รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1012 หลี่จิ่วเต้า ‘คนผู้นี้อำมหิตเกินไป เก็บไว้ไม่ได้!’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1012 หลี่จิ่วเต้า ‘คนผู้นี้อำมหิตเกินไป เก็บไว้ไม่ได้!’

พวกลั่วสุ่ยดื่มกันไม่หยุด ต้าเต๋อร่วมวงแล้วก็เอ่ยว่ารสชาติดีเช่นกัน เฟิ่งหลวน จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิง จิ้งจอกขาวก็ถูกกระตุ้นให้อยากขึ้นมา

“เลิศรสเพียงนั้นจริงหรือ”

“ขอพวกเราด้วยเถิด!”

พวกนางปริปาก ยื่นจอกให้เช่นกัน

ซิงเมิ่งเห็นแล้วรู้เลยว่า น้ำมโนรถไหนี้คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว

มันปวดใจเป็นอย่างยิ่ง นับแต่กาลเวลาอันยาวนานเริ่มต้น มันเคยสกัดเพียงไหเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าเลอค่าทุกหยด บัดนี้ต้องเสียไปในที่แห่งนี้จนสิ้น

บอกตามตรง ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมามันไม่เคยนึกเสียใจกับเรื่องใด ทว่าบัดนี้ มันนึกเสียใจจริง ๆ ที่ใช้น้ำมโนรถ

“คุณชายก็ลองชิมดูเถิด!”

ไม่ใช่ว่าตอนสุดท้ายเจ้าตัวหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ดื่มสักอึก เช่นนั้นมันคงยิ่งชอกช้ำเข้าไปใหญ่!

“ได้ รินให้ข้าจอกหนึ่ง”

หลี่จิ่วเต้าดื่มสุราในจอกตัวเองรวดเดียวหมด แล้วยื่นแก้วเข้าไป

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นน้ำใจจากซิงเมิ่ง หากเขาไม่ดื่มคงดูไม่ดี แม้ว่าเขาจะไม่นึกสนใจในสุรารสอ่อนนัก

จะดื่มแล้วหรือ?

ซิงเมิ่งกลั้นความตื่นเต้นในใจ รินให้หลี่จิ่วเต้าหนึ่งจอกแล้วยื่นไปให้

หลี่จิ่วเต้ารับจอกมาจิบอึกหนึ่ง ให้อธิบายรสชาติอย่างไรดี ว่ากันตามมาตรฐานของเขาถือว่าเฉย ๆ พอไปวัดไปวา

เมื่อเห็นหลี่จิ่วเต้าดื่มน้ำมโนรถเข้าไป หัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของซิงเมิ่งในที่สุดก็เป็นจังหวะปกติ

ไม่ว่าอย่างไร หลี่จิ่วเต้าดื่มเข้าไปแล้ว!

ดื่มแล้วก็ดี ไม่ถือว่าเสียน้ำมโนรถโดยใช่เหตุ!

หลังฆ่าหลี่จิ่วเต้า ชิงขุมปราณพลังของเขามาหลอมละลาย แล้วริบของวิเศษในที่แห่งนี้ให้หมด มันก็ไม่ขาดทุนแล้ว

ซ้ำยังกำไรอีกด้วย

อย่างเช่นฉินโบราณและพู่กันในรถลาก นั่นก็ไม่ขาดทุนแล้ว!

“ยังดื่มไม่พอ!”

“ขอพวกเราอีกจอกเถิด”

“รสชาติดีจริง ๆ!”

พวกลั่วสุ่ยดื่มสุราในจอกรวดเดียวอีกครั้ง แล้วยื่นจอกไปให้

“ดื่มอะไรอีก! พวกเจ้าอยากดื่มสุราที่ไหน คิดไม่ซื่อต้องการอาศัยความเมากระทำเรื่องบัดสีชัด ๆ!”

ซิงเมิ่งตบโต๊ะ ตะคอกใส่พวกลั่วสุ่ย อีกทั้งเก็บน้ำมโนรถที่เหลือกลับไปอย่างรวดเร็ว

หลี่จิ่วเต้าดื่มน้ำมโนรถลงไปแล้ว มันไม่มีความจำเป็นต้องอดทนอีก พวกลั่วสุ่ยอย่าหวังว่าจะได้ดื่มน้ำมโนรถของนางอีกแม้แต่หยดเดียว

พวกนางอยากบอกเหลือเกินว่าอะไรของคนผู้นี้ ก็ให้พวกนางดื่มเองไม่ใช่หรือ เหตุใดบัดนี้ถึงโมโหขึ้นมาได้!

หากไม่ต้องการให้พวกนางดื่ม ไม่ต้องนำออกมาไม่ดีกว่าหรือ

ต้นหลิวหันมองซิงเมิ่ง คิ้วสีเขียวขมวดหากัน นับแต่ซิงเมิ่งโผล่มามันก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ชอบมาพากล ทว่ามีพิรุธตรงไหนนั้นมันบอกไม่ถูก

ท่าทางของซิงเมิ่งในตอนนี้ยิ่งทำให้มันรู้สึกว่าซิงเมิ่งไม่ปกติ

มันคลี่แผ่ญาณสัมผัส ตรวจสอบซิงเมิ่งอีกรอบ

ทว่ายังไม่พบจุดผิดปกติ

อีกด้าน หลี่จิ่วเต้ารู้สึกเช่นกันว่าซิงเมิ่งนั้นแปลก ๆ

คนผู้นี้ขี้งกเกินไปหรือไม่!

ทั้งที่เป็นคนนำสุรารสอ่อนออกมาให้พวกเขาดื่มเอง

‘คนผู้นี้นิสัยไม่ดี…’

เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ คิดในใจและรู้สึกว่าซิงเมิ่งนั้นไม่ชอบมาพากล แปรปรวนไปมา

“พวกเจ้าอยากดื่มให้เมาแล้วกระทำการบัดสีไม่ใช่หรือ ได้ ข้าสนองให้พวกเจ้าเอง! นี่คือน้ำมโนรถ หลังดื่มลงไปช่วยให้พวกเจ้าได้เฝ้าฝันแสนหวาน!”

ซิงเมิ่งถลึงตามองพวกลั่วสุ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว ชิงชังพวกลั่วสุ่ยเป็นที่สุด ผู้ใดใช้ให้พวกลั่วสุ่ยดื่มน้ำมโนรถของนางไปมากมายเพียงนั้นเล่า!

จากนั้นมันลงมือทันที ใช้วิชาลับปลุกพลังน้ำมโนรถในกายพวกลั่วสุ่ย

ฉับพลันนั้น สายตาพวกลั่วสุ่ยเปลี่ยนไปเป็นล่องลอย

น้ำมโนรถที่ว่านี้หาได้เป็นยาฝันหวาน หากแต่เผยให้เห็นสิ่งที่หวาดกลัวที่สุดในใจ

ทว่าซิงเมิ่งแก้ไขเรื่องนั้น

มันแก้ไขด้วยวิชาลับ แสดงภาพที่พวกลั่วสุ่ยปรารถที่สุดออกมา!

พวกลั่วสุ่ยดื่มน้ำมโนรถของมันไปตั้งมาก มันเคียดแค้นพวกลั่วสุ่ยเหลือแสน ตั้งใจลงโทษพวกลั่วสุ่ยอย่างหนักหนาที่สุด!

การลงโทษนี้คือลากพวกลั่วสุ่ยจากยอดเมฆายามพวกนางเปี่ยมสุขที่สุดด้วยคิดว่าฝันเป็นจริงลงมาอยู่ในนรก!

เช่นนี้สาแก่ใจยิ่งกว่าส่งพวกลั่วสุ่ยดำดิ่งในห้วงความผวา!

ถึงอย่างไร หากไม่เคยเห็นแสงสว่าง ย่อมไม่ต้องกลัวความมืดมิด หลังได้เห็นแสงสว่าง จักหวาดกลัวต่อความมืดมิดเป็นที่สุด!

“คุณชาย!”

ลั่วสุ่ยก้าวเข้าไปหาหลี่จิ่วเต้าทันที จากนั้นก็เทร่างทั้งร่างไปบนตัวหลี่จิ่วเต้า เรียวแขนโอบรัดคอของหลี่จิ่วเต้า ดวงตาวาวใสประดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง จับจ้องหลี่จิ่วเต้าไม่วางตา

“อาภรณ์ชุดนั้นงดงามยิ่ง ลายตาข่าย คุณชาย ท่านไม่อยากดูหรือ”

นางเอ่ยเสียงออเซาะกับหลี่จิ่วเต้า สมเป็นปีศาจจริง ๆ เสียงนี้แทบทำให้หลี่จิ่วเต้าอ่อนยวบไปทั้งร่าง

“แค่ก ๆ…”

หลี่จิ่วเต้ารีบกระแอมไอ “ลั่วสุ่ย เจ้าเป็นอันใดไป”

“ข้าไม่ได้เป็นอันใด! ผู้ใดใช้ให้ข้ามีแต่คุณชายในใจเล่า! เอ๋ เหตุใดแก้มคุณชายถึงแดง เพราะข้าอยู่ในอ้อมอกคุณชายหรือ”

ลั่วสุ่ยยิ้มหวานหยดย้อย “ฮิ ๆ คุณชายหน้าแดงอะไร เมื่อตอนที่ข้ายังเป็นแมวน้อยสีขาวคุณชายมักอุ้มข้าขึ้นไปบนตักบ่อยครั้งไม่ใช่หรือ กระทั่ง…ในยามราตรียังหลับนอนด้วยกัน!”

ใบหน้าหลี่จิ่วเต้ากระตุก เหมือนกันที่ไหน?

หนึ่งเป็นแมวน้อยสีขาว อีกหนึ่งเป็นปีศาจน้อยที่เย้ายวนไปถึงกระดูก!

ต่างกันมากเข้าใจหรือไม่!

“คุณชาย เหตุใดเดี๋ยวนี้ท่านถึงไม่สอนข้ายิงธนูแล้วเล่า”

เซี่ยเหยียนเบะปาก เอ่ยเสียงเหนียมอายว่า “ข้าชอบยามคุณชายสอนข้ายิงธนูกับมือ เราได้แนบชิดสนิท! ไม่ได้ ข้าต้องการให้คุณชายสอนข้ายิงธนูเดี๋ยวนี้!”

ท่าทางเหนียมอายของนางแม้แต่หลี่จิ่วเต้ายังเผลอมองอย่างเคลิบเคลิ้ม เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่าทางเหนียมอายของเซี่ยเหยียน ในวันปกติ เซี่ยเหยียนมักมีท่าทีปราดเปรียวเสมอ

พูดจบ นางก็ก้าวไปหาหลี่จิ่วเต้าและกอดเขาไว้เช่นกัน!

“คุณชาย นอกจากดีดฉินข้ายังบรรเลงเครื่องดนตรีอย่างอื่นเป็นด้วย อย่างเช่น…คุณชายไปกับข้าเถิด”

หลิงอินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าระเรื่อ

อย่างเช่นเครื่องดนตรีอะไร!

หลี่จิ่วเต้าหน้าแดงฉับพลัน นึกถึงเครื่องดนตรีบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าหลิงอินผู้สุภาพสง่าอยู่เสมอจะเอ่ยวาจาสัปดนเช่นนี้ได้ด้วย!

“ก้านหลิวชะล้าง!”

เขาไม่ลังเล เรียกก้านหลิวชะล้างออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะสะบัดไปทางพวกลั่วสุ่ย

น้ำมโนรถ สุราที่ซิงเมิ่งนำออกมามีปัญหาจริง ๆ ต้องเป็นเพราะสุรานี้ที่ทำให้พวกลั่วสุ่ยกลายเป็นแบบนี้

หลังก้านหลิวชะล้างกวาดผ่าน พวกลั่วสุ่ยกลับเป็นปกติทันที

“กรี๊ด!”

พวกนางได้สติแล้วรีบลุกพรวดจากตัวหลี่จิ่วเต้า หัวใจเต้นโครมคราม พวกนางรู้ว่าเมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น พวกนาง…เผยสิ่งที่ปรารถนาที่สุดในใจออกมาจนหมด!

“อะไรกัน!”

ซิงเมิ่งตะลึง คิดไม่ถึงว่าพวกลั่วสุ่ยจะได้สติ

มันไม่ได้ลังเล รีบใช้วิชาลับหมายจะปลุกพลังน้ำมโนรถในกายหลี่จิ่วเต้า ส่งหลี่จิ่วเต้าเข้าไปในห้วงฝันร้าย

ทว่ากลับทำไม่สำเร็จ!

“ก้านหลิวชะล้างอยู่ในมือ เจ้าไฉนเลยจะทำสำเร็จได้!”

หลี่จิ่วเต้าลงมืออย่างรวดเร็ว ปัดก้านหลิวชะล้างสาดส่องม่านแสงชำระลงมาผืนใหญ่ ป้องกันไม่ให้พวกต้าเต๋อที่ดื่มเหล้าไปแล้วเกิดปัญหาเช่นนี้อีก

“คิดไม่ถึงเลยว่าซ่อนแผนร้ายในใจ คงคิดไม่ซื่อแต่แรกสิท่า…”

หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ “ข้าหวังให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ยากเช่นนั้นเลยหรือ”

เขาจิตใจดีเกินไป เห็นว่าซิงเมิ่งดูไม่เหมือนคนเลวจึงไม่ได้ระวังตัว บอกกล่าวตัวตนให้ซิงเมิ่งรู้

น่าเสียดาย ที่เขาคิดไม่ถึงคือซิงเมิ่งคิดไม่ซื่อแต่แรก ที่ถูกตามล่าคงเป็นเพียงการแสดงละครเท่านั้น

ต่อมาซิงเมิ่งล่วงรู้ตัวตนของเขา น่ากลัวว่ายิ่งแน่วแน่ที่จะจัดการเขา!

เขาประมาทเกินไป อย่างคราวก่อนกับเฟิ่งหลวนเขายังไม่ได้บอกฐานะตัวเองให้รู้ตรง ๆ หากแต่อยู่ด้วยกันพักใหญ่ถึงบอก

คราวนี้เขาไม่ได้ตรองให้มาก ทันทีที่เจอก็บอกซิงเมิ่งว่าเขาคือหลี่จิ่วเต้า นับว่าเลินเล่อจริง ๆ

ทว่าเรื่องนี้ช่วยเตือนใจเขาว่าหลังจากนี้อย่าช่วยผู้ใดสะเปะสะปะ และยิ่งห้ามเปิดเผยตัวตน!

โลกแห่งการฝึกตนลุ่มลึกเกินไป ในบรรดาสิ่งมีชีวิตฝึกตนมีพวกใจดำอยู่มาก!

หลังจากนี้ เขาต้องรอบคอบแล้วรอบคอบอีก!

“ถือว่าเจ้าโหดใช้ได้!”

ซิงเมิ่งไม่ได้ลังเล เงาร่างหายไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว การปะทะซึ่งหน้าไม่เคยเป็นจุดแข็งของมัน และไม่เคยเป็นทางเลือกแรกของมัน

“จะไปไหน!”

ต้นหลิวลุกขึ้น หมายจะไล่ตามไป

ล่วงเกินคุณชายแล้วยังคิดจะหนีไปง่าย ๆ อีก

ง่ายปานนั้นที่ไหน!

นอกจากนี้ มันรู้สึกได้ราง ๆ ว่าซิงเมิ่งผู้นี้เกรงว่าคงมาตามมัน

ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้ทุกอย่างก็สงบสุข หลังมันกลับมากับก้อนหินก็เกิดเรื่องเช่นนี้ มันอดคิดมากไม่ได้!

ศึกใหญ่ในห้วงลึกอวกาศของมันกับก้อนหินเรียกได้ว่าเป็นที่จับตาของทุกผู้ทุกหน่วย น่ากลัวว่าเป็นตอนนั้นที่มันถูกซิงเมิ่งหมายหัว

ต่อมา ซิงเมิ่งไล่ตามมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว!

มันตำหนิตนเอง อยากจัดการซิงเมิ่งด้วยตัวเองเพื่อชดเชยความผิดที่มันก่อ

“นำก้านหลิวชะล้างไปด้วย”

หลี่จิ่วเต้าส่งก้านหลิวชะล้างไปให้ด้วยกลัวว่าต้นหลิวอาจไม่ใช่คู่มือของซิงเมิ่งแล้วจะเกิดเรื่อง

ซิงเมิ่งผู้นี้จิตใจอำมหิตไม่พอ ซ้ำยังเจ้าเล่ห์เพทุบาย เก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นได้เป็นภัยร้ายในวันหน้าแน่

“ได้!”

ต้นหลิวรับก้านหลิวชะล้างมา พลันมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

แต่เดิมมันยังไม่มั่นใจเท่าใด

ซิงเมิ่งติดตามมาได้โดยที่มันไม่ระแคะระคาย เห็นได้ชัดว่าต่อกรด้วยยากยิ่ง

ทว่าบัดนี้ มีก้านหลิวชะล้างที่คุณชายประทาน มันไม่มีความกังวลใดอีก คราวนี้ต้องสังหารซิงเมิ่งให้ได้!

มันหายตัวไปจากที่นี่ ออกไล่ล่าซิงเมิ่ง

“ต่อกรยากจริง ๆ ด้วย!”

ต้นหลิวมาอยู่บนท้องฟ้าอีกจุด คิ้วขมวดมุ่น

เริ่มแรก มันยังสัมผัสพลังปราณของซิงเมิ่งได้ มีทิศทางให้ไล่ล่า ทว่าบัดนี้ มันสูญเสียแรงสัมผัสจากพลังปราณของซิงเมิ่ง ไม่อาจยืนยันพิกัดของซิงเมิ่ง

นั่นบ่งบอกว่าซิงเมิ่งแข็งแกร่งกว่ามันจริง ๆ หาไม่แล้วย่อมไม่เป็นเช่นนี้

ทว่ามันไม่รู้สึกวิตก

มันหัวเราะเสียงยิ้ม เรียกก้านหลิวชะล้างออกมา

“คุณชายต้องการให้เจ้าตาย เจ้าไม่มีทางรอดต่อไปได้!”

มันบอกกับก้านหลิวชะล้าง “มาเถิด ช่วยข้าตามหามันที”

เสียงดังฟึ่บ ก้านหลิวชะล้างในมือมันส่องประกาย กฎระเบียบสูงส่งปะทุ ก่อนจะไหลไปตามฝ่ามือของมันจนผสานเข้าไปในร่างกายของมัน

เสี้ยวลมหายใจนั้น พลังปราณของมันพุ่งพรวด เก่งกาจถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าสยดสยองตั้งเท่าไหร่

พริบตาที่ดวงตาของมันเบิกขึ้น ลำแสงสีทองพวยพุ่งข้ามพ้นอาณาจักรนานัปการในพริบตา เล็งซิงเมิ่งผู้หนีไปไว้

ห้วงลึกของจักรวาลอันมืดมนอึมครึม

ในอาณาจักรลับตาอย่างยิ่งยวดแห่งหนึ่ง

ซิงเมิ่ง ไม่สิ เอ้อเมิ่งหนีมาอยู่ที่นี่

เอ้อเมิ่งต่างหากคือชื่อจริงของมัน ซิงเมิ่งเป็นนามแฝงของมัน

ที่นี่คือฐานทัพใหญ่ของมัน ห่างจากอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่ตั้งไม่รู้เท่าใด

ทว่ามันทรงพลังอย่างยิ่งยวด ตั้งจิตครั้งเดียวก็เผ่นกลับมาถึงที่นี่

ขณะเดียวกัน มันยังปลุกการเตรียมการทุกอย่างในอาณาจักรนี้

ตัวมันรอบคอบระวังตัวมาแต่ไหนแต่ไร ฐานทัพใหญ่แห่งนี้มีสิ่งที่มันเตรียมการไว้หลายชั้น ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตล้ำขีดขั้นสิบเอ็ดสิบสองมายังที่นี่ก็ไม่มีทางค้นพบอาณาจักรนี้

อาณาจักรนี้เต็มไปด้วยสมบัติลับระดับล้ำขีด ถูกมันนำมาจัดตั้งค่ายกลใหญ่ทั้งหมด

การตั้งค่ายกลสำหรับมันผู้ถือกำเนิดขึ้นจากภายในกายของผู้เบิกทางไม่ยากเลยสักนิด มันตั้งค่ายกลด้วยสมบัติลับระดับล้ำขีดและโลหิตของสิ่งมีชีวิตระดับล้ำขีดมากมายสลักเป็นคลื่นริ้วค่ายกล ค่ายกลใหญ่ในอาณาจักรน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุดแน่นอน!

หลังหนีกลับมาถึงอาณาจักรนี้และปลุกพลังค่ายกลใหญ่ มันถึงวางใจได้อย่างสิ้นเชิง

“สลักคลื่นริ้วค่ายกลด้วยเลือดบรรดาลูกศิษย์ของท่านผู้นั้น ทั้งยังใช้สมบัติลับระดับล้ำขีดอีกมหาศาลในการเจือจุนพลัง ต่อให้หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งเพียงใดก็เท่านั้น!”

ค่ายกลนี้มีนามว่า ค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดค่ายกลที่ท่านผู้นั้นสร้างขึ้น

มันกางค่ายกลนี้ได้อย่างไร้ที่ติ ต่อให้หลี่จิ่วเต้าทรงพลังปานใดก็ไม่มีทางจัดการมันได้

“นั่นมัน…อะไร? ดูเหมือนมีสิ่งมีชีวิตเหินมาที่นี่!”

เวลานั้น ม่านตามันหรี่ลงเล็กน้อย คล้ายว่าเห็นสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเหินมาจากอวกาศ

“มีคน! ไม่สิ มีต้นไม้! ต้นหลิวต้นนั้นไล่ตามมาแล้ว!”

เมื่อเข้าใกล้ขึ้น มันสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและรู้ว่าเป็นต้นหลิวที่ไล่ตามมา

มันหัวเราะเสียงเย็นพลางกล่าว “ว่ากันตามพลังของต้นหลิวนี้ไม่มีทางตามมาถึงที่นี่ ต้องเป็นหลี่จิ่วเต้าที่คอยชี้ทางให้มันแน่”

มันเคยประจักษ์ถึงพลังของต้นหลิว ไม่ได้กล้าแกร่งเท่าใด ด้อยกว่ามันมากโข

ในสถานการณ์ปกติ ต้นหลิวไม่มีทางตามมาถึงที่นี่ได้เลย

ความเป็นไปได้เดียวที่ต้นหลิวตามมาถึงที่นี่คือหลี่จิ่วเต้าเป็นผู้ชี้ทางให้ต้นหลิว

ทว่ามันไม่รู้สึกกังวล

ก่อนหน้านี้มันยังไม่ได้เข้ามาในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ พลังปราณยังหลงเหลืออยู่ข้างนอก หลี่จิ่วเต้าถึงชี้ทางต้นหลิวให้ตามมาถึงที่นี่ได้

ทว่าบัดนี้มันอยู่ในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ พลังปราณถูกอำพรางไว้ทั้งหมด ต่อให้หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่ไหว

“เลิกซ่อนตัวได้แล้ว ออกมาเสีย มาสู้กับข้าซึ่ง ๆ หน้า อย่าทำตัวประหนึ่งเต่าหัวหด!”

ต้นหลิวตั้งตระหง่านอยู่กลางอวกาศตวาดลั่น “นี่คือศักดิ์ศรีที่ข้าเหลือให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะรู้ผิดชอบชั่วดี!”

คิดจะหลอกมันออกไปรึ

เอ้อเมิ่งหัวเราะ เอ่ยเสียงก้อง “เจ้าหาข้าให้พบก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน!”

เสียงของมันดังอยู่ทั่วสารทิศ ไม่อาจยืนยันพิกัดได้เลย มีค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์อยู่ มันไม่กลัวว่าจะถูกต้นหลิวจับได้เพราะส่งเสียง

“ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าอยู่ที่นี่!”

ต้นหลิวตวาด “ออกมาเสีย อย่าละทิ้งศักดิ์ศรีสุดท้ายที่ข้าเหลือให้เจ้า!”

ลูกไม้ของเด็กเล่นซ่อนแอบหรือไรกัน?

ทั้งที่ไม่รู้ว่าเด็กคนอื่นซ่อนตัวที่ไหน กลับตะโกนว่ารู้เพื่อหลอกให้เด็กที่ซ่อนตัวอย่างดีออกไป!

เอ้อเมิ่งหัวเราะออกมาอีกครั้ง ต้นหลิวดูถูกมันเกินไปกระมังถึงได้ใช้ลูกไม้ตื้น ๆ เช่นนี้

มันอยากขำให้ตายชัก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท