เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 569 รวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 569 รวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง

ทหารในเซียงโจวได้รับคำสั่งให้จัดสรรเสบียงส่วนหนึ่ง และเตรียมเอาไปส่งให้ทั้งสองเมืองตั้งนานแล้ว

ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นทหารของอู่โจวจึงไม่ได้ไปรายงาน และให้พวกเขาเข้ามาก่อน เพราะคิดว่าคงมารับเสบียง

ทว่าใช่มารับเสบียงที่ใดกัน นี่มันมาปล้นเสบียงกันชัด ๆ!

เมื่อคิดได้เช่นนี้หลังจากทหารเมืองเซียงโจวเห็นพี่น้องหลายคนถูกฆ่าก็โมโหจนตาแดงก่ำ

โจรที่ไม่รู้จักดีชั่วพวกนี้คงบ้าไปแล้วกระมัง เจตนาดีกลายเป็นเครื่องในของลาไปแล้ว*! แบ่งข้าวสารให้แล้วก็ยังไม่พอ ตอนนี้ถึงกับมาปล้นกันเช่นนี้ เห็นเซียงโจวของพวกเขารังแกได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ!?

* เจตนาดีกลายเป็นเครื่องในของลาไปแล้ว (好心当成驴肝肺) หมายถึง มีเจตนาดีต้องการช่วยเหลือคนอื่น แต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิดคิดว่ามีเจตนาไม่ดี

ตอนนี้ติงหม่านกำลังเรียกรวมพ่อค้าขายข้าวในเมือง ให้พวกเขารีบนำของที่เก็บเอาไว้ออกมา

สุดท้ายกลับได้ยินว่าค่ายทหารด้านหน้าเกิดโกลาหลขึ้น เพราะมีคนจากเมืองอู่โจวมาแย่งข้าวสาร!

คิดว่าติงหม่านจะสามารถทนได้อย่างนั้นหรือ?

“เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นทหารของอู่โจว?”

“ไม่มีทางผิดแน่นอนขอรับ คนที่เป็นผู้นำก็คือเจ้าเมืองอู่โจวหลิ่วเผิง ผู้น้อยไหนเลยจะจำผิดได้เล่าขอรับ!”

หลิ่วเผิงมาด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ มาแล้วก็ควรมีคนมารายงานสิ มาโดยไม่ได้รับเชิญเช่นนี้ เกรงว่าคงมาปล้นกันเสียแล้ว

ลมหายใจของติงหม่านถึงกับสะดุด เจ้าคนไร้สมองผู้นี้ ข้าจะไม่สนใจเขาแล้ว

“ท่านเจ้าเมืองขอรับ หลิ่วเผิงพาคนมาสังหารพี่น้องของเราไปมากมาย ทั้งยังปล้นเสบียงของเราไปหลายคันรถ และจะบุกเข้าค่ายทหารของเราด้วยขอรับ!”

ติงหม่านโมโหอย่างมาก “เจ้าคนไร้ยางอาย!

ไป ขับไล่พวกเขาออกไปให้ได้ นับแต่นี้ไปเห็นคนอู่โจวก็ไม่ต้องไว้หน้าพวกเขาอีก หิวตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา!”

ติงหม่านตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนใจอู่โจวอีก แต่หลิ่วเผิงฆ่าคนของเขา เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยไปได้!

ดังนั้นติงหม่านจึงนำคนไปที่นอกค่ายทหาร สู้กับหลิ่วเผิงผู้นั้นทันที

หลิ่วเผิงไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้ามาถึงก็ฟาดฟันทันทีเช่นกัน “เจ้าโจรสุนัขกลับกลอก ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ เจ้านั่งดูเรื่องสนุกอย่างสบายใจ คิดว่าเรื่องดีในใต้หล้านี้เจ้าเป็นคนครอบครองอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”

ติงหม่านยังไม่ทันได้ถามอะไร ก็ถูกหลิ่วเผิงพูดตัดหน้าเสียก่อน จึงเอ่ยด้วยความโมโหขึ้นมา “วันนี้เจ้าบุกเมืองเซียงโจวของข้า มาถึงก็ฆ่าแกงกัน ไม่เห็นแก่มิตรภาพหลายปีที่ผ่านมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าติงหม่านก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกับพวกเจ้าได้อีก!”

เวลานี้กองทัพเจิ้นเป่ยที่ปะปนอยู่ในฝูงชนจึงถือโอกาสเปิดฉากต่อสู้ขึ้นมา และทันใดนั้นก็เกิดเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดจนเลือดสาดกระเซ็น

ตอนที่ข่าวไปถึงเนี่ยเทียนโฉว เขาก็ตะโกนด่าเจ้าหลิ่วเผิงผู้นั้นทันทีว่าโง่เขลา! เท่านี้ก็รอไม่ไหว วิ่งโร่ไปคิดบัญชีกับติงหม่านแล้ว!

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ยังไม่รู้!

และด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน เนี่ยเทียนโฉวไม่คิดว่าติงหม่านจะกล้ามีปัญหากับพวกเขาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้

เมื่อเขาได้สติอีกครั้ง เขาก็เพิ่งจะคิดได้ว่า มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

แต่เรื่องเกิดขึ้นแล้ว ติงหม่านกับหลิ่วเผิงก็แตกหักกันจริง ๆ แล้ว โดยติงหม่านถูกหลิ่วเผิงฟันแขนข้างหนึ่งจนขาด ส่วนหลิ่วเผิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เขาสูญเสียตาข้างหนึ่งและถูกติงหม่านตีจนขาได้รับบาดเจ็บไปข้างหนึ่ง

ต่อหน้าศัตรูตัวฉกาจกลับทะเลาะกันจนกลายเป็นเช่นนี้ ทำให้เนี่ยเทียนโฉวกังวลจนผมจะหงอกอยู่แล้ว

เขาต้องทำให้ทั้งสองคนกลับมาคืนดีและร่วมมือกันอีกครั้ง เขาไม่สนใจเรื่องเสบียงอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาต้องไปโน้มน้าวสองคนนั้นก่อน

แต่ทันทีที่เนี่ยเทียนโฉวไปถึง

‘ตู้ม’ มีเสียงดังขึ้นมาหลายครั้งติด ๆ กัน จนทำให้ค่ายทหารซู่โจวสั่นสะเทือน ที่แท้เป็นกองทัพทหารเกราะเหล็กที่โยนลูกไฟหลายลูกเข้ามา

เนี่ยเทียนโฉวจึงทำได้เพียงกลับไปอย่างรีบร้อน

และเรื่องที่เมืองซู่โจวไม่มีข้าวสารก็ไม่รู้ว่ารั่วไหลไปได้อย่างไรกัน โดยเฉพาะครอบครัวของเจ้าหน้าที่ขนส่งเสบียง ด้านหนึ่งก็ร้อนใจที่ลูกชายของตัวเองหายไป ด้านหนึ่งก็ไม่มีข้าวกิน ร้อนใจจนต้องไปสอบถามคนที่รู้จัก

คราวนี้ความโกลาหลที่เคยเกิดขึ้นกับเมืองเพี่ยวโจวและหลายเมืองที่ถูกยึด ก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในซู่โจว!

ทว่าราษฎรกลับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และเรียกร้องให้เนี่ยเทียนโฉวนำข้าวสารออกมาจึงจะยอมเชื่อ

เนี่ยเทียนโฉวจึงได้ส่งคนขึ้นไปบนภูเขาเพื่อขุดเอาข้าวสารที่เก็บซ่อนไว้เหล่านั้นออกมา ผู้รับผิดชอบในการขุดข้าวสารเพียงแค่รู้สึกว่ากระสอบข้าวหนักขึ้น แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะถูกคนสับเปลี่ยน

จากนั้นก็วิ่งกลับไปที่ค่ายทหาร กระสอบข้าวที่มีแต่ดินและหินหลายคันรถถูกขนเข้าไปในเมือง ก่อนจะแจกจ่ายให้กับราษฎรที่จวนเจ้าเมือง

ความจริงแล้วเนี่ยเทียนโฉวเองก็ปวดใจเช่นกัน แต่เขารู้ว่าจะปล่อยให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ก็จะเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของทหารที่อยู่นอกเมือง

เขาต้องหนักแน่นไว้ จากนั้นค่อยไปเกลี้ยกล่อมติงหม่านและหลิ่วเผิง เช่นนี้จึงจะมีโอกาสชนะ

แต่ใครจะคิดว่าเพิ่งจะเปิดข้าวกระสอบแรกออก ก็พบว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ด้านใน ครึ่งหนึ่งเป็นข้าว อีกครึ่งหนึ่งกลับเป็นดินโคลน! โดยที่ข้าวได้ปนกับโคลนพวกนั้นไปหมดแล้ว

ผู้คนต่างก็โกลาหลกันขึ้นมาอีกครั้ง

เนี่ยเทียนโฉวเองก็ตกตะลึง และกำลังจะสั่งคนให้หยุดเปิดกระสอบก่อน ทว่าทหารชั้นผู้น้อยอีกคนหนึ่งก็ได้ใช้มีดแทงลงไปแล้ว

ทว่ากระสอบนี้แม้แต่ข้าวก็ไม่มีเหลือ ทั้งหมดล้วนมีแต่ดินโคลน

ดวงตาของเนี่ยเทียนโฉวเบิกกว้าง หัวใจของเขาเต้นรัว ก่อนจะผลักทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นออกไป หลังจากที่รู้ว่าตัวเองถูกคนเล่นงาน ก็มีคำสั่งให้ราษฎรแยกย้ายทันที ให้พวกเขากลับไปรอที่บ้านให้หมด ใครก็ตามที่รวมตัวกันเพื่อสร้างปัญหา ฆ่าไม่เว้น!

ภายใต้คำสั่งที่หนักแน่นนี้ เมืองซู่โจวจึงสงบลงชั่วคราว

แต่เรื่องที่ไม่มีข้าวสาร ไม่เพียงราษฎรเท่านั้นที่รู้ แม้แต่เหล่าทหารต่างก็รู้แล้วเช่นกัน!

เนี่ยเทียนโฉวจึงปวดหัวเป็นอย่างมาก

เมืองที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาอย่าง ฉงโจว เจี้ยนโจว และหลินโจว ก็ได้ส่งสายลับมาสอดแนมว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

และในตอนนั้นเองก็มีข่าวส่งมาจากเผ่าถูกู่หุน โดยบอกว่าพวกเขาได้ยินมาว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กได้ซื้อข้าวสารไปเป็นจำนวนมาก และวางแผนที่จะขนมาทางนี้ เนี่ยเทียนโฉวจึงดีใจขึ้นมาทันที เขาจะต้องเอาคืนกองทัพทหารเกราะเหล็กให้ได้!

เมื่อมีอาหารอะไรก็จะง่ายขึ้น

นอกจากนี้ยังสามารถช่วยระงับความวุ่นวายระหว่างหลิ่วเผิงและติงหม่านได้ชั่วคราว

ขอเพียงไกล่เกลี่ยพวกเขาได้ จนทั้งสองฝ่ายตระหนักได้ถึงผลดีผลเสีย และคิดได้ว่าการร่วมมือกันต่างหากเป็นเรื่องที่ถูกต้อง การสู้กันเองมีแต่จะเป็นผลดีกับกองทัพทหารเกราะเหล็ก

เนี่ยเทียนโฉวเป็นคนฉลาด เขาพูดคนเดียวอาจจะไม่ได้ผล ดังนั้นเขาจึงขอให้เจ้าเมืองที่เหลืออีกสามเมืองมาช่วยพูดด้วย ทั้งหกเมืองรวมกันเป็นหนึ่ง! ดูสิว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กนั่นจะบุกเข้ามาได้อย่างไร

โดยไม่รู้เลยว่าเผยยวนได้รับหนังสือขอเป็นพันธมิตรจากเผ่าถูกู่หุนตั้งนานแล้ว อีกทั้งชิงเหออ๋องผู้นั้นยังเขียนด้วยตัวเองอีกด้วย โดยที่มู่หรงเจี๋ยสองพี่น้องเป็นพยานว่าองค์หญิงจินฮวาตายด้วยน้ำมือของซือถูรุ่ย และซือถูรุ่ยยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเนี่ยเทียนโฉวอีกด้วย

ชิงเหออ๋องจึงกระตือรือร้นที่จะล้างแค้นให้ลูกสาว ทั้งยังขอบคุณพวกเผยยวนที่นำศพของลูกสาวมาส่งให้เขาในสภาพที่สมบูรณ์ และยังได้ช่วยโน้มน้าวท่านข่านของเผ่าถูกู่หุนให้เป็นพันธมิตรกับต้าจิ้นอีกด้วย

มู่หรงจาวเองก็เป็นคนที่มีความสามารถ ได้ยินว่าตอนนี้นางได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังของท่านข่านแล้ว

ข่าวดียังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง ข่าวที่ถู่เจียยื้อกันไปมากว่าครึ่งเดือนว่าจะสนับสนุนต้าจิ้นหรือไม่ ในที่สุดก็สิ้นสุดลง

สาเหตุก็เพราะจดหมายร่ายยาวฉบับนั้นขององค์หญิงใหญ่ ที่ได้เขียนประณามเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดของราชสำนักถู่เจีย

และบรรยายว่าตอนนั้นถู่เจียประสบปัญหา ต้าจิ้นได้ให้ความช่วยเหลือเช่นไรบ้าง และการกระทำนี้ของถู่เจียก็ทำให้หัวใจของราษฎรต้าจิ้นผิดหวังเพียงใด

ชายแดนที่เชื่อมต่อระหว่างถู่เจียกับต้าจิ้น หลังจากมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แล้ว ราษฎรตามแนวชายแดนก็ได้หันมาแต่งงานกันจำนวนมาก

ด้วยแรงกดดันจากองค์หญิงใหญ่ ทำให้ขุนนางเฒ่าเหล่านั้นกลัวว่าไทเฮาผู้สูงศักดิ์จะกลับมาจัดการพวกเขาด้วยตัวเอง และทำให้พวกเขาหัวล้านเพียงชั่วข้ามคืนได้ ดังนั้นแต่ละคนจึงยอมเห็นด้วยกับการที่ถู่เจียจะส่งกองกำลังไปช่วยต้าจิ้น

ทางเผ่าถูกู่หุน มู่หรงเจี๋ยก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และเขายังคอยส่งข่าวไปให้กองทัพทหารเกราะเหล็กอย่างต่อเนื่อง

อีกด้านหนึ่ง กองทัพใหญ่ของถู่เจียก็อยู่ระหว่างเดินทางมาแล้วเช่นกัน ซึ่งนำโดยนักรบที่กล้าหาญที่สุดของถูลี่อย่างแม่ทัพมัวเอ๋อร์เก๋อซาง

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท