ตอนที่ 1521 ทางรอด
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินจึงรีบกล่าวขึ้น “จักรพรรดิเว่ยจะลดตัวมาเป็นขุนนางของต้าโจวได้อย่างไรกัน ไม่ได้ๆ…”
“แคว้นเว่ยดับสูญแล้ว ไม่มีจักรพรรดิเว่ยแล้ว…” ซีไหวอ๋องยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าแค่อยากให้เขายอมเป็นชาวบ้านธรรมดาของต้าโจว ทางที่ดีให้เขาได้เป็นขุนนางของต้าโจว หากไม่ได้ก็มิเป็นอันใด ฐานะของเขาไม่เหมือนคนปกติ น้องสะใภ้ย่อมหวาดระแวงเป็นธรรมดา ให้เขาเป็นพ่อค้ามั่งคั่งแทนก็แล้วกัน”
“หากต้องการสอบขุนนาง จักรพรรดิเว่ยมีทะเบียนราษฎร์ของต้าโจวแล้วหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าเป่าไอร้อนในถ้วยชา “หากไม่มีข้าจะให้เว่ยจงจัดการให้ ถึงเวลานั้นต่อให้จักรพรรดิเว่ยไม่อยากสอบรับราชการ การมีทะเบียนราษฎร์ของต้าโจวก็มีประโยชน์หากเขาทำการค้าอยู่ดี”
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนน้องสะใภ้หรอก ข้าเตรียมเรื่องพวกนี้ไว้หมดแล้ว!” ซีไหวอ๋องไม่ใช่คนเจ้าแผนการ เขาถูกไป๋ชิงเหยียนหลอกถามจนหมดสิ้น
“ซีไหวอ๋องได้ทะเบียนราษฎร์มาจากที่ใดกัน ข้าจะได้ช่วยดูแลถูก” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามต่อยิ้มๆ
“เดิมทีพวกข้ามีทะเบียนราษฎร์ของเมืองเยกวนของซีเหลียง ต่อมาเมืองเยกวนตกเป็นของต้าโจว ข้ายัดเงินให้ทางการจึงได้ทะเบียนราษฎร์ของต้าโจวมา” ซีไหวอ๋องรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่เลวจึงอยากอวดให้ไป๋ชิงเหยียนได้รับรู้
เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นบ่อยในแคว้นเว่ยจนแทบเป็นเรื่องปกติดังนั้นในสายตาของซีไหวอ๋องจึงคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ไม่เลว ข้าจำเมืองได้แล้ว หากจักรพรรดิเว่ยกลับไปข้าจะกำชับให้เจ้าเมืองดูแลเขาให้ดี ทว่า เมืองของซีเหลียงค่อนข้างกันดาร ไม่สู้เมืองแถบชายทะเล ซีไหวอ๋องเคยเดินทางไปที่นั่นมาแล้วน่าจะรู้ว่าที่นั่นเหมาะแก่การอยู่อาศัยระยะยาว ข้าให้เว่ยจงย้ายทะเบียนของท่านไปที่นั่นดีหรือไม่”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณน้องสะใภ้มาก! เจ้าคือภรรยาของหรงเหยี่ยนข้าจึงไม่คิดปิดบังเจ้า ทว่า อย่าให้ต้าเยี่ยนรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ข้ากลัวว่าพวกเขาจะต้องการถอนรากถอนโคนพวกเรา น้องสะใภ้ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย”
“ข้าเข้าใจ ซีไหวอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ซีไหวอ๋องทานอาหารก่อนเถิด”
ซีไหวอ๋องส่ายหน้า “ข้ายังหาตัวหลานชายไม่พบ ไม่รู้ว่าเด็กตัวเล็กแค่นั้นจะใช้ชีวิตเช่นไร มีอาหารกิน มีที่อยู่อาศัยหรือไม่ อาอย่างข้าทานอันใดไม่ลงจริงๆ”
ซีไหวอ๋องกล่าวพลางลุกขึ้นยืน เขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “รบกวนน้องสะใภ้นานแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ซีไหวอ๋อง ตอนนี้ต้าเยี่ยนกำลังเกิดโรคระบาดรุนแรง ท่านอย่าเสี่ยงเดินทางไปที่นั่นดีกว่า ข้าคิดว่าจักรพรรดิเว่ยคงไม่เดินทางไปที่นั่นเพราะตอนนี้เกิดโรคระบาดอยู่ ต่อให้เขาเข้าไปในต้าเยี่ยนได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าถึงตัวผู้สำเร็จราชการต้าเยี่ยนได้! ไม่สู้แฝงตัวอยู่ในจวนไป๋ไปก่อน อีกสามปีไม่ว่าแคว้นใดจะเป็นฝ่ายชนะเดิมพันเขาล้วนสามารถลอบสังหารผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนในฐานะองครักษ์ไป๋ได้ ดังนั้นซีไหวอ๋องกลับไปรอฟังข่าวที่เมืองหลวงดีหรือไม่ ข้าจะช่วยท่านตามหาจักรพรรดิเว่ยในต้าเยี่ยนให้เอง”
“ขอบคุณน้องสะใภ้มาก” ซีไหวอ๋องกล่าวขอบคุณจากใจจริง จากนั้นถอนหายใจออกมา “หวังว่าน้องสะใภ้จะเป็นฝ่ายชนะการเดิมพันครั้งนี้…”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เมื่อทำความเคารพเสร็จซีไหวอ๋องจึงไปจากค่ายทหารของต้าโจว เขาตัดสินใจพาคนไปดักอยู่ที่ชายแดนระหว่างต้าโจวและต้าเยี่ยน ขอเพียงท่าป๋าเย่าคิดเดินทางเข้าไปลอบสังหารผู้สำเร็จราชการในต้าเยี่ยนเขาจะจับตัวเจ้าเด็กนั่นไว้ก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสเข้าไป
“ฝ่าบาท…ซีไหวอ๋องจากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงออกไปส่งซีไหวอ๋องเสร็จจึงกลับมารายงานไป๋ชิงเหยียน
“หากข้าจำไม่ผิดเราใช้คนของทางการของซีเหลียงดูแลเมืองเยกวนต่อใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามเสียงเบา
“พ่ะย่ะค่ะ ตอนนั้นฝ่าบาทกลัวว่าหากเปลี่ยนคนของทางการเป็นคนต้าโจวหมดจะทำให้ชาวบ้านหวาดหวั่นจึงยังไม่ได้สั่งเปลี่ยนคนของทางการของเมืองเยกวนพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงตอบ
“ลอบส่งจดหมายกลับไปให้หลู่ไท่เว่ยตรวจสอบประวัติของคนของทางการของซีเหลียงเหล่านั้น ผู้ใดมีปัญหาจงเปลี่ยนคนทันที…”
ขุนนางที่กล้ารับเงินเพื่อปลอมแปลงทะเบียนราษฎร์ให้คนแคว้นเว่ยย่อมกล้ารับเงินทำเรื่องอื่นเช่นเดียวกัน นางควรกำจัดเสียตั้งแต่เนิ่นๆ วันหน้าพวกเขาจะได้ไม่สร้างปัญหาให้จนชาวบ้านพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรับคำ
วันที่ห้า เดือนสิบสอง รัชศกหยวนเหอปีที่สองจักรพรรดินีต้าโจวพากองทัพผิงอันและทหารนำยาและสมุนไพรเดินทางไปถึงเมืองของต้าเยี่ยนซึ่งอยู่ในการปกครองของต้าโจวก่อนเจิ้นกั๋วอ๋อง
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดมาก่อนว่าตอนที่นางเดินทางไปถึงสายลับของไทเฮาต้าเยี่ยนและเสนาบดีเมิ่งที่แฝงตัวอยู่ในเมืองจะก่อปัญหาขึ้นพอดี
ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันเดินทางเข้าไปในเมืองก็ได้ยินชาวบ้านในเมืองตะโกนสั่งให้กองทัพต้าโจวปล่อยพวกเขาออกไปจากเมือง
“พวกเราคือคนของต้าเยี่ยนไม่ใช่คนของต้าโจว! พวกเราต้องการออกไปจากเมือง ไม่อยากเป็นชาวบ้านของต้าโจวอีกแล้ว เหตุใดจึงทำไม่ได้กัน!”
“ใช่แล้ว พวกเราคือชาวบ้านของต้าเยี่ยน ต้าโจวมีสิทธิ์อันใดห้ามไม่ให้พวกเราออกจากเมืองกัน!”
“ต้าโจวกำลังแข่งขันระบอบการปกครองกับต้าเยี่ยนอยู่ ตอนต้าเยี่ยนมอบเมืองนี้ให้ต้าโจวเสิ่นซือคงของพวกเจ้าบอกว่าหากพวกเราคิดว่าระบอบการปกครองของต้าโจวไม่ดีสามารถจากไปได้ทุกเมื่อ! ตอนนี้พวกเราคิดว่าระบอบการปกครองของต้าโจวไม่ดี ต้าโจวต้องการสังหารพวกเราให้สิ้น!”
“ใช่ ต้าโจวต้องการให้พวกเราตายอยู่ที่นี่! พวกเราจะไม่ยอมตายอยู่ในนี้แน่นอน ปล่อยพวกเราออกไปเดี๋ยวนี้!”
มารดาร่างอ่อนแอคนหนึ่งคุกเข่าร้องไห้อ้อนวอน “ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ พวกเราไม่อยากตายอยู่ที่นี่ ลูกของข้ายังเล็กนัก ในเมืองไม่มียา ข้าตายไปมิเป็นอันใด ทว่า ลูกของข้าเพิ่งสองขวบเท่านั้น! พวกท่านเหลือทางรอดให้พวกเราบ้างเถิดเจ้าค่ะ”
“ใต้เท้า ได้โปรดปล่อยข้าและครอบครัวไปเถิด หากในเมืองมียารักษาพวกเราก็คงไม่ต้องทำถึงเพียงนี้ ทว่า ตอนนี้ในเมืองไม่มียาแม้แต่น้อย พวกเราอยู่ในเมืองต่อก็มีแต่ตายสถานเดียว!”
“ใต้เท้าปล่อยพวกเราไปเถิด ได้โปรดเหลือทางรอดให้พวกเราบ้างเถิด!”
“เหตุใดต้องขอร้องต้าโจวด้วย เสิ่นซือคงของต้าโจวยังหนีไปแล้วเลย พวกมันต้องการขังพวกเราไว้ในเมือง พวกมันต้องการให้พวกเราตายอยู่ในนี้!”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองซึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากอยู่ได้ยินจึงตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “พวกเจ้าอย่ากล่าววาจายั่วยุชาวบ้านคนอื่นเช่นนี้ เสิ่นซือคงของพวกเราไปเยี่ยมชาวบ้านในเมืองที่มีโรคระบาดรุนแรงที่สุด ไม่ได้หนีไปอย่างที่เจ้ากล่าวหา…”
“ถุย! แต่ไรมาเมื่อเกิดเรื่องขึ้นคนของทางการอย่างพวกเจ้าหนีเอาตัวรอดเป็นพวกแรกเสมอ พวกเจ้าไม่เคยสนใจชีวิตของชาวบ้านอย่างพวกเรา เมืองหลิวเซียงเกิดโรคระบาดรุนแรงถึงเพียงนั้น เสิ่นซือคงของพวกเจ้าไม่มีทางไปที่นั่นแน่นอน เขาคงหนีเอาตัวรอดไปนานแล้ว!”
“นายท่าน เสิ่นซือคงอาจต้องการให้พวกท่านตายอยู่กับพวกเราที่นี่โดยไม่สนใจพวกท่านแม้แต่น้อยก็ได้ ตอนนี้ในเมืองไม่มียาเหลือแล้ว ท่านได้โปรดเมตตาปล่อยพวกเราจากไปเถิด หากพวกเราไปแล้วพวกท่านจะมีโอกาสติดโรคระบาดน้อยลงนะ”