ตอนที่ 1522 รับเสด็จฝ่าบาท
“ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถิดขอรับ ได้โปรดเถิดขอรับนายท่าน คนแก่อย่างข้าก้มกราบขอร้องท่านแล้วขอรับ!”
“ลุกขึ้นมาให้หมด คนต้าเยี่ยนห้ามขอร้องสุนัขรับใช้ของต้าโจวเด็ดขาด!”
ชายฉกรรจ์ต้าเยี่ยนคนหนึ่งฉุดร่างของผู้เฒ่าขึ้นจากพื้น จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น
“พวกมันไม่สนใจชีวิตของชาวบ้านอย่างพวกเราหรอก! แทนที่จะรอความตายอยู่ที่นี่ไม่สู้สู้จนสุดชีวิตเพื่อทางรอดของพวกเราดีกว่า!”
“ใช่แล้ว บุกออกไป! เมื่อหนีไปถึงเมืองของต้าเยี่ยนพวกเราก็จะมียารักษาตัวแล้ว!”
ชาวบ้านพากันตะโกนขึ้นเสียงดังกระหึ่ม ชาวบ้านที่มีกำลังคนมากกว่าเดินจับมือกันบุกไปยังประตูเมือง
ทหารคุ้มกันเมืองไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ที่ชาวบ้านไม่รักตัวกลัวตายเช่นนี้มาก่อนจึงพากันชักดาบออกจากเอว ทว่า พวกเขาคือทหารของต้าโจว ดาบของทหารต้าโจวจะหันไปทางศัตรูเท่านั้น พวกเขาไม่เคยหันมันไปทางชาวบ้านมาก่อน ต่อให้เคยชักดาบออกมาพวกเขาก็ทำไปเพื่อข่มขู่เท่านั้น พวกเขาไม่กล้าตวัดดาบใส่ชาวบ้านจริงๆ
นอกเมือง
เซียวรั่วเจียงขี่ม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มชูป้ายคำสั่งในมือขึ้นสูงพลางตะโกนสั่งแม่ทัพคุ้มกันเมือง
“จักรพรรดินีต้าโจวทรงนำยาเสด็จมาที่นี่ด้วยองค์เอง จงเปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้!”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองได้ยินเซียวรั่วเจียงกล่าวว่า
“จักรพรรดินีต้าโจวทรงนำยาเสด็จมาที่นี่ด้วยองค์เอง”
จึงเบิกตาโพลง เขารีบมองไปยังเบื้องหน้าซึ่งห่างออกไปทันที…
แสงอรุณกำลังค่อยๆ โผล่ขึ้นบนท้องนภาที่กว้างใหญ่ ท้องฟ้ากำลังสว่างขึ้นเรื่อยๆ
แสงแห่งรุ่งอรุณกระทบลงบนธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋จนธงส่องสว่างเป็นสีทองเรืองรอง
ม้าศึกของเซียวรั่วเจียงย่ำเท้าไปมาอยู่บริเวณนั้น เมื่อไม่เห็นแม่ทัพคุ้มกันเมืองเปิดประตูเซียวรั่วเจียงจึงตวาดขึ้นด้วยความโมโห
“ฝ่าบาทเสด็จมาถึงแล้ว รีบเปิดประตูเมืองเพื่อรับเสด็จเดี๋ยวนี้!”
“ท่านแม่ทัพโปรดระงับโทสะก่อนขอรับ”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองซึ่งยืนอยู่บนกำแพงสูงยกหมัดคารวะเซียวรั่วเจียง
“ท่านได้ยินหรือไม่ขอรับ ชาวบ้านกำลังอาละวาดอยากออกไปจากเมือง หากข้าเปิดประตูเมืองตอนนี้คงห้ามพวกเขาไว้ไม่ได้ขอรับ”
เซียวรั่วเจียงมองไปทางประตูเมืองเก่า เขาได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากด้านในจริงๆ
“บอกชาวบ้านที่อยู่ในเมืองว่าฝ่าบาททรงเสด็จมาที่นี่ด้วยองค์เองพร้อมกับยาและหมออีกมากมาย พวกเจ้าจะเปิดประตูรับเสด็จฝ่าบาท กองทัพอันผิงคุ้มกันฝ่าบาทมาที่นี่ หากผู้ใดกล้าบุกออกมา…จะถูกสังหารทิ้งทันที!”
“ขอรับ!”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองรับคำแล้ววิ่งไปยังอีกฝั่งของกำแพงเมืองด้วยความรวดเร็ว เขาเห็นชาวบ้านบุกใกล้ประตูเมืองเข้ามาเรื่อยๆ ทหารถูกต้อนให้ถอยหลังมาเรื่อยๆ เมื่อชาวบ้านเห็นว่าทหารต้าโจวแค่ถือดาบขู่พวกเขาเท่านั้น ไม่กล้าลงมือทำร้ายพวกเขาจริงๆ จึงยิ่งได้ใจ ต่างพากันบุกเข้าใกล้ประตูเมืองอย่างไม่เกรงกลัวยิ่งกว่าเดิม
แม่ทัพคุ้มกันเมืองตะโกนลั่น
“หยุดอาละวาดได้แล้ว! ฝ่าบาททรงนำยารักษาโรคและหมอมาที่นี่ด้วยพระองค์เองแล้ว”
ทว่า ชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างกำแพงโวยวายจนไม่ได้ยินสิ่งใดแล้ว แม่ทัพคุ้มกันเมืองตะโกนให้พวกเขาถอยห่างจากประตู ทว่า ชาวบ้านกลับตะโกนให้ทหารต้าโจวถอยออกไป สถานการณ์ชุลมุนยิ่งนัก
แม่ทัพคุ้มกันเมืองร้อนใจมาก เขาหันไปมองทางทิศตะวันออก เมื่อเห็นกองทัพกำลังเคลื่อนขบวนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทว่า ในเมืองยังคงวุ่นวายไม่สิ้นสุดเขาจึงขบกรามแน่น
“แม่งเอ้ย รีบไปยกถังน้ำเย็นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ด่วนเลย!”
“ขอรับ”
สิ้นเสียงคำสั่งของแม่ทัพคุ้มกันเมือง ทหารสิบกว่านายรีบวิ่งไปยกถังน้ำเย็นมาทันที
เมื่อชาวบ้านบุกเข้าใกล้ทหารต้าโจวขึ้นเรื่อยๆ จนดาบของทหารต้าโจวแทบโดนร่างของชาวบ้านเหล่านั้น ทหารสิบนายที่ไปยกถึงน้ำเย็นก็วิ่งหอบเข้ามาพอดี พวกเขากำหมัดรายงาน
“ท่านแม่ทัพ ได้น้ำมาแล้วขอรับ”
ทหารเหล่านั้นไม่รู้ว่าเหตุใดแม่ทัพของพวกเขาจึงต้องการน้ำเหล่านี้
“พวกเจ้าขึ้นไปยืนบนกำแพง จากนั้นสาดน้ำลงไปยังกลุ่มชาวบ้านเหล่านั้น!”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองตะโกนสุดเสียงจนคอแทบพัง
ทหารเหล่านั้นรีบยกถังนำเย็นขึ้นไปยืนบนขอบกำแพงอย่างรวดเร็ว จากนั้นสาดน้ำเย็นลงไปยังกลุ่มชาวบ้านเหล่านั้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ทหารนายหนึ่งเกือบพลัดตกจากกำแพงเพราะออกแรงมากเกินไป…โชคดีที่สหายของเขากระชากร่างของเขากลับเข้าไปด้านในได้ทัน
น้ำเย็นถูกสาดลงมาจากบนกำแพง ในที่สุดก็ระงับความร้อนรุ่มของชาวบ้านที่กำลังเดือดดาลด้านล่างกำแพงลงได้ พวกเขาต่างเงยหน้ามองขึ้นไปบนกำแพง
แม่ทัพคุ้มกันเมืองตะโกนเสียงดังลั่น
“ฝ่าบาทของพวกเราทรงนำทัพทหาร หมอและยารักษาโรคเสด็จมาที่นี่ด้วยพระองค์เอง พวกเราต้องเปิดประตูเมืองรับเสด็จฝ่าบาท หากผู้ใดกล้าบุกออกไปขวางขบวนเสด็จของฝ่าบาทจะถูกสังหารทันที! กองทัพอันผิงเป็นคนตามเสด็จมาคุ้มกันฝ่าบาท หากผู้ใดไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วก็ลองดูได้!”
แม่ทัพคุ้มกันเมืองกล่าวจบจึงตะโกนสั่งทันทีโดยไม่สนใจชาวบ้านที่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“เปิดประตูเมือง! รับเสด็จฝ่าบาท!”
“เปิดประตูเมือง! รับเสด็จฝ่าบาท!”
ทหารต้าโจวต่างพากันตะโกนลั่นด้วยความตื่นเต้น
พวกเขาเห็นชาวบ้านที่เมื่อครู่เดือดลาดถึงขีดสุดกำลังก้มหน้าถกเถียงกันเอง
“จะเป็นไปได้อย่างใดกัน จักรพรรดินีต้าโจวอยู่ไกลถึงเมืองหลวงของต้าโจว ที่นี่กำลังเกิดโรคระบาดขึ้น นางจะมาที่นี่ได้อย่างใดกัน”
“นั่นน่ะสิ ต่อให้ชาวบ้านของต้าโจวติดโรคระบาดจักรพรรดินีต้าโจวก็ไม่มีทางเสี่ยงอันตรายมาที่นี่ด้วยองค์เองแน่นอน”
“พวกเขาคงไม่ได้กำลังหลอกพวกเราอยู่ใช่หรือไม่”
“จากที่แล้วมา แค่ราชสำนักส่งยามาให้พวกเราก็ถือเป็นความเมตตาเหลือล้นแล้ว จักรพรรดิจะเสด็จมาที่นี่ด้วยตัวเองได้อย่างใดกัน พวกเรา…ไม่ใช่ชาวบ้านต้าโจวเสียหน่อย จักรพรรดินีจะมาที่นี่เพื่อพวกเราได้อย่างใดกัน…”
ต่อให้ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองจะไม่เชื่อถ้อยคำของแม่ทัพคุ้มกันเมือง ทว่า เมื่อประตูเมืองเก่าถูกเปิดออก พวกเขามองเห็นธงเฮยฟานไป๋หมั่งเด่นสง่าท่ามกลางแสงอรุณ พวกเขาเห็นร่างของคนๆ หนึ่งซึ่งขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน
กองทัพต้าโจวเคลื่อนขบวนมาด้านหน้าอย่างพร้อมเพรียงจนชาวบ้านที่ยืนอยู่รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบนพื้นดิน
ธงเฮยฟานไป๋หมั่งโบกสะบัดตามแรงลมไปจนถึงท้ายขบวนที่มองไม่เห็นว่าสุดอยู่ตรงที่ใด ชาวบ้านเลือดร้อนเมื่อครู่เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที เมื่อกองทัพเคลื่อนขบวนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขาจึงถอยหลังหนีอย่างไม่รู้ตัว
นั่นคือทหารกองทัพอันผิงที่เคยผ่านสมรภูมิรบจริงๆ มาก่อน พวกเขามีไอสังหารจากการสังหารคนนับร้อยที่ชาวบ้านเหล่านั้นต่างรู้สึกหวาดกลัว
“จักรพรรดินีต้าโจวจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
“จักรพรรดินีต้าโจวจะ…เสด็จมาในเวลานี้จริงๆ อย่างนั้นหรือ”
ชาวบ้านไม่อยากเชื่อ
แม่ทัพคุ้มกันเมืองเดินลงมาจากกำแพงเรียบร้อยแล้ว เขาตะโกนสั่ง
“ให้ชาวบ้านแหวกทางให้ฝ่าบาทเสด็จเข้ามาในเมือง”
ทหารทุกคนรับคำสั่ง พวกเขาเก็บดาบในมือลง จากนั้นตะโกนสั่งให้ชาวบ้านแหวกทางให้ขบวนเสด็จของจักรพรรดินีต้าโจวเข้ามาในเมือง
กองทัพของต้าโจวยังมาไม่ถึงเมือง ทว่า ชาวบ้านบางคนกลับคุกเข่าลงบนพื้นเพราะทนไอสังหารที่แผ่ออกมาจากกองทัพไม่ไหวแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนเดินทางมาถึงหน้าประตูเมือง หญิงสาวส่งสัญญาณให้กองทัพหยุดเคลื่อนทัพ
กองทัพอันผิงหยุดเคลื่อนทัพอย่างพร้อมเพรียงทันทีที่ได้รับคำสั่ง ฝุ่นบริเวณปลายเท้าของพวกเขาฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ รอบกายเงียบสงัดลงทันที
“กระหม่อมเฉียนหย่งจงแม่ทัพคุ้มกันเมืองเส่อชวีคารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ขอให้ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้ากวาดสาบตามองชาวบ้านที่คุกเข่าอยู่สองข้างทางของถนน จากนั้นเอ่ยถามขึ้น
“ชาวบ้านในเมืองอยากไปจากเมืองอย่างนั้นหรือ”