ตอนที่ 727 ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ[1]
เพียงพบหน้าชิวจื่อปั๋ว ฉินหลิวซีก็ดูออกถึงปัญหาของดวงวันเกิดนั้น
ชิวจื่อปั๋วตัวจริงตายไปนานแล้ว ชิวจื่อปั๋วตรงหน้าเป็นเพียงตัวปลอมเท่านั้น ดังนั้นดวงวันเกิดจึงเป็นของคนตาย และคนยังมีชีวิต
ส่วนเหตุใดคนจึงยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนเพราะตัวปลอมนี้มีความคล้ายคลึงกับชิวจื่อปั๋วตัวจริงกว่าแปดส่วน ระดับนั้นจะว่าอย่างไรดีเล่า ก็คือแม้แต่ปานแดงเล็กๆ ใต้ติ่งหูซ้ายก็ยังเหมือนกันอย่างกับแกะ
เพียงแต่ ปานแดงนั้นของชิวจื่อปั๋วตรงหน้า คือตั้งใจใช้เข็มสักลงสีชาดแดงสักเอาไว้
ปลอมตัวมาด้วยความระมัดระวังมาก แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ ก็ไม่ปล่อยผ่าน เรียกได้ว่าใส่ใจแล้ว
ฉินหลิวซีชื่นชมความเป็นมืออาชีพของตัวปลอมนี้ ชิวจื่อปั๋วตัวจริงแทบอยากฆ่าตัวปลอมนี้ให้ตาย ทำอย่างไรได้พลังผีของตนเองมีไม่มากพอ ทำได้เพียงเป่าลมเท่านั้น
ราวกับสัมผัสได้ถึงสายตาแผดเผา ชิวจื่อปั๋วมองไป สบเข้ากับสายตาหยอกล้อของฉินหลิวซี
ดวงตาชิวจื่อปั๋วถลน รีบลอยมาทันใด เมื่อเขาอยู่ห่างสามฉื่อเขาก็ลอยออกไปไกลอีก ใบหน้าซีดขาวของผียิ่งซีดมากขึ้น ดวงวิญญาณที่กว่าจะควบแน่นขึ้นมาจางลงไปอีก
เขามองฉินหลิวซีอย่างหวาดกลัว อยากหนี ในตัวของนางมีพลังที่ทำให้ผีนับหมื่นหวาดกลัว
แต่ฉินหลิวซีมองเห็นเขาได้
เขาเป็นผีมาตั้งนาน มีความแค้นทว่าไม่อาจไปฟ้องผู้ใดได้ มีเพียงฉินหลิวซีที่มองเห็นเขา
ในตอนที่ชิวจื่อปั๋วกำลังคิดจะสู้สักตั้ง หลังจากฮูหยินอวี๋ได้ยินสิ่งที่ฉินหลิวซีเอ่ยก็ตกใจจนฉีกผ้าเช็ดหน้าในมือเป็นรอยขาด หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นมา
แม้แต่ฮูหยินเฉิงเองก็ตกตะลึง
“ตัวปลอม” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นขณะที่ตัวปลอมกำลังเดินเข้ามาใกล้
ฮูหยินเฉิงซวนเซ
“ท่านแม่ เป็นอะไรเจ้าคะ” เฉิงรั่วเหลียนเห็นมารดาหน้าซีดขาว สีหน้าพลันเปลี่ยน รีบประคองนาง
ฮูหยินเฉิงคว้าแขนของนาง มือข้างหนึ่งกุมศีรษะ เอ่ย “อาจเพราะเมื่อครู่แดดแรงเกินไป เวียนศีรษะเล็กน้อย ไปพักที่ลานเต๋าสักพักก็ดีขึ้น”
“ใช่ ข้าเองก็รู้สึกตาพร่า” ฮูหยินอวี๋เองก็เอ่ยรับคำหนึ่งประโยค เอ่ย “เมื่อครู่ยังสว่าง ตอนนี้เริ่มครึ้มแล้ว ท้องฟ้าเดือนหกก็เป็นเช่นนี้”
ตัวปลอมนั้นเดิมมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว ยกมือประสาน เอ่ย “ฮูหยิน ข้าขอคารวะ”
ฮูหยินเฉิงกระตุกมุมปาก พยักหน้าเบาๆ เอ่ย “ดูเหมือนฝนใกล้จะตกแล้ว คุณชายชิวรีบลงเขาไปก่อนเถิด จริงสิ ได้ยินว่าเจ้าลัทธิเต๋าศักดิศิทธิ์ ไปจุดธูปสักหน่อย จะได้อวยพรเจ้าในการลงสนามครั้งต่อไป”
ตัวปลอมของชิวจื่อปั๋วชะงักไปชั่วครู่ เผยรอยยิ้มออกมา “ขอรับ”
เฉิงรั่วเหลียนเองก็สัมผัสถึงความไม่ปกติ เพราะนางสัมผัสได้ถึงความห่างเหินในน้ำเสียงของมารดา หรือว่าเพราะดวงชะตาไม่สมพงษ์หรือ
แต่ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา
ฮูหยินเฉิงหันหลัง ก่อนจะพาบุตรสาวเดินไปทันที
ฉินหลิวซีกลับมองสังเกตคนที่ปลอมตัวเป็นชิวจื่อปั๋วเล็กน้อย
ชิวจื่อปั๋วตัวปลอมดวงตาหดเกร็ง ปลายนิ้วสั่น ก้มหน้าหลบสายตาฉินหลิวซี หัวใจสั่นไหวอย่างแปลกประหลาด
สายตาของคนผู้นี้แหลมคมเกินไป เพียงปราดเดียว ก็ราวกับปอกลอกผิวหนังของเขาออกจนหมด
ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใด หมุนตัว ทว่าชิวจื่อปั๋วผู้นั้นคิดหน้าพะวงหลัง ยังเดินตามมา ทิ้งห่างไม่กี่ก้าว เอ่ยถาม “ท่านมองเห็นข้าใช่หรือไม่ ท่านเป็นเทียนซือหรือไม่ ช่วยข้าร้องขอความเป็นธรรมได้หรือไม่ หลี่ขุยผู้นั้นสังหารคนซ่อนศพไม่พอ ยังใช้ตัวตนของข้า ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างของข้า ยามนี้ยังอาศัยชื่อของข้าไปดูตัวกับสตรีบ้านอื่น เขาสมควรตาย”
“สมควรตายแล้วไยเจ้าไม่ทำให้เขาตายเล่า เจ้าเป็นผีนะ ไม่มีพลังความแค้นในแบบของผีหรือ” ฉินหลิวซีเดินไปพูดไป
ชิวจื่อปั๋วเอ่ยด้วยความเศร้า “พลังผีข้าไม่ไหว ข้าจะแตะต้องเขาก็ยังทำไม่ได้ ทำได้เพียงเป่าลมใส่หลังคอเขาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น”
“หลอกให้กลัวก็ทำไม่ได้หรือ”
ชิวจื่อปั๋วไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด “ข้ายังปรากฏตัวไม่ได้ กระทั่งตอนนี้ ทำได้เพียงเป่าให้ไฟเขาดับ”
“ไร้ประโยชน์จริงๆ ในเมื่อเป็นผีถูกฆ่าตาย ควรมีพลังความแค้นมากมายถึงจะถูก มีความแค้นขึ้นมา สิ่งที่ทำได้ก็มีมากมาย”
ชิวจื่อปั๋ว “…”
เจ้าเป็นเทียนซือกำจัดสิ่งชั่วร้ายผีร้ายมิใช่หรือ ไยน้ำเสียงฟังดูแล้วจึงเหมือนยุข้าให้เป็นผีร้ายอย่างไรอย่างนั้น
ฉินหลิวซีหันมาเอ่ย “วางใจเถิด เขาจีบสตรีนางนั้นไม่ติดหรอก พวกฮูหยินเฉิงรู้แล้วว่านั่นเป็นวันเกิดของคนตาย”
ชิวจื่อปั๋วดวงตาทะมึน
ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “แต่หากจะแต่งงาน มีการแต่งงานนี้ ต่อให้เจ้าตาย แม่นางเฉิงก็เป็นภรรยาของเจ้า เจ้าไม่ดีใจหรือ”
“มีอะไรน่าดีใจกัน ข้าเป็นคนตายคนหนึ่ง จะทำร้ายผู้อื่นทำไม” ร่างวิญญาณของชิวจื่อปั๋วหยุด ไม่กล้าเข้าไปในอารามกับนาง อย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่แห่งธรรม เป็นภัยต่อเขา เขาก็เข้าไม่ได้
ฉินหลิวซีตวัดมือ ดึงเขาเข้ามา
ดวงตาคู่นั้นของชิวจื่อปั๋วเบิกโพลง เขาไม่เป็นอะไร
ในห้องพักชั่วคราวสำหรับผู้มาแสวงบุญ เหล่าฮูหยินเฉิงกำลังสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นฉินหลิวซีจึงรีบลุกขึ้นมา เอ่ยถามเสียงร้อนรน “ท่านเจ้าอาวาสน้อย สิ่งที่ท่านเอ่ยเมื่อครู่หมายความอย่างไรหรือ แจ้งเจ้าหน้าที่หมายความเช่นไร”
“ก็เป็นอย่างที่พวกท่านคิด ชิวจื่อปั๋วตัวจริงตายไปแล้ว คนผู้นั้นเป็นเพียงต้นหลี่ตายแทนต้นท้อเท่านั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยสบายๆ
ฮูหยินเฉิงทรุดตัวลงนั่ง เอ่ย “นี่ นี่เป็นไปไม่ได้ หากเขาตายไปแล้ว ไยคนตระกูลชิวจึงไม่รู้ แต่บ่าวรับใช้รอบกายเขาก็ไม่มีผู้ใดพบถึงความผิดปกติ แม้แต่สหายอาจารย์ในสำนักศึกษาเมืองก็ไม่พบความผิดปกติ”
“เพราะคนผู้นี้หน้าตาคล้ายชิวจื่อปั๋วมากไม่พอ ยังมีพรสวรรค์ในการเล่นละคร” ฉินหลิวซีเอ่ย
ชิวจื่อปั๋วเอ่ย “ไม่ใช่ อดีตบ่าวรับใช้ของข้าสมรู้ร่วมคิดกับเขาปิดบังทุกคน ต่อมาก็ถูกเขาวางแผนฆ่า บ่าวรับใช้ในตอนนี้คือคนที่เขาซื้อมาใหม่ ส่วนคนในบ้านข้า มีแม่เลี้ยงก็มีพ่อเลี้ยง จะมาสนใจข้าได้อย่างไร”
ฉินหลิวซีมองเขา เอ่ย “เช่นนั้นเจ้าก็น่าเวทนายิ่งนัก แม้แต่บ่าวรับใช้ยังหักหลังเจ้า”
“ก็ไม่ใช่เพราะตัวเขาติดพนันหรือ” ชิวจื่อปั๋วโกรธไม่เบา
ฮูหยินเฉิงและฮูหยินอวี๋เห็นฉินหลิวซีคุยกับอากาศ ตกใจจนหน้าซีด เอ่ยถามเสียงสั่น “ท่านเจ้า เจ้าอาวาสน้อย ท่านกำลังคุยกับผู้ใดหรือ”
กลางวันแสกๆ คงไม่รุนแรงขนาดนี้กระมัง
“คุยกับชิวจื่อปั๋วตัวจริง ในเมื่อคนที่พวกท่านมาดูทำความรู้จักคือเขา จะเจอตัวจริงสักหน่อยหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจ
อะไรนะ
สตรีทั้งหลายหน้าถอดสี ฝืนยิ้มพลางเอ่ย “ไม่ ไม่ต้องหรอก”
“ไม่เป็นไร เขาตายไม่น่าเกลียด อย่างไรก็มาถึงขั้นนี้แล้ว คนอื่นเอ่ยมากก็ไร้ความหมาย มิสู้ฟังเจ้าตัวจะว่าอย่างไร” ฉินหลิวซียิ้มเอ่ย “เช่นนี้ ก็ไม่เสียเปล่าที่มีวาสนามาดูตัวทำความรู้จักแล้ว”
นางเอ่ย จากนั้นก็เขียนยันต์เบิกเนตรพร้อมเผา ร่ายคาถาเบิกเนตร ดวงตาของทุกคนวูบวาบผ่านไป
ไม่ พวกเราปฏิเสธนะ
พวกนางไม่ทันได้เอ่ยปาก ดวงตาพลันเจ็บจี๊ดขึ้นมา เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตรงหน้าพลันมีใบหน้าผีหน้าขาว เหมือนกับชิวจื่อปั๋วที่เห็นเมื่อครู่ เพียงแต่คนหนึ่งเป็นคนมีชีวิต อีกคนดำขาวจางๆ
เฉิงรั่วเหลียนดวงตากลอกขึ้นเป็นลมล้มไป
ชิวจื่อปั๋ว “!”
อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร รู้สึกเพียงว่าเทียนซือผู้นี้ก่อกรรมยิ่งนัก
[1]ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ ยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อนประโยชน์ส่วนใหญ่