บทที่ 527 มาด้วยตัวเอง
ตอนที่หวงถิงเฟิงได้รับสายโทรจากอู๋ฝาน เป็นช่วงที่เขากำลังร่วมทานอาหารกับจานเฮ่อ กล่าวให้ถูกต้องคือจานเฮ่อทานอยู่ ส่วนหวงถิงเฟิงยืนร่วมห้องอยู่ข้าง ๆ ก่อนหน้านี้โต๊ะถูกนำออกไปเพราะอู๋ฝาน พออีกฝ่ายกลับไปเขาจึงสั่งให้คนยกกลับเข้ามา จากนั้นจึงเตรียมอาหารอีกสำรับ
หากเทียบกับจานเฮ่อที่หนักแน่นไม่หวั่นไหวเพราะความมั่นใจ หวงถิงเฟิงที่คิดเรื่องทางด้านอู๋ฝานไม่มีใจจะทานหรือว่าดื่ม
“แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะกระวนกระวายอะไร?” จานเฮ่อเห็นหวงถิงเฟิงไม่มีสมาธิอยู่กับตัวจึงอดไม่ได้ที่จะต่อว่า “ไม่ต้องกังวล อู๋ฝานไม่มีทางรอด นายเองก็เป็นคนดูแลกิจการโลกเบื้องหน้าของวังเมฆาสีชาด ในฐานะคนรับผิดชอบควรต้องมีสติปัญญากว่านี้ แค่เรื่องเล็กน้อยจะร้อนรนไปทำไม?”
“ครับ ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะครับ” หวงถิงเฟิงพยักหน้าตอบ “แต่อู๋ฝานไม่ใช่คนธรรมดา ผมเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาครับ”
“ไม่คาดคิด? อะไรที่ว่าไม่คาดคิดกันล่ะ?” จานเฮ่อเผยสีหน้าเหยียดหยัน “ไม่ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางเทียบขอบเขตสว่างขั้นสูงสุดถึงสองคนได้ บางทีตอนนี้คงตายไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าไปตายที่ไหน”
หลังสิ้นคำพูดของจานเฮ่อ โทรศัพท์ของหวงถิงเฟิงก็ดังขึ้น เมื่อยกขึ้นมาดูก็เห็นหมายเลขไม่คุ้นเคย แม้ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่พอเห็นหมายเลขแล้วใจของเขากลับกลัวจนเต้นรัวเร็ว มันทั้งว้าวุ่นและร้อนรนยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
“รับโทรศัพท์สิ? ชะงักทำไม?” เมื่อเห็นหวงถิงเฟิงยืนงงมองโทรศัพท์อยู่นาน จานเฮ่อจึงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
หวงถิงเฟิงดึงสติกลับคืนมา ข่มความว้าวุ่นในใจก่อนจะรับสายโทรเข้า
“ใครครับ?” หวงถิงเฟิงถาม
“สวัสดีผู้จัดการหวง ได้ยินเสียงฉันแล้วประหลาดใจไหม?” เสียงของอู๋ฝานดังมาจากปลายสายโทรศัพท์ และมันก็ทำให้หวงถิงเฟิงประหลาดใจจริง ๆ
“เป็นอะไรไป?” จานเฮ่อเห็นอาการของหวงถิงเฟิงจนอดไม่ได้ที่จะถามเสียงดัง
“ที่แท้ผู้อาวุโสจางก็ยังอยู่ด้วยนี่เอง ถือว่าจังหวะดี ผู้จัดการหวงบอกให้คนที่อยู่ข้าง ๆ นั่นรู้ด้วยก็แล้วกัน สองคนที่ส่งมาเมื่อกี้เป็นแค่เศษเดน ถ้าอยากจะฆ่าฉันก็ให้มันเสนอหน้ามาด้วยตัวเอง” อู๋ฝานที่อยู่ปลายสายได้ยินเสียงของจานเฮ่ออย่างชัดเจน
หวงถิงเฟิงมองจานเฮ่อด้วยสีหน้าเหยเก
“มีเรื่องอะไร?” จานเฮ่อเริ่มไม่พอใจ เพราะไม่ได้ยินเนื้อหาที่อู๋ฝานบอกมาอย่างแน่ชัด แต่พิจารณาจากเสียงที่เล็ดลอดออกมาส่วนหนึ่งก็พบว่าเสียงนี้คุ้นเคย
“เป็นอู๋ฝานครับ มันบอกว่าจัดการสองคนที่ท่านส่งไปแล้ว และถ้าอยากจะฆ่าให้ได้ก็ขอให้ไปด้วยตัวเองครับ” หวงถิงเฟิงบอกต่อคำพูดให้จานเฮ่อทราบ
“ไม่มีทาง!” หลังได้ยินคำตอบ จานเฮ่อตอบกลับมาว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเขามั่นใจในฝีมือศิษย์ทั้งสอง และไม่เชื่อว่าสองคนนั้นร่วมมือกันแล้วจะยังไม่อาจทำอะไรอู๋ฝานได้
หวงถิงเฟิงมองจานเฮ่อก่อนจะตอบกลับ “จากที่ผมได้ยินเสียง …อีกฝ่ายไม่น่าจะโกหกครับ”
จานเฮ่อขมวดคิ้ว ก่อนจะคว้าโทรศัพท์จากหวงถิงเฟิงมาตะโกนถาม “อู๋ฝาน! แกทำอะไรศิษย์สองคนของฉัน?!”
“ทำเหมือนอย่างที่มันมาทำนั่นแหละ” อู๋ฝานตอบกลับอย่างเอื่อยเฉื่อย “ผู้อาวุโสจาง ปากบอกว่าอยากจะฆ่าฉันแต่ส่งสวะมาแค่สองคนเนี่ยนะ? ต้องดูถูกกันขนาดไหนนะ? หรือว่ามั่นใจในตัวศิษย์จนหน้ามืดตามัวกันแน่?”
“แกฆ่าพวกเขา?” จานเฮ่อถามด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด ในคำถามนี้แฝงเจตนาฆ่าฟันเอาไว้อย่างเด่นชัด
“มาดูให้รู้เองที่นี่เป็นยังไงล่ะ?” อู๋ฝานตอบกลับ “เดี๋ยวฉันบอกที่อยู่ให้ก็แล้วกัน จะมาหรือไม่มาดูก็ตามแต่สะดวก”
หลังบอกที่อยู่อู๋ฝานจึงตัดสายไป จานเฮ่อโกรธจัดจนขว้างโทรศัพท์มูลค่านับหมื่นหยวนลงกับพื้น มันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เรื่องบ้าบออะไร! ฉันจะฆ่ามันในคืนนี้ให้ได้!” จานเฮ่อตอบกลับอย่างเดือดแค้น
“ผู้อาวุโส พวกเราควรทำยังไงต่อดีครับ?” หวงถิงเฟิงไม่มีเวลาไปห่วงโทรศัพท์ราคาแพงของตนเอง เพราะที่น่าห่วงยิ่งกว่าคือการตัดสินใจจากนี้ของจานเฮ่อ
“ทำยังไง? ก็ไปฆ่ามันน่ะสิ!” จานเฮ่อลุกขึ้นยืน “นายไปขับรถ พวกเราจะไปหามันด้วยกัน ไม่ว่ามันจะฆ่าศิษย์สองคนของฉันแล้วหรือไม่ แต่วันนี้มันต้องตาย!”
“ครับ ผมขับรถ? ให้คนอื่นขับแทนได้ไหมครับ?” หวงถิงเฟิงที่ได้ยินก็ตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหวาดกลัวอู๋ฝาน เพราะได้ทราบแล้วว่าแม้อีกฝ่ายเผชิญหน้ากับยอดฝีมือจากสำนักนอกของวังเมฆาสีชาดแล้วก็ยังอยู่ดี ตอนนี้จึงยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น
“ไม่ได้ นายต้องขับ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! ให้คนอื่นขับมันไม่สบอารมณ์ แล้วนายคิดอยากจะถ่ายทอดเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้กันรึไง?” จานเฮ่อลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินนำออกไป
หวงถิงเฟิงไม่มีทางเลือก มีแต่ต้องตามอีกฝ่ายออกไปข้างนอก ตอนนี้เขากระทั่งสังหรณ์ไม่ดีและสำนึกเสียใจที่ขอให้จานเฮ่อหาทางจัดการกับอู๋ฝาน เพราะหากครั้งนี้ยังกำจัดอีกฝ่ายไม่ได้ ทั้งยังจะเกิดเรื่องกับตนเอง ไม่ว่าทางใดก็จะทำให้เขานึกเสียใจอย่างหนัก
“เดี๋ยวก่อน!” เมื่อเดินถึงครึ่งห้องจานเฮ่อกลับอุทานดังขึ้น
“ครับ? ไม่ต้องให้ผมขับไปแล้วใช่ไหมครับ?” หวงถิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
“ดูท่าทีหัวหดของแกสิ! ฉันอยู่ที่นี่ทั้งคนใครหน้าไหนจะทำอะไรแกได้” จานเฮ่อมองหวงถิงเฟิงอย่างดูแคลน ราวกับไม่พอใจกับความขี้ขลาดของอีกฝ่าย “ขอเตือนอีกครั้ง บอกคนของแกด้วยว่าอย่าเพิ่งเก็บจานอาหารพวกนี้ ไว้ฆ่าอู๋ฝานเรียบร้อยแล้วฉันจะกลับมากินต่อ ไว้จะเอาหัวมันมาราดไวน์เล่นให้สาแก่ใจด้วย!”
แม้โดนจานเฮ่อจ้อง แต่หวงถิงเฟิงก็เริ่มมีความมั่นใจกลับคืนมา
จานเฮ่อเป็นผู้อาวุโสแห่งวังเมฆาสีชาด ทั้งยังมีความมั่นใจในตัวเองเปี่ยมล้น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ขอให้มาช่วยจัดการกับอู๋ฝาน ต่อให้ตอนนี้อีกฝ่ายจะเอาชนะศิษย์ทั้งสองของวังเมฆาสีชาดได้ก็เท่านั้น ไม่ว่าด้วยอะไรเขาก็ไม่มีทางต่อกรกับจานเฮ่อได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นหวงถิงเฟิงจึงได้รับความมั่นใจกลับคืนมาจนเผยยิ้ม “เก็บโต๊ะก่อนก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ไว้ผมสั่งคนให้เตรียมของอุ่นร้อนสดใหม่ได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”
จานเฮ่อพยักหน้าตอบ “แม้จะดูไม่ค่อยมีความกล้า แต่เรื่องพวกนี้ถือว่าตัดสินใจได้ดี อาหารของที่นี่รสชาติก็ถือว่าดีแล้ว แต่ได้ยินมาว่าของร้านโลกในแหวนรสชาติดีกว่าที่นี่อีกงั้นเหรอ?”
“ครับ” หวงถิงเฟิงตอบรับ “หลังพวกเราจัดการกับอู๋ฝานและยึดร้านโลกในแหวนมาได้แล้ว ผู้อาวุโสอยากทานเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้นเลยครับ”
จานเฮ่อพยักหน้าตอบ เขาทราบดีว่าต่อให้ใช้ชีวิตในสำนักต่อไปชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีความก้าวหน้า ดังนั้นจึงทุ่มเทความสนใจไปกับความบันเทิงและสิ่งเริงรมย์ในโลกที่คนทั่วไปรู้จัก
หวงถิงเฟิงขับรถพาจานเฮ่อมุ่งหน้าสู่สถานที่ที่อู๋ฝานบอกไว้ แม้ศิษย์ทั้งสองที่จานเฮ่อส่งไปจะขาดการติดต่อ แต่คนทั้งสองก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับอู๋ฝานได้
ไม่ช้าคนทั้งสองก็มาถึง หลังลงจากรถจึงได้พบอู๋ฝานกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กำลังยืนพูดคุย รวมถึงร่างไร้ชีวิตทั้งสองที่นอนแน่นิ่งกับพื้น
เมื่อเห็นศพทั้งสองร่าง ดวงตาของจานเฮ่อก็หรี่ลงเล็กน้อยพร้อมจิตสังหารพวยพุ่งราวกับไม่อาจยับยั้งเอาไว้ สายตาเย็นยะเยือกมองอู๋ฝานก่อนจะเอ่ย “ดี! ทำได้ดี อู๋ฝาน วันนี้แกต้องตาย! พวกแกทั้งสองคนต้องเจอความตายอันโหดร้าย!”