ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 562 ภูมิใจ

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 562 ภูมิใจ

ถูไคหัวยังคงรู้สึกเสียใจ เพราะหลานชายกับหลานสะใภ้ของเขาแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูก ต่อให้พวกเขาจะมีลูกแล้วในครั้งนี้ แต่ก็ไม่สามารถรักษาลูกไว้ได้

หลังเซี่ยเจ๋อหลี่ช่วยแจ้งลาให้ถูเฉิงเสียงเสร็จแล้ว เขาก็พูดว่า “หัวหน้า ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

ถูไคหัวโบกมือ แล้วพูดว่า “ได้ นายรีบกลับไปเถอะ”

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาถึงบ้าน ฉินมู่หลานก็กินบะหมี่ชามหนึ่งหมดแล้ว เมื่อเห็นเขากลับมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจอถูเฉิงเสียงไหมคะ?”

“เจอแล้วครับ ผมบอกเขาไปแล้ว ตอนนี้ถูเฉิงเสียงไปโรงพยาบาล”

“งั้นก็ดีแล้วค่ะ”

เมื่อเห็นว่าบะหมี่ในชามตรงหน้าฉินมู่หลานหมดเกลี้ยงแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กังวลว่าเธอจะไม่อิ่ม “มู่หลาน คุณยังหิวอยู่หรือเปล่า? ให้ผมทำมาให้อีกชามไหม?”

ฉินมู่หลานส่ายหน้า แล้วตอบว่า “อิ่มแล้วค่ะ”

“งั้นก็ดีแล้วครับ”

แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ยังคงสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมมู่หลานถึงพาชิงชิงกับเฉินเฉินมาที่นี่ เขาไม่เคยได้ยินเธอบอกว่าจะพาพวกเขามาก่อน

ฉินมู่หลานถอนหายใจ แล้วเล่าว่า “ช่วงนี้มีคนมาหาที่บ้านเยอะมาก ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ก็เลยต้องมาอยู่กับคุณชั่วคราวก่อนค่ะ ที่น่าแปลกคือถึงแม้ว่าฉันจะมาอยู่ที่นี่ แต่บางคนก็ยังได้ข่าวว่าฉันมีสูตรลับช่วยให้มีลูกอีก”

จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องคังอันเหอ เมื่อเล่าจบ เธอก็บอกว่า “แม้แต่คังอันเหอกับครอบครัวพ่อแม่ของเธอ ก็ยังเคยได้ยินเรื่องนี้ ฉันไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะแพร่กระจายไปทั่วขนาดนี้”

เซี่ยเจ๋อหลี่อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องดีแล้วนะครับ ไม่อย่างนั้นคุณก็คงไม่สังเกตเห็นว่าคังอันเหอกำลังป่วย”

ฉินมู่หลานพยักหน้า แล้วพูดว่า “ก็จริงค่ะ ถ้าคังอันเหอไม่ถามเรื่องสูตรลับจากฉัน ฉันก็จะไม่ได้ตรวจชีพจรของหล่อน”

ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ถามเธอว่ามาครั้งนี้ วางแผนไว้ว่าจะอยู่กี่วัน

“น่าจะอยู่สักสองสามวันค่ะ เพราะถวนถวนกับหยวนหยวนยังอยู่ที่บ้าน ฉันเลยวางใจสนิทไม่ได้ค่ะ”

“ก็ดีครับ ช่วงนี้พวกคุณสามแม่ลูกก็พักผ่อนให้มีความสุขไปก่อนนะ”

สองสามวันต่อมา ฉินมู่หลานใช้ชีวิตสบาย ๆ กับชิงชิงและเฉินเฉินลูกสองคนของเธอ เด็กทั้งสองไปเล่นกับเสี่ยวหมิงทุกวัน ในขณะที่ฉินมู่หลานไปซื้อกับข้าวมาทำอาหาร ซึ่งเป็นช่วงเวลาว่างที่หาได้ยาก

แต่เธอกับลูกๆ ไม่สามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ จึงวางแผนไว้ว่าจะกลับไปพรุ่งนี้

เมื่อฉินมู่หลานเห็นคังอันเหอ เธอก็อดถามไม่ได้ว่า “คุณออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?”

ใบหน้าของคังอันเหอซีดเล็กน้อย หล่อนพยักหน้า แล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ เกือบจะหายดีแล้ว ฉันก็เลยออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นเองที่บ้าน”

ฉินมู่หลานรีบเชิญแขกเข้าบ้านทันที: “ในเมื่อคุณต้องพักฟื้น คุณก็ควรอยู่บ้าน ไม่ควรออกมาข้างนอกแบบนี้นะคะ”

สีหน้าของคังอันเหอดูขมขื่นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมากค่ะ พวกฉันอยากมาขอบคุณด้วยตัวเอง”

ในเวลานี้ ถูเฉิงเสียงได้นำกล่องของขวัญที่เขานำมาด้วยออกมาวาง

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นดังนั้นก็กล่าวเสริมว่า “ความจริงแล้วพวกคุณไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เป็นพิเศษก็ได้ครับ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุดนะครับ”

พูดจบ เขาก็มองถูเฉิงเสียง แล้วพูดว่า “คุณควรปล่อยให้ภรรยาของคุณพักฟื้นอยู่ที่บ้านให้ดี”

คราวนี้สีหน้าของถูเฉิงเสียงก็เศร้าสลดเหมือนกัน เพราะนั่นคือลูกที่เขาเฝ้ารอคอยมานาน แต่เขาก็เข้าใจว่าร่างกายของคนเป็นแม่มีความสำคัญเช่นกัน และจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างดี เขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมเข้าใจครับ เดี๋ยวถ้ากลับไปแล้ว ผมให้อันเหอพักฟื้น และดูแลตัวเองอยู่ที่บ้านอย่างดี”

ชิงชิงกับเฉินเฉินมองถูเฉิงเสียงและคังอันเหอด้วยสีหน้าสงสัย

เซี่ยเจ๋อหลี่กวักมือเรียกพวกเขา แล้วพูดว่า “ชิงชิง เฉินเฉิน นี่คืออากับอาสะใภ้นะ”

เด็กน้อยทั้งสองจึงตะโกนทักเสียงดัง

“สวัสดีคุณอา สวัสดีคุณอาสะใภ้”

เมื่อเห็นเด็กน้อยน่ารักสองคนตรงหน้า ถูเฉิงเสียงกับคังอันเหอก็นึกอิจฉามาก

เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองระคนอิจฉาของคังอันเหอ ในที่สุดฉินมู่หลานก็พูดว่า “ฉันขอจับชีพจรของคุณหน่อยนะคะ”

ได้ยินดังนั้น คังอันเหอก็ไม่ปฏิเสธ รีบยื่นมือออกไป

หลังจากที่ฉินมู่หลานตรวจชีพจรของคังอันเหอแล้ว เธอก็เขียนใบสั่งยาให้ “ในเดือนหน้าคุณต้องดื่มยานี้ทุกเช้าเย็น เมื่อคุณหายดีแล้ว ก็จะตั้งครรภ์อีกครั้งได้ง่ายขึ้น ดังนั้นพวกคุณอย่าเศร้าเกินไปเลยนะคะ คิดเสียว่าทางไปสู่ความสุขย่อมเต็มไปด้วยอุปสรรคค่ะ”

หลังจากที่คังอันเหอรับใบสั่งยาไปแล้ว ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ

“ค่ะ ฉันจะกินยาให้ตรงเวลาแน่นอน แล้วก็… ขอบคุณนะคะ”

ฉินมู่หลานโบกมือ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีนะคะ”

ถูเฉิงเสียงที่อยู่ด้านข้าง ก็กล่าวขอบคุณอย่างเคร่งขรึมว่า “พี่สะใภ้ ขอบคุณครับ”

เมื่อก่อนเขาเคยโกรธเซี่ยเจ๋อหลี่มาก แต่ในช่วงเวลานี้คนที่ช่วยเหลือเขากับภรรยามากที่สุด ก็คือเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลาน เขาจึงลืมความบาดหมางครั้งก่อน และรู้สึกซาบซึ้งใจ เพราะความช่วยเหลือที่เขาได้รับ

เห็นถูเฉิงเสียงพูดเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็ส่ายหน้า บอกว่าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ

แต่เมื่อนึกได้ว่าตอนแรก คังอันเหอมาขอสูตรลับช่วยให้มีลูกจากเธอ เธอจึงคิดว่าในเมื่อช่วยแล้ว ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด จึงขอให้ถูเฉิงเสียงยื่นมือออกมา

ตอนแรกถูเฉิงเสียงนิ่งอึ้งไป แต่คังอันเหอเข้าใจก่อน จึงรีบคว้าข้อมือของถูเฉิงเสียงไปยื่นให้ฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานยังตรวจชีพจรของถูเฉิงเสียงด้วย หลังจากตรวจเสร็จ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา

คังอันเหอเห็นดังนั้นก็รีบถาม: “หมอฉิน สุขภาพของเฉิงเสียงมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ?”

“ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงหรอกค่ะ แค่ว่าร่างกายเขาเคยบอบช้ำมาก่อน ทำให้มีอาการบาดเจ็บซ่อนอยู่นิดหน่อย ฉันจะให้ใบสั่งยาเขาด้วย อย่าลืมกินยาให้ตรงเวลานะคะ”

ถูเฉิงเสียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเคยได้รับบาดเจ็บหลายครั้งมาก่อน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีอาการบาดเจ็บซ่อนอยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติขนาดนั้น ไม่น่าจำเป็นต้องกินยา

แต่ก่อนที่ถูเฉิงเสียงจะทันได้พูดอะไร คังอันเหอก็รีบรับใบสั่งยามาอ่าน แล้วพูดด้วยความซาบซึ้งใจ: “ขอบคุณค่ะหมอฉิน ฉันจะคอยจับตาดูให้เขากินยาให้ครบแน่นอนค่ะ”

“ค่ะ พวกคุณแค่ต้องกินยาให้ตรงเวลานะคะ”

ฉินมู่หลานไม่ได้พูดอะไรมาก อธิบายเพียงบางประเด็นที่ต้องให้ใส่ใจเท่านั้น

คังอันเหอก็จดบันทึกทุกคำแนะนำอย่างรอบคอบ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ยังคงอ่อนแออยู่ หล่อนจึงกลับไปหลังจากนั่งต่ออีกสักพัก

หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะมองฉินมู่หลาน แล้วถามว่า “สุขภาพของถูเฉิงเสียงมีอะไรผิดปกติจริงเหรอครับ?”

สิ่งที่เขาคิดคือ ถ้าถูเฉิงเสียงมีปัญหาสุขภาพจริง แล้วจะส่งผลกระทบต่อการฝึกเพื่อทำภารกิจหรือไม่

ฉินมู่หลานเข้าใจความกังวลของเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงรีบตอบว่า: “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ร่างกายของถูเฉิงเสียงไม่มีอะไรผิดปกติ จะไม่ส่งผลกระทบต่อภารกิจและการฝึกฝนค่ะ เพียงแต่จะมีผลกระทบต่อเรื่องการมีลูกเท่านั้น ฉันก็เลยเขียนใบสั่งยาให้เขาค่ะ”

ในเวลานี้เซี่ยเจ๋อหลี่เข้าใจแล้ว เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ”

จากนั้นเขาก็พูดด้วยความภูมิใจว่า: “เราเป็นคู่รักที่ยอดเยี่ยมที่สุดจริง ๆ ครับ มีลูกกันตั้งสี่คน โดยไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมากมายเลย”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็เหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่ แล้วพูดว่า “คุณภูมิใจได้แล้วสินะคะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ภูมิใจมาก แต่ก็รู้ด้วยว่านี่ไม่ใช่ผลงานของเขาทั้งหมด เขารีบก้าวเข้าไปนวดไหล่ให้ฉินมู่หลาน แล้วพูดว่า “ผมภูมิใจแล้วก็ต้องภูมิใจในตัวคุณด้วย มู่หลานของเราท้องตั้งสองรอบเลยนะครับ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็มองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยรอยยิ้ม

วันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็พาลูกสองคนกลับบ้าน

ส่วนคนที่บ้านพักทุกคนต่างรู้เรื่องของคังอันเหอแล้ว ทำให้มีพี่สะใภ้หลายคนนัดกันมาเยี่ยมหล่อนที่บ้าน

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท