ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 274 แท้จริงแล้วมันผิดพลาดตรงไหนกัน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 274 แท้จริงแล้วมันผิดพลาดตรงไหนกัน

ปีศาจหมอกแดงพยายามรวมพลังปีศาจนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ถูกเสียงพิณทำลายจนหมดสิ้น

ระยะห่างระหว่างสองหญิงสาวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงเยว่ยิ่งอ่อนโยนและงดงามมากขึ้น ท่วงทำนองพิณดูอ่อนหวานไพเราะ แต่กลับแฝงไปด้วยเจตนาสังหาร

ห้าคนที่ยืนดูอยู่ค่อย ๆ ถอยหลังทีละก้าว จากนั้นก็วิ่งฉิวลงบันไดไป

เสียงโกลาหลจากชั้นบนสุดยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ การต่อสู้ระหว่างสองสตรีตรงกลางวิหารยิ่งทวีความเข้มข้นเช่นกัน ทั้งวิหารสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หินและไม้ร่วงหล่นลงมาไม่หยุด พลังปีศาจและพลังวิญญาณในอากาศกำลังคลุ้มคลั่ง…

หินก้อนหนึ่งที่ติดไฟตกลงมากลางกลุ่มที่กำลังหนีอยู่ เปลวเพลิงแผ่ออกไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว

หินที่ลุกไหม้ไล่ตามกลุ่มห้าคนที่กำลังหนีไป ทำเอาพวกเขาตกใจจนตัวสั่น ต่างคนต่างใช้ทุกวิธีที่มีหลบหลีกหินไฟอย่างรวดเร็ว

ติงหลิวหลิ่วผู้โชคร้ายวิ่งอยู่ด้านหลังสุดถูกหินไฟไล่ทัน!

“พี่สาม!”

“น้องสาม!”

ว่านอวี้เฟิง และอีกสี่คนลงมือพร้อมกัน พลังวิญญาณสี่สายเกือบจะสกัดกั้นการโจมตีของหินไฟได้ทัน ติงหลิวหลิ่วฉวยโอกาสหนีรอด ทะลุผ่านร่างของทั้งสี่คนแล้วหายลับไป

ทั้งสี่คน “…”

เพื่อนร่วมทีมของคนอื่นร่วมมือกันจัดการศัตรู แต่พวกเจ็ดคนนี้กลับกลัวว่าตัวเองจะหนีไม่ทันเสียอย่างนั้น

แท้จริงแล้วมันผิดพลาดตรงไหนกัน?

ขณะที่ว่านอวี้เฟิง ลู่เป่ยเหยียนและอวี้เจินกำลังรับมือกับหินไฟที่น่ารำคาญ สายตาของพวกเขาก็หันไปมองที่ผู่ตาน โดยไม่ได้ตั้งใจ

“มองข้าทำไม มองไฟสิ!”

เสียงของผู่ตานเพิ่งจะจบลง หินที่ลุกไหม้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนเป็นสีดำ ยังปรากฏเป็นรูปร่างคน ไม่มีใบหน้า แขนขายาว มีไฟปีศาจลุกโชนอยู่รอบกาย

“วิ่งเร็ว ๆ สิ ยืนงงอยู่ได้!” อีกาสุริยันที่กำลังต่อสู้กับร่างแยกของจอมปีศาจเปลี่ยนกลับเป็นร่างเดิม ขนบนตัวของนางหลุดร่วงไปบางส่วน บางส่วนก็ดำเป็นแผ่นใหญ่

ที่แท้แล้วหินไฟที่ลุกโชนนั้นคือ อีกาสุริยัน นางใช้พลังของตนเองกดข่มเพลิงปีศาจที่กำลังคุกคาม แต่น่าเสียดายที่นางยังไม่โต จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเพลิงปีศาจที่โตเต็มวัยเลยแม้แต่น้อย

อีกาสุริยันตัวน้อยกระพือปีกเนื้อแท้ที่ไร้ขนของตน ขณะหนีนางยังใจดีเตือนสี่คนที่ถูกเพลิงปีศาจรัดตัวไว้อีกด้วย

นี่ไม่ใช่ความผิดของนาง นางพยายามอย่างมากที่จะต่อสู้กับเพลิงปีศาจเพื่อแย่งชิงเวลาให้พวกเขาแล้ว แต่น่าเสียดายที่สี่สหายของหลิงเยว่วิ่งช้าเกินไปจริง ๆ!

เพลิงปีศาจที่แม้แต่ลูกอีกาสุริยันยังสู้ไม่ได้!

ทั้งสี่ตัดสินใจเลิกดิ้นรนและแยกย้ายหนีไป

ติงหลิวหลิ่ววิ่งไปได้ครึ่งทางเห็นว่าเพื่อนไม่ตามมาจึงเลี้ยวเท้ากลับไป และมาเจอกับลู่เป่ยเหยียนโดยบังเอิญ

“เจ้ากลับมาทำไมอีก!” ลู่เป่ยเหยียนลากตัวนางวิ่งออกไปทันที

ตอนนี้ด้านหลังของเขามีงูไฟสีดำไล่ตามมา แต่เดิมคิดว่าการแยกหนีจะมีโอกาสรอด แต่น่าเสียดายที่ร่างแยกของปีศาจไฟไม่ได้โง่เขลา กลับฉลาดมากด้วยซ้ำ มันแบ่งร่างเป็นสี่ส่วน กลายเป็นงูไฟสี่ตัวไล่ล่าสี่คนที่หนีไป ส่วนตัวจริงไล่ตามอีกาสุริยันตัวน้อยไม่ลดละ

“ตามกันไม่เลิกรา!”

ลูกอีกาสุริยันหันหลังกลับไป พอดีเจอกับปีศาจไฟที่ไร้ใบหน้า จึงเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งเพื่อให้ห่างจากมันโดยสิ้นเชิง แต่น่าเสียดายที่ขนหางอันสวยงามของนางโดนเพลิงปีศาจเผาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ดีนัก! เจ้ารอข้าโตเต็มวัยก่อนเถอะ!”

“ข้ารอไม่ไหวแล้ว” ปีศาจไฟที่ไร้ใบหน้ากลับแลบลิ้นยาวออกมาเลีย “ข้าอยากกินเจ้าเดี๋ยวนี้เลย”

“หืม!”

อีกาสุริยันตัวน้อยที่โกรธจัดพ่นไฟใส่ปีศาจไฟ แล้วสะบัดปีกต่อไป

เปลวเพลิงสีแดงและสีดำพัดพาเถ้าถ่านไปทั่ววิหาร จนมันเริ่มรับไม่ไหว ถล่มลงมาเสียงดังสนั่น…

โชคดีที่ตอนนี้นอกจากเจ็ดคนและปีศาจที่เป็นร่างแยกของเจ้าปีศาจไฟแล้ว ผู้สืบทอดคนอื่น ๆ ถูกส่งออกจากวิหารไปแล้ว ผู้บำเพ็ญที่ไม่ได้รับการสืบทอดก็รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้

พวกเขาที่หนีออกมาได้ทันมองไปยังวิหารที่ถล่มลง หยิบศาสตราวุธและยานบินออกมา กลายเป็นแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า หนีไปอย่างอลหม่าน

และในใจก็สาบานกับตัวเองว่าชาตินี้จะไม่ย่างกรายเข้าไปในดินแดนตะวันตกอีกแล้ว เพราะที่นี่น่ากลัวเกินไป!

สนามรบโบราณเฉียนซีเกิดการจลาจลของปีศาจ ฝูงสัตว์อสูรในวิหารก็ถูกปล่อยออกมาด้วย

เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังสะเทือนมาจากทุกทิศทาง สัตว์อสูรขนาดใหญ่มากมายปรากฏตัวบนสนามรบ พวกมันบ้าคลั่งโจมตีม่านพลังที่กักขังพวกมันไว้

“ทำไมถึงมีอสูรและปีศาจโผล่ออกมาเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ!”

“ไม่ดีแล้ว ม่านพลังผนึกมารกำลังจะแตกออก!”

ผู้บำเพ็ญที่อยู่นอกสนามรบต่างตกใจจนตัวสั่น รีบแจ้งข่าวไปยังสำนัก ตระกูล และเจ้าเมืองทันที…

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับข่าวการจลาจลของสัตว์อสูรในสนามรบดินแดนตะวันตกต่างวางมือจากงานที่กำลังทำ นำลูกศิษย์มุ่งหน้าสู่ดินแดนตะวันตกทันที

ผู้บำเพ็ญระดับสูงของสำนักหลานเทียนออกไปครึ่งหนึ่ง แม้แต่ผู้บำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ที่เก็บตัวบำเพ็ญมาตลอดก็ออกมาเช่นกัน เมื่อได้ยินว่าม่านพลังผนึกมารกำลังจะแตกออก

ม่านพลังผนึกมารมีหน้าที่หลักในการกักขังมลทินและปีศาจในสนามรบไม่ให้แพร่กระจายหรือหนีออกไป และค่อย ๆ ชำระล้าง ชัดเจนว่าชำระล้างไปได้หนึ่งในสามแล้ว แต่ทำไมถึงเกิดการจลาจลขึ้นมาได้!

ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ผู้บำเพ็ญระดับสูงที่อยู่ใกล้ ๆ ก็มาถึงแล้ว

ผู้อาวุโสด้านการวางแผนผังเพียงหนึ่งเดียวของสำนักหลานเทียนก็มาถึงทันเวลาเช่นกัน ทั้งโลกผู้บำเพ็ญเซียนมีผู้อาวุโสด้านการวางแผนผังเพียงสามท่าน อีกสองท่านมาช้ากว่าเล็กน้อย ทั้งสามเพียงแค่สบตาก็เข้าใจกันดี แยกย้ายกันไปซ่อมแซมม่านพลังผนึกมารที่ถูกฝูงสัตว์อสูรชนจนแตก

มังกรเงาสามตัวปรากฏขึ้นบนสนามรบ บนหัวของมังกรตัวหนึ่งมีร่างสีชมพูเข้มยืนอยู่ ส่วนอีกสองตัวแยกเขี้ยวยักษ์พุ่งลงมาหาร่างบางสีดำที่กำลังดีดพิณอยู่

อีกด้านหนึ่ง ร่างสีขาวนับไม่ถ้วนและร่างสีดำอีกร่างหนึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

งูไฟห้าตัวที่แปลงมาจากปีศาจไฟพันรอบตัวทั้งห้าคน ส่วนปีศาจไฟยังคงไล่ตามนกสีแดงฉานตัวเล็ก

สายฟ้าผ่าเหนือสนามรบโบราณเฉียนซี เมฆดำเริ่มก่อตัว เสียงฟ้าร้องกึกก้อง

“ท่านอาจารย์ใหญ่ช่วยข้าด้วย!” ว่านอวี้เฟิงที่ถูกงูปีศาจเผาจนดำและศีรษะล้าน ตะโกนเสียงดัง แต่น่าเสียดายที่เสียงของเขาถูกกลบด้วยเสียงคำรามของสัตว์อสูร

ท่านอาจารย์ใหญ่สำนักหลานเทียนที่กำลังซ่อมแซมม่านพลังอย่างตั้งใจ ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เขามองเห็นการต่อสู้ภายใน แม้ว่าการซ่อมแซมม่านพลังจะสำคัญกว่า แต่ลูกศิษย์ในสำนักของตนเองก็สำคัญเช่นกัน เขาจึงโยนโล่ป้องกันชั้นเลิศให้เหล่าลูกศิษย์ น่าจะสามารถต้านทานได้จนกว่าคนจากสำนักจะมาถึง

ลู่เป่ยเหยียนมองไปที่โล่ป้องกันที่กำลังบินมาหาเขา น้ำตาไหลออกมาสองสาย ในขณะที่เขากระโดดขึ้นเพื่อจับโล่ป้องกัน งูไฟปีศาจที่เร็วกว่าเขากลับกระโดดขึ้นและอ้าปากกลืนกินโล่ป้องกันนั้นทันที

ท่าทางช่างคล่องแคล่วราวกับสายน้ำ

ลู่เป่ยเหยียน “???”

เขาจะสู้กับมัน!

ลู่เป่ยเหยียนตะโกนเสียงดัง ชูดาบใหญ่ที่มีรอยบิ่นหลายที่ฟันใส่งูไฟปีศาจ “คืนโล่ป้องกันของข้ามา!”

ท่วงทำนองอ่อนหวานของพิณเปลี่ยนไปทีละน้อย เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า มังกรปีศาจทั้งสองตัวไม่สามารถเข้าใกล้ร่างของหลิงเยว่ได้เลย ราชินีปีศาจที่ยืนอยู่บนหลังมังกรมองไปยังเมฆดำที่หนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด

ร่างแยกของจอมปีศาจถึงกับหยุดโจมตี และหันหลังจะจากไป

“ยังคิดจะไปอีกหรือ?”

เล่อเหอขวางทางร่างแยกของจอมปีศาจ

“ท่านอาจารย์ อย่าทำร้ายหัวใจของเขา”

ผู้ที่มีระดับการบำเพ็ญในขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายกับผู้ที่เป็นเพียงร่างแยกจอมปีศาจ ถึงแม้ระดับการฝึกฝนจะเท่ากัน แต่น่าเสียดาย… ของปลอมก็ยังคงเป็นของปลอม

คำพูดของโม่จวินเจ๋อทำให้ใบหน้าของร่างแยกจอมปีศาจมืดครึ้ม อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกซ่อนไว้ในหัวใจของเขา

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท