ตอนที่ 582 ก่อนพายุหิมะกระหน่ำ / ตอนที่ 583 กระดูกหักเล็กน้อย
ตอนที่ 582 ก่อนพายุหิมะกระหน่ำ
หลังจากมองส่งเฮ่อสี่ออกไปจากห้องรับแขกแล้วน่าซือถูก็ยิ้มถาม “หมู่บ้านของพวกเราเป็นหมู่บ้านที่หนาวที่สุดในประเทศเหยียนหวง ทำไมเสี่ยวมู่กับเสี่ยวลู่ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
เมื่อเทียบกับที่อื่นแล้ว หมู่บ้านของพวกเขาไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากัน
ตี้อู๋เปียนอธิบาย “พวกเราขับรถมาจากเมืองข้างๆ เลาะมาเรื่อย ๆ ครับ”
น่าซือถูพยักหน้า “จากเมืองนั้นขับมาเรื่อย ๆ ต้องผ่านหมู่บ้านของพวกเราจริงๆ อีกเดี๋ยวพายุหิมะจะลงแล้ว พวกเธอหยุดไปต่อก็ถูกต้อง ตอนเย็นค้างที่นี่สิ พวกเรามีห้องรับรองแขก”
“ขอบคุณครับพี่น่า”
“ไม่เป็นไร นั่งกันไปก่อนนะ พี่ขอไปรับพ่อก่อน พ่อพี่เลี้ยงกวางเทาอยู่ข้างนอก ตอนนี้น่าจะอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน”
ตี้อู๋เปียน “ให้ผมไปด้วยไหมครับ”
น่าซือถูเริ่มสวมเสื้อกันหนาวทีละชั้นพลางพูด “ไม่ต้องหรอก พวกเธออยู่ในบ้านดีแล้ว จริงสิ ถ้าในรถพวกเธอมีของต้องเอาลงก็รีบเลยนะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหิมะหนามากจะออกข้างนอกลำบาก”
“ได้ครับ”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนสวมเสื้อกันหนาวแล้วออกไปพร้อมน่าซือถู
หลังจากน่าซือถูเดินอ้อมบ้านออกไปแล้วทั้งสองคนถึงเปิดประตูรถ เอาของที่น่าจะต้องใช้เข้าไปในบ้าน
ไม่รู้ว่าพายุหิมะครั้งนี้จะตกนานแค่ไหน เอาลงมาจากในรถไว้ก่อนดีกว่า
พอมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนจัดการเรื่องของตัวเองเสร็จ แม่สามีกับลูกสะใภ้ที่อยู่ในห้องครัวก็ทำอาหารเย็นเสร็จเช่นกัน แต่เนื่องจากพ่อกับสามียังไม่กลับมา จึงยังไม่นำอาหารขึ้นโต๊ะ
เฮ่อสี่มองไปข้างนอกด้วยความร้อนใจ “หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมคุณพ่อกับอาถูยังไม่กลับมา หนูโทรถามหน่อยดีกว่าค่ะ”
กดโทรหาสามี ปรากฏว่าไม่มีใครรับ โทรหาพ่อสามี กลับโทรไม่ติด
เฮ่อสี่เป็นห่วงมาก สวมเสื้อกันหนาวพลางพูด “แม่คะ หนูจะออกไปดูหน่อย”
แม่สามีไม่อยากให้ลูกสะใภ้ฝ่าหิมะออกไป แต่ก็เป็นห่วงสามีกับลูกชาย “แม่ไปด้วยนะ”
ตี้อู๋เปียน “คุณป้าครับ ผมไปดีกว่าครับ”
“ไม่ได้ เธอสวมแค่นี้เอง เดี๋ยวแข็งตายพอดี”
“เสื้อผ้าของผมเป็นแบบกันน้ำ อุ่นมากนะครับ”
ไม่ว่าอย่างไรแม่สามีของเฮ่อสี่ก็ไม่ยอมให้ตี้อู๋เปียนตามไป
เฮ่อสี่สวมหมวกพลางเดินออก “แม่คะ หนูไปคนเดียวก็พอค่ะ”
“อาสี่…รอแม่ด้วย…”
เฮ่อสี่เปลี่ยนรองเท้าเดินออกไปแล้ว
“เอ๊ะ เด็กคนนี้นี่…” แม่สามีเฮ่อสี่ถอนหายใจ
มู่เถาเยาถาม “คุณป้าคะ สถานที่เลี้ยงกวางเทาไกลไหมคะ”
“ก็ประมาณหนึ่งจ้ะ ปกติถ้าเดินก็ครึ่งชั่วโมง”
ตี้อู๋เปียนได้ฟังก็มองหน้ามู่เถาเยาแล้วสวมเสื้อกันหนาวออกไปด้วยกัน
“พวกเธอจะทำอะไร ออกไปตอนนี้อันตรายมากนะ”
มู่เถาเยาหิ้วกล่องยาใบน้อย ตี้อู๋เปียนหากล้องส่องทางไกล
“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณป้า พวกเราจะตามพี่สะใภ้ออกไป วางใจได้ค่ะ พวกเราเดินเร็ว”
“ไอหยา พวกเธอห้ามออกไปนะ เดี๋ยวแข็งตาย” แม่สามีเฮ่อสี่บังประตูไว้ ไม่ให้พวกเขาออกไป
มู่เถาเยาพูดด้วยความจนปัญญา “งั้นพวกเราไปด้วยกันค่ะ”
แม่สามีเฮ่อสี่ถึงยอมหลีก หันไปบอกหลานชายที่ทำการบ้านอยู่ “ฮาเซิน อยู่ในบ้านไปนะ ห้ามออกไป”
“ฮะย่า”
“ดีมาก เดี๋ยวพวกเราออกไปตามปู่ พ่อกับแม่เราให้”
เด็กน้อยพยักหน้า
แม่สามีเฮ่อสี่พาพวกเขาเดินอ้อมบ้าน ชี้ทิศทาง ตี้อู๋เปียนมองด้วยกล้องส่องทางไกล เห็นเฮ่อสี่ที่อยู่ไม่ไกลกำลังลุยหิมะที่หนาทึบเดินไปด้วยความยากลำบาก
ตี้อู๋เปียนยื่นกล้องส่องทางไกลให้มู่เถาเยา “ซาลาเปาน้อย ถือกล้องส่องทางไกลไว้นะ ฉันจะพาคุณป้าไป”
“คุณป้าแต่งตัวหนามาก พวกเราคล้องแขนคนละฝั่งนะครับ”
“จ้ะ”
มู่เถาเยาเดินอ้อมไปอีกฝั่งของหญิงสูงวัย “พวกเราจะใช้กำลังภายในพาคุณป้าไป ประหยัดเวลาได้หน่อยค่ะ”
“กำลังภายในอะไรเหรอ”
“…กำลังภายในที่เหาะไปบนหลังคาเดินบนกำแพงได้แบบในละครน่ะค่ะ”
ทั้งสองคนไม่รอให้แม่สามีเฮ่อสี่เข้าใจ คล้องแขนเธอคนละฝั่งแล้วเหาะไปข้างหน้า
เฮ่อสี่ช็อกมากที่เห็นทั้งสามคนมาโผล่ข้างตัว
“คุณแม่ เสี่ยวมู่ เสี่ยวลู่ ออกมาได้ยังไงกันคะ”
แม่สามีเฮ่อสี่ยังอึ้งอยู่ ไม่ตอบสนอง
มู่เถาเยาตอบ “พวกเราออกมาช่วยพี่ตามหาคุณลุงกับพี่น่าค่ะ คนเยอะจะได้เจอเร็ว”
“แต่พวกเธอใส่เสื้อผ้าน้อยขนาดนี้…”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเรามีกำลังภายในคุ้มกันร่างกาย ไม่แข็งตายค่ะ พี่สะใภ้คะ พวกเราจะใช้กำลังภายในพาพี่สะใภ้กับคุณป้าไป กอดเอวฉันไว้นะคะ”
“ว่าไงนะ”
มู่เถาเยาจับมือเฮ่อสี่มาไว้ที่เอวตัวเอง “กอดเอวฉันไว้ค่ะ”
เฮ่อสี่กอดเอวคอดของมู่เถาเยาไว้ด้วยความงุนงง
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนแบ่งพาไปฝั่งละคน จนกระทั่งเห็นคนข้างหน้าถึงหยุด
แม่สามีกับลูกสะใภ้คู่นี้พอเห็นสามีตัวเองก็ได้สติกลับมา ไม่สนแล้วว่าทำไมตัวเองถึงอยู่ ๆ มาโผล่ที่นี่ รีบเข้าไปหาสองพ่อลูกที่เหมือนตุ๊กตาหิมะเข้าทุกที “เกิดอะไรขึ้น”
คนที่อยู่บนหลังน่าซือถูพูด “อาจู ใจเย็นๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ล้มเท้าแพลงนิดหน่อย”
มู่เถาเยาขัดจังหวะพวกเขาก่อน “คุณลุงคุณป้าคะ หิมะตกหนักเรื่อย ๆ แล้ว พวกเรากลับบ้านก่อนค่อยว่ากันค่ะ”
น่าซือถูรีบพยักหน้า “ใช่ ๆ กลับก่อน แม่กับอาสี่เดินนำหน้าเลยครับ”
มู่เถาเยาสะพายกล่องยาใบน้อยบนบ่าแล้วหันไปพูดกับตี้อู๋เปียน “พี่สามพาผู้หญิงสองคนไป ฉันจะพาผู้ชายสองคนไป”
“ได้”
ตี้อู๋เปียนแขวนกล้องส่องทางไกลไว้ที่คอ จากนั้นก็ช่วยเอาพ่อลงจากหลังลูกชายแล้วคล้องแขนฝั่งละคน
เหาะตามมู่เถาเยากลับบ้าน
ตอนที่ 583 กระดูกหักเล็กน้อย
พอกลับถึงบ้าน สองคู่สามีภรรยาก็ยังไม่ได้สติกลับมา
เมื่อกี้พวกเขา…เหมือนจะเหาะกลับมาหรือเปล่า มันคือความฝันหรือเปล่า
มู่เถาเยาเปิดกล่องยาใบน้อย พูดกับ ‘ท่อนไม้ทั้งสี่’ ที่แน่นิ่งอยู่บนโซฟา “คุณลุงคะ หนูเป็นหมอ ล้มตรงไหนคะ ขอหนูดูหน่อยค่ะ”
น่าฮาเซินได้ยินก็จับมือปู่แล้วถามด้วยความร้อนใจ “ปู่ล้มมาเหรอฮะ ล้มตรงไหน เจ็บหรือเปล่า”
“เอ่อ…ฮาเซิน”
“ปู่เจ็บตรงไหนฮะ พี่สาวบอกว่าเป็นหมอ รีบให้พี่เขาดูสิฮะ”
“ล้ม…อ้อใช่ ปู่ล้มข้อเท้าแพลง”
คนอื่นๆ ก็เริ่มได้สติกลับมา
ลาจูแม่สามีเฮ่อสี่ย่อตัวนั่งลงช่วยถอดรองเท้าถุงเท้าให้สามี
ข้อเท้าบวมมาก น่าจะเจ็บพอสมควร
น่าฮาเซินเห็นแล้วก็พูดน้ำตาคลอ “ปู่เจ็บหรือเปล่าฮะ”
“ไม่มี สวมเสื้อผ้าไว้หลายชั้น เท้าแพลงอย่างเดียว ตรงอื่นไม่เป็นไร”
พายุหิมะครั้งนี้มาเร็วกว่าที่พยากรณ์อากาศบอกไว้ เขาถึงได้รีบต้อนกวางเทากลับเข้าคอก ไม่ทันระวังจนสะดุดล้ม
ตอนลูกชายมาหา เขากำลังใช้ไม้เท้าพยุงกลับบ้าน
มู่เถาเยาจับชีพจรให้น่าเค่อเลี่ยก่อน จากนั้นก็นั่งยองตรวจดูกระดูกข้อเท้าของเขา บีบๆ จับๆ บริเวณรอบๆ ข้อเท้าด้วย
น่าเค่อเลี่ยเจ็บจนร้องซี้ด หดเท้ากลับโดยอัตโนมัติ
“กระดูกหักเล็กน้อยนะคะ ตอนนี้ไปเข้าเฝือกที่โรงพยาบาลไม่ได้ด้วย คงต้องดามข้างนอกไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นกระดูกจะเคลื่อนหนักเข้าไปอีก หนักเข้าอาจส่งผลให้กระดูกข้อต่อมีโรคแทรกซ้อน…” บลาๆๆ
“งั้นจะทำยังไงดี” ลาจูร้อนใจจนจะร้องไห้
“คุณป้าใจเย็นๆ นะคะ ลองไปหาดูว่าในบ้านมีพวกแผ่นไม้ที่เอามาด้ามข้อเท้าได้ไหม…” มู่เถาเยาบอกให้ครอบครัวน่าไปหาอุปกรณ์แบบง่ายๆ ที่ใช้ได้มา
ครอบครัวน่าก็รีบไปหา
มู่เถาเยามองน่าเค่อเลี่ย “คุณลุงคะ หนูจะดันกระดูกกลับเข้าที่ให้ มันจะเจ็บมาก ทนหน่อยนะคะ”
“ได้ ขอบใจนะแม่หนู”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
มือข้างหนึ่งของมู่เถาเยาจับข้อเท้าของเขา มืออีกข้างจับเหนือข้อเท้า บิดหนึ่งทีกระดูกก็กลับเข้าที่
น่าเค่อเลี่ยยังไม่ทันตั้งตัวความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็แผ่จากข้อเท้าไปทั่วทั้งร่างกาย เหงื่อออกตามมา
น่าฮาเซินน้ำตาคลอดึงกระดาษทิชชูมาซับเหงื่อให้ปู่
มู่เถาเยาหยิบยาพ่นจากกล่องยามาพ่นใส่ข้อเท้าที่บวมหนักของน่าเค่อเลี่ย
เมื่อครอบครัวน่าหาอุปกรณ์มาได้แล้ว มู่เถาเยาก็จัดการดามข้อเท้า เสร็จแล้วไปล้างมือให้สะอาดก่อนถึงมาหยิบขวดยาจากในกล่องยา เทออกมาเจ็ดเม็ดยื่นให้ลาจู
“คำโบราณว่าไว้ เอ็นบาดเจ็บกระดูกหักใช้เวลาร้อยวัน แต่ยาของหนูเห็นผลไว กินสองวันเม็ด ยาพ่นก็พ่นวันละสองครั้ง ครึ่งเดือนก็น่าจะหายค่ะ แต่ยังต้องรักษาตัวต่อ อีกหนึ่งเดือนค่อยเดินตามปกตินะคะ…”
หมอกำชับยาวมาก ครอบครัวน่ากลัวจำไม่หมดจึงให้น่าฮาเซินเอากระดาษกับปากกามาจดเรื่องที่ต้องระวังไว้
พอเสร็จสรรพทุกอย่างแล้วครอบครัวน่าถึงเพิ่งเอะใจ จากนั้นก็มองหน้ากัน
เมื่อกี้ทำไมพวกเขาถึงไม่สงสัยเลยว่าสาวน้อยคนนี้เป็นหมอจริงหรือเปล่า
เด็กสาวอายุยังน้อยขนาดนี้จะเป็นหมอได้ยังไง ยาที่ให้ก็เป็นยาลูกกลอน แถมยังใส่ขวดเซรามิก ไม่ใช่อยู่ในแพ็คเกจยาแบบที่ขายในตลาด…
เฮ่อสี่ถามด้วยความเกรงใจ “เสี่ยวมู่ ยานี้มันดูแตกต่างไปหน่อยไหม”
“ใช่ค่ะ นี่เป็นยาทำมือ ฉันทำเอง ได้ผลดีกว่ายาที่ขายในท้องตลาด ฉันเป็นหมอของสำนักแพทย์โบราณค่ะ มีใบประกอบโรคศิลปะ ใบอนุญาตเภสัชกร ยาที่ให้กินแล้วไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ วางใจได้ค่ะ”
พอมู่เถาเยาพูดจบโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เวลานี้ควรเป็นเวลาที่เธอโทรกลับบ้าน แต่เนื่องจากมีเรื่องติดพัน คนในครอบครัวจึงโทรมา
พอเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ มู่เถาเยาก็ยิ้มตาโค้งกดรับวิดีโอคอล
“อาจารย์ใหญ่”
“เสี่ยวเยาเยา ตอนนี้อยู่เหลิ่งจี๋กันเหรอ พวกเราเห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าที่นู่นหิมะตกหนัก เธอกับอู๋เปียนเจอหรือเปล่า”
“พวกเราอยู่เหลิ่งจี๋ค่ะอาจารย์ใหญ่ หาที่พักได้ก่อนหิมะตกหนักค่ะ”
“งั้นก็ดี พวกเราสบายใจแล้ว”
“พวกอาจารย์ไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราอยู่ข้างนอกระวังเรื่องความปลอดภัยแน่นอนค่ะ”
“ดี แล้วกินข้าวเย็นกันหรือยัง”
“เอ่อ เตรียมแล้วค่ะ เมื่อครู่ช่วยรักษาอาการข้อเท้าแพลงให้เจ้าของบ้าน ก็เลยกินช้าหน่อยค่ะ”
หยวนเหยี่ยที่อยู่ในจอยิ้ม “เสี่ยวเยาเยาหน้าเด็กเวลาไปรักษาคนข้างนอกจะเจอปัญหาเยอะแน่ๆ”
“นั่นสิคะ หนูต้องบอกชื่ออาจารย์ใหญ่อีกฝ่ายถึงจะเชื่อว่าหนูเป็นหมอ” มู่เถาเยาบ่นเหมือนออดอ้อน แต่ดวงตากลับโค้งมน
“รอพวกเธอเที่ยวกันเสร็จกลับไปใช้หน้าเดิมทำอะไรก็สะดวกกว่าเยอะเลย”
“ใช่ค่ะ”
คุยกับคนหมู่บ้านเถาหยวนสักพักมู่เถาเยาก็วางสาย
น่าเค่อเลี่ยยิ้มพูดกับภรรยา “อาจู พวกเรากินข้าวก่อนเถอะ เสี่ยวมู่ เสี่ยวลู่ ฮาเซินคงหิวแย่แล้ว”
“อ้อ คุณเดินไม่สะดวก ฉันกับอาสี่จะไปอุ่นข้าวแล้วยกมาให้กินตรงนี้”
“อึม”