บทที่ 1189 ตอนพิเศษ (69.2)
ฮูหยินซ่งไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้กำลังคิดอะไร คนหนุ่มสาวกับคนแก่คนเฒ่าอย่างพวกนางย่อมไม่ได้พูดคุยภาษาเดียวกัน หากรั้งนางอยู่จะอึดอัดกันได้
นางไม่ใช่แม่สามีที่ไร้เหตุผล ขอเพียงพวกเขามีความสุข อยากทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
“จริงสิ กองนี้ กองนี้ แล้วก็กองนี้ ห่อให้หมด” ฮูหยินซ่งชี้ไปที่เครื่องประดับที่เลือกไว้ “ส่งไปที่จวนอ๋องลู่ มอบให้พ่อบ้าน แจ้งว่าเป็นของคุณหนูรอง”
“ท่านน้า ไม่ต้องใช้มากเพียงนั้นเจ้าค่ะ”
“เตรียมไว้เถอะ อาจต้องใช้ในภายหน้า” ฮูหยินซ่งกล่าว “หากเจ้าไม่ชอบก็สามารถมอบให้พี่สะใภ้กับน้องสะใภ้ได้ เจ้าอาจไม่ชอบสวมใส่เครื่องประดับ ทว่าระหว่างญาติก็ต้องรักษาความสัมพันธ์เช่นกัน เครื่องประดับเหล่านี้เลือกสรรมาอย่างดี มอบให้ญาติมิตรย่อมไม่ผิดพลาด”
“มากไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ถึงแม้สกุลซ่งเราจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าสกุลลู่ แต่เรามีเพียงซ่งหานจือลูกชายผู้นี้ ของที่เรามีย่อมเป็นของของพวกเจ้า เพียงเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไม่ถึงขั้นหมดสิ้นทรัพย์สินสกุลเรา เจ้าเก็บไว้เถิด” ฮูหยินซ่งกล่าว “เอาละ พวกเจ้าคนหนุ่มสาวไปกินปลาเผากันได้แล้ว!”
“ท่านน้า เช่นนั้น ไปด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ!”
“หากข้าตามไปแล้ว พวกเจ้าจะพูดคุยอย่างไร? พวกเจ้าหนุ่มสาวไปเที่ยวเล่นเถิด ผู้ใดไม่เคยเป็นหนุ่มสาวบ้างเล่า?”
“เช่นนั้น พวกเราไปแล้วนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะ!”
“ท่านแม่ ลำบากท่านแล้ว” ซ่งหานจือเอ่ย
“เจ้าเด็กคนนี้ ดูแลชิงเอ๋อร์ให้ดีเล่า”
หลังออกจากหอเครื่องประดับแล้ว ลู่จื่อชิงก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ
“ท่านน้าทำเกินไปแล้ว หากรู้ว่านางจะซื้อเครื่องประดับมากมายเพียงนั้น ข้าคงไม่ขอให้นางมาเป็นเพื่อน”
“หากเจ้าเห็นนางเป็นคนนอก นางคงเสียใจแย่” ซ่งหานจือคว้ามือลู่จื่อชิงมากุม “อย่างไรนางก็ไม่ขาดเงินเล็กน้อยนี้ เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะใช้จ่ายทรัพย์สินสกุลซ่งจนหมดหรอก”
“เจ้าเอ่ยเองนะ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ย “อีกประเดี๋ยวข้าจะไปเลือกเครื่องประดับสักหน่อย ทั้งหมดลงบัญชีเจ้าไว้”
หากบุรุษผู้หนึ่งไม่สามารถแม้แต่จะดูแลสตรีที่ตนพึงใจให้ดี ไม่อาจตอบสนองความปรารถนา ‘เล็กๆ น้อยๆ’ ของนางได้ เช่นนั้นเขามีสิทธิ์อะไรถ่วงรั้งอีกฝ่ายในนามของ ‘ความรัก’?
สกุลลู่ร่ำรวย ซ่งหานจือไม่ต้องการให้ลู่จื่อชิงแต่งกับตนแล้วมีชีวิตที่เลวร้ายกว่าก่อนแต่งงาน ดังนั้น เมื่อเสร็จจากงานราชการ เขายังใช้เวลามากมายทำการค้าทุกวัน ร้านเครื่องประดับที่ไปวันนี้ ขอเพียงนางชอบ เขาก็สามารถซื้อให้นางได้เป็นสิบร้าน
“จริงสิ พี่ชายกับน้องชายข้ากลับมาแล้ว คราวนี้น้องชายข้ายังพาคนผู้หนึ่ง…”
ลู่จื่อชิงเล่าเรื่องลู่ฉาวจิ่งให้ฟัง
“คราวนี้ออกมาเป็นเพราะอยากจะเลือกของขวัญให้ว่าที่น้องสะใภ้”
“เมื่อครู่ข้าไปทำธุระที่ศาลาว่าการ ได้ยินสหายร่วมงานกล่าวว่าถังกั๋วกงพาบุตรสาวที่พลัดพรากไปนานกลับมาแล้ว พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับ ทั้งยังจะเขียนชื่อของคุณหนูผู้นั้นในแผนผังสกุล หากเจ้าเอ่ยถึงนาง เช่นนั้นคงต้องเปลี่ยนวันนัดนางแล้ว พรุ่งนี้นางย่อมไม่ว่าง”
“เช่นนั้นวันหลังเถอะ!” ลู่จื่อชิงกล่าว “ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงต้อนรับ พวกเราก็ควรไปกระมัง?”
“ได้ยินมาว่ามีเพียงญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขาเท่านั้นที่ได้รับเชิญ”
“สกุลเราจักต้องได้รับเชิญเป็นแน่” ลู่จื่อชิงกล่าว “ถังกั๋วกงรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายข้ากับคุณหนูท่านนั้น ย่อมไม่ทำให้สกุลเราขุ่นเคืองเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็สามารถมอบของขวัญนี้ให้นางต่อหน้าทุกคนได้แล้ว”
“ร้านปลาเผาที่เพิ่งเปิดใหม่อยู่ข้างหน้า เจ้าอยากลองกินหรือไม่?”
“กิน!”
ซ่งหานจือมองลู่จื่อชิงแล้วหัวเราะออกมา
ไป๋กั่วที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “คุณหนูของเราช่างไร้กังวลจริง ๆ”
“วาสนาดี มีคนคอยเอาอกเอาใจ” ไป๋เวยยิ้ม “ผู้ใดไม่พูดบ้างเล่าว่าคุณหนูของเราเป็นคนโชคดี?”
“นั่นน่ะสิ ใต้เท้าฉีที่เดินทางไปกับท่านอ๋องและพระชายายังให้คนส่งของขวัญกลับมาให้นางเป็นประจำ ระบุชัดเจนว่าให้คุณหนูของเรา คุณหนูของเราไม่เพียงแต่เป็นแก้วตาดวงใจของคนในครอบครัว แม้กระทั่งใต้เท้าฉีอาจารย์ผู้นี้ยังเอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง”
ร้านปลาเผาที่เพิ่งเปิดใหม่แห่งนี้เป็นกิจการที่กำลังเฟื่องฟู แทบไม่มีที่นั่งว่างเสียด้วยซ้ำ
เถ้าแก่จำซ่งหานจือกับลู่จื่อชิงได้จึงจัดห้องส่วนตัวห้องหนึ่งให้
เดิมทีห้องนั้นมีไว้ให้ลูกชายของเถ้าแก่พักผ่อน ทว่าเนื่องด้วยสถานการณ์เร่งด่วนจึงถูกใช้รับรองแขกกิตติมศักดิ์
ลู่จื่อชิงหันกลับมาเห็นบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาโดยมีสตรีอยู่ในอ้อมแขน
ทันทีที่บุรุษผู้นั้นเข้าประตูมาก็ส่งเสียงดัง “ไม่มีที่ว่างแล้วหรือ? เช่นนั้นเจ้าหาที่นั่งให้ข้าสักที่ได้หรือไม่ วันนี้ข้าจะกินปลาเผาที่ร้านของเจ้า หากข้าไม่ได้กิน ใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะได้กิน!”
ลู่จื่อชิงโมโหเป็นทุนเดิม ทว่าเมื่อเห็นสตรีในอ้อมแขนบุรุษผู้นั้น จู่ ๆ นางก็หมดอารมณ์
“มีอะไรหรือ?” ซ่งหานจือถาม
“หลี่เยียนหราน”
ซ่งหานจือมองตามสายตานางไป
เป็นหลี่เยียนหรานดังคาด
หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับสกุลหลี่ หลี่เยียนหรานก็หายตัวไป คิดว่านางออกจากเมืองหลวงไปแล้วเสียอีก นึกไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่ยังไม่จากไป ทว่ากลับกลายเป็นเช่นนี้แล้ว
ในเวลานี้หลี่เยียนหรานไม่ใช่สตรีหยิ่งผยองอย่างในตอนนั้นอีกต่อไป หากแต่เป็นสตรีแต่งหน้าจัดจ้าน กลิ่นชาดคละคลุ้งไปทั้งตัว แววตาขุ่นมัวหมองหม่น
ลู่จื่อชิงไปยืนที่หน้าต่าง ตะโกนโต้กลับไปว่า “เถ้าแก่ ต่อคนพรรค์นี้ ท่านไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เพียงแค่ทุบตีไล่เขาออกไปก็พอแล้ว”
บุรุษผู้นั้นหันไปมองทางลู่จื่อชิง
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร…” พึ่งกล่าวจบ กริชเล่มหนึ่งก็พุ่งไปทางเขา
บุรุษผู้นั้นตอบสนองอย่างรวดเร็ว หมอบลงในบัดดล
กริชปักเข้าที่เท้าเขาพอดิบพอดี
ซ่งหานจือเอ่ย “ข้าพึ่งเห็นคนที่กล้าอาละวาดในเมืองหลวงเช่นนี้เป็นคนแรก”
บุรุษผู้นั้นตกใจสุดขีด ลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป
หลี่เยียนหรานสีหน้าไม่น่าดูชม
นางมองไปทางลู่จื่อชิง
ลู่จื่อชิงแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวใส่นาง
ก่อนหน้านี้ไม่ถูกชะตา ตอนนี้ก็ยังไม่ถูกชะตา อย่าได้คิดว่าโชคร้ายแล้วนางจะเห็นใจ ความเห็นใจของนางไม่ได้มีราคาถูกเพียงนั้น
หลี่เยียนหรานหมุนกายเดินจากไป
“ไป๋กั่ว ส่งคนไปตรวจสอบว่าหลี่เยียนหรานกำลังทำอะไร”
“สกุลตกต่ำแล้ว ตอนนี้หลี่เยียนหรานเป็นเพียงสตรีต่ำต้อยไม่มีผู้ใดสนใจผู้หนึ่ง นางไม่อาจทำอะไรคุณหนูได้เจ้าค่ะ”
“ระวังผู้อื่นไว้เป็นเรื่องจำเป็น นับประสาอะไรกับคนน่ารังเกียจอย่างหลี่เยียนหรานผู้นี้ อย่าได้ดูถูกสตรีบ้าคลั่งเป็นอันขาด เพราะทันทีที่ไม่สนใจ เกรงว่าจะยิ่งยากต่อการรับมือ”
“ปลาเผามาแล้วขอรับ” คนงานยกปลาเผามา
“พี่ชาย ท่านเตรียมปลาเผาสำหรับสองคนส่งไปยังสกุลซ่ง ปลาเผาสำหรับห้าคนส่งไปยังจวนอ๋องลู่”
“ได้เลยขอรับ”
ไป๋กั่วและไป๋เวยถอยออกไป
ทั้งสองคนไม่เคยรบกวนการนัดพบกันของเจ้านาย
ในยามเช่นนี้ เจ้านายย่อมไม่ปล่อยให้พวกนางต้องหิว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับปลาเผาแสนอร่อยได้เช่นกัน
“ไป๋กั่ว เจ้านายกล่าวเตือนได้ถูกต้องแล้ว” ไป๋เวยเอ่ย “สภาพเมื่อครู่นี้ของหลี่เยียนหรานค่อนข้างน่ากลัว พวกเรารีบกินเถอะ กินเสร็จแล้วจะได้ไปตรวจสอบว่าหลี่เยียนหรานอาศัยอยู่ที่ใด อยู่กับผู้ใด อย่างไรทางนี้เจ้านายก็มีใต้เท้าซ่งอยู่ ไม่ต้องให้พวกเราอยู่ด้วย”
“ได้!”