจอก
รสชาติดียิ่ง?!
ซิงเมิ่งหมดคำบรรยาย อยากบอกเหลือเกินว่าพวกเจ้าแน่ใจหรือว่ารสดี ลิ้มรสออกด้วยหรือ!
พวกลั่วสุ่ยสามคนดื่มไวไม่แพ้กัน คงเข้าท้องทันทีโดยไม่ทันได้รสชาติอันใด!
มันเสียดายนิดหน่อย น้ำมโนรถเหล่านี้เป็นน้ำที่มันทุ่มเทกายใจสกัดออกมาทีละนิด เลอค่าทุกหยด ไม่ควรใช้อย่างสิ้นเปลือง
บัดนี้พวกลั่วสุ่ยสามคนร้องว่าอยากดื่มอีกจอก มันอยากตบพวกลั่วสุ่ยสามคนให้ตายนัก เปลืองน้ำมโนรถของนางเกินไปแล้ว
“พวกนางอุตส่าห์ชอบ เช่นนั้นก็รินให้พวกนางอีกจอกเถิด”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มบาง บอกให้ซิงเมิ่งรินให้พวกลั่วสุ่ยต่อ
เขาได้กลิ่นหอมของสุรา และประเมินจากกลิ่นหอมนั้นว่าไม่ใช่สุราฤทธิ์แรงจริง ๆ อ่อนบางอย่างยิ่ง สู้เบียร์ยังไม่ได้ ดื่มมากแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ไม่มีทางเมา
“ได้!”
ซิงเมิ่งได้แต่รินให้พวกลั่วสุ่ยคนละจอกด้วยน้ำตาเต็มหน่วย
ถึงอย่างไรตัวการอย่างหลี่จิ่วเต้าก็ยังไม่ได้ดื่มน้ำมโนรถ มันยังต้องอดทนต่อไป!
สุดท้ายมันเพิ่งรินเสร็จ พวกลั่วสุ่ยสามคนก็ดื่มรวดเดียวหมดอีกครา ไวเสียยิ่งกว่าดื่มน้ำ!
“รสชาติดี!”
“อร่อยเกินไปแล้ว!”
“ข้าไม่เคยดื่มสุรารสอ่อนอร่อยเช่นนี้มาก่อน รบกวนขออีกจอกให้ข้าได้หรือไม่”
พวกลั่วสุ่ยอุทานกันใหญ่ว่ารสเลิศ ยื่นจอกเข้าไปอีกครั้ง
รสชาติดีกับผีน่ะสิ!
พวกเจ้าได้รสชาติของมันแล้วจริงหรือ
จุดมุ่งหมายของพวกเจ้าไม่ได้ต้องการเสพรสชาติ!
พวกเจ้าอยากดื่มเหล้านี้ที่ไหน?!
ซิงเมิ่งอยากร้องไห้ ด่ากราดในใจไม่หยุด มันปวดใจอย่างยิ่งยวด เปลืองเหลือเกิน
ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรือ?
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ พวกลั่วสุ่ยหวังจริง ๆ หรือว่าจะเมาด้วยสุรารสอ่อน
เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ “สุรามีตั้งเป็นไห ให้พวกนางดื่มเถิด พวกนางอุตส่าห์ชอบ”
ซิงเมิ่งจนใจ ไม่อาจปฏิเสธ ถึงอย่างไรหลี่จิ่วเต้าก็เอ่ยปากแล้ว
เพราะเป็นตามที่อีกฝ่ายว่า สุรามีเป็นไหซึ่งนับว่าไม่น้อย มันไฉนเลยจะปฏิเสธไม่ให้พวกลั่วสุ่ยสามคนดื่มเล่า
เวลานี้มันสำนึกเสียใจนักหนา รู้อย่างนี้ไยมันต้องนำออกมาทั้งไหด้วย นำออกมาเพียงกาเล็ก ๆ ไม่ดีหรือ
บัดนี้สิดี สงสัยว่าน้ำมโนรถไหนี้ของมันต้องหมดลงที่นี่
‘ผู้ใดเล่าจะคิดว่ามีคนมากแผนการณ์อย่างพวกนางสามคนอยู่ด้วยเล่า!’
มันคิดอย่างเคียดแค้น
แต่เดิมอุบายของนางคือรินให้พวกหลี่จิ่วเต้าคนละจอก จากนั้นร่วมดื่มกับพวกหลี่จิ่วเต้า เท่านี้ก็ถือว่าสำเร็จ
มันก็ไม่ต้องเสียน้ำมโนรถมากนัก
บรรจุด้วยไหหรือด้วยกาก็ไม่ต่าง
ใครเล่าจะคิด พวกลั่วสุ่ยคิดไม่ซื่อ ยึดครองน้ำมโนรถไปเสียอย่างนั้น!
มันเองก็จนใจ จำต้องรินให้พวกลั่วสุ่ยอีกเต็มจอก
“ข้ารินให้คุณชายจอกหนึ่ง ให้คุณชายได้ชิมด้วย!”
คราวนี้มันไม่รอให้พวกลั่วสุ่ยยื่นจอกเข้ามา ชิงเอ่ยขึ้นก่อน
ขอเพียงหลี่จิ่วเต้าดื่มน้ำมโนรถเข้าไป เช่นนั้นทุกอย่างก็ง่าย
“ยังไม่ต้องรีบ ให้พวกนางดื่มก่อน เจ้าดูสิพวกนางเปรมปรีดิ์เพียงใด อย่าทำให้พวกนางต้องหมดสนุกเลย”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม ไม่ได้ตั้งตารอสุรารสอ่อนนี้เท่าใด
ผู้ใดจะหมักเหล้าได้รสดีกว่าเขากัน?
เขาไม่คิดว่ามี
นอกจากนี้ เขาไม่ชอบดื่มสุรารสอ่อน รสชาติของมันบางเกินไป เขาชอบดื่มสุราฤทธิ์แรงมากกว่า
“รสชาติดียิ่ง!”
“รินให้พวกเราอีกจอกเถิด!”
พวกลั่วสุ่ยสามคนดื่มรวดเดียวหมดอีกครั้ง แล้วยื่นจอกไปให้ซิงเมิ่ง
บัดซบ!
เรื่องอะไรกันนี่!
เจ้าตัวไม่ดื่มสักอึก พวกปลาซิวปลาสร้อยไม่สำคัญกลับดื่มน้ำมโนรถของมันไปตั้งมากมาย
เวลานี้หัวใจของซิงเมิ่งมีเลือดรินไหล!
ทว่ายังดี น้ำมโนรถไม่ได้ออกฤทธิ์ทันทีที่ดื่ม จำต้องให้มันปลุกพลังด้วยวิชาลับ มันไม่ต้องกลัวว่าหลังพวกลั่วสุ่ยดื่มแล้วจะเผยไต๋
“ดื่มเถิด ประเดี๋ยวพวกเจ้าได้เห็นดีแน่!”
มันเอ่ยเสียงเคียดแค้นเหลือแสนในใจ
กระนั้นมันไร้ซึ่งหนทาง ถึงอย่างไรมันได้โน้มน้าวหลี่จิ่วเต้าแล้ว หลี่จิ่วเต้ากล่าวว่าให้พวกลั่วสุ่ยดื่มก่อน มันคงไม่อาจบีบบังคับให้หลี่จิ่วเต้าดื่ม
หากต้องบีบบังคับจริง คงไม่ต้องใช้น้ำมโนรถแล้ว
มันได้แต่รินให้พวกลั่วสุ่ยเต็มจอกอีกครั้ง
ตามคาด หลังพวกลั่วสุ่ยดื่มเสร็จก็ยื่นจอกมาให้เอ่ยว่าขออีก
“เลิศรสปานนั้นจริงหรือ”
ต้าเต๋อเห็นพวกลั่วสุ่ยดื่มไม่หยุด สายตาเริ่มทอประกายคาดหวัง
เขาผู้เป็นเจ้าขี้เมาน้อยอดไม่ได้ยื่นจอกเข้าไป “ขอข้าหนึ่งจอกด้วย”
เหตุใดถึงมาอีกหนึ่ง?!
ซิงเมิ่งนึกอยากด่ามารดาใครสักคน พวกลั่วสุ่ยดื่มน้ำมโนรถไปตั้งมาก มันไม่อยากให้ผู้อื่นดื่มน้ำมโนรถกันหมด
มันต้องการให้หลี่จิ่วเต้าดื่มคนเดียวก็พอแล้ว
บอกตามตรง มันรับไม่ได้จริง ๆ ที่ต้องล้างผลาญน้ำมโนรถขนาดนี้ นี่ไม่ต่างจากกรีดเลือดเฉือนเนื้อของมัน มันในตอนนี้คิดเพียงลดการสิ้นเปลืองให้ได้มากที่สุด
อนิจจา ความจริงมักไม่เป็นไปดังหวัง มีต้าเต๋อโผล่มาอีกคน!
“เช่นนั้นก็รินให้ต้าเต๋อด้วยแล้วกัน” หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม
เอาเถิด ข้ายอมทน!
ถึงอย่างไรสุดท้ายขอเพียงหลี่จิ่วเต้ายอมดื่มน้ำมโนรถ การสิ้นเปลืองที่ผ่านมาก็นับว่า…คุ้มแล้ว ไม่ขาดทุน!
ซิงเมิ่งคิดในใจ นึกถึงฉินโบราณและพู่กันที่เห็นในรถลากแล้วปลอบตัวเอง
สุดท้าย มันยอมรินให้ต้าเต๋อหนึ่งจอก
ต้าเต๋อไม่ได้ดื่มพรวดพราดอย่างพวกลั่วสุ่ย หากแต่ค่อย ๆ ลิ้มรส ดื่มทีละอึก
“ไม่เลว…จริง ๆ ขอข้าอีกจอก!”
หลังต้าเต๋อดื่มหมด ดวงตาเป็นประกายอีกครั้ง
พูดมาได้!
สุดท้าย มันยอมรินให้ต้าเต๋อหนึ่งจอก
ต้าเต๋อไม่ได้ดื่มพรวดพราดอย่างพวกลั่วสุ่ย หากแต่ค่อย ๆ ลิ้มรส ดื่มทีละอึก
“ไม่เลว…จริง ๆ ขอข้าอีกจอก!”
หลังต้าเต๋อดื่มหมด ดวงตาเป็นประกายอีกครั้ง
พูดมาได้!
ไม่อร่อยได้เช่นไร!
ซิงเมิ่งก่นด่าในใจ น้ำมโนรถนี้มันทุ่มเทสกัดออกมาทีละนิด ได้ผลน่าทึ่ง แน่นอนว่าต้องอร่อย
ถึงอย่างไร หากรสชาติไม่ดีผู้อื่นไฉนเลยจะเต็มใจดื่ม
มันน้ำตาคลอหน่วยอยู่เงียบ ๆ รินให้ต้าเต๋อหนึ่งจอก