ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 607 หัวหน้าจากไปได้ห้าปีแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 607 หัวหน้าจากไปได้ห้าปีแล้ว

ตอนหลินเซี่ยตื่นขึ้นมา ห้องนอนก็ว่างเปล่า เช่นเดียวกับสิ่งของที่เฉินเจียเหอจัดไว้เมื่อคืน

“ออกไปแต่เช้าขนาดนี้เลย?” หลินเซี่ยมองรอบห้องแต่ไม่เห็นคน จึงรู้สึกผิดหวังอยู่ในใจ

ช่างเถอะ ไปก็ไปเถอะ

เธอไปห้องน้ำ หยิบกระดาษปากกาจากในลิ้นชักมานั่งเขียนรายการบนเก้าอี้

เฉินเจียเหอซื้ออาหารเช้ากลับมา คิดว่าเธอคงยังไม่ตื่นจึงเข้าไปเรียกในห้อง

เมื่อเห็นเธอหมกมุ่นอยู่กับการเขียนอะไรบางอย่าง เขาก็เดินเข้าไปถามว่า “เขียนอะไรอยู่น่ะ? กินข้าวกันเถอะ”

“คุณยังไม่ไปอีกเหรอ?” หลินเซี่ยได้ยินเสียงของเขาจึงหันกลับมามอง

“ผมออกไปซื้ออาหารเช้ามา”

เฉินเจียเหอเห็นสิ่งที่หลินเซี่ยกำลังเขียนลงบนกระดาษ เขาเร่งรัดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “รอถึงเมืองเซินเฉิงค่อยเขียนก็ได้ มากินข้าวก่อน เดี๋ยวอารองก็คงมาถึงแล้ว”

หลินเซี่ยเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาแล้วพูดว่า “ฉันมาคิดดูแล้ว คุณพูดถูก ตอนนี้ร่างกายฉันไม่สะดวก ไม่ควรไปไหนมาไหน ฉันจะไม่ไปเมืองเซินเฉิงแล้ว แต่จะให้อารองช่วยซื้อของมาให้แทน ถ้าหาซื้อของที่ตรงตามความต้องการไม่ได้ก็ไม่เป็นไร รอคลอดลูกแล้วฉันค่อยไปเลือกเสื้อผ้าเอง เงินน่ะหาตอนไหนก็ได้”

หลินเซี่ยพูดจบก็รีบขีดเขียนลงบนกระดาษอีกครั้ง แต่ก็ยังถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “หลังคลอดลูกแล้วคงจะไปไหนมาไหนลำบากกว่าเดิม”

แต่ว่าอีกสองปี เมืองไห่เฉิงก็จะเจริญขึ้น ของหลายอย่างไม่จำเป็นต้องไปถึงเมืองเซินเฉิงก็สามารถหาซื้อได้

เฉินเจียเหอได้ยินเธอเอ่ยทอดถอนใจ ความละอายใจพลันวาบผ่านดวงตาคมเข้ม เขาดึงมือเธอให้ลุกขึ้น “ไม่ต้องเขียนแล้ว ผมจะไปเมืองเซินเฉิงกับคุณเอง”

“คุณจะไปด้วยเหรอคะ?” หลินเซี่ยหันไปถามเขาด้วยความประหลาดใจ

เฉินเจียเหอพยักหน้ายิ้ม ๆ “อืม ผมจะไปทำธุระที่นั่นพอดี เมื่อคืนผมตั้งใจไม่บอกคุณ อยากเซอร์ไพรส์คุณน่ะ”

เมืองเซินเฉิงมีโรงงานที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและผลิตเครื่องมือวัดความแม่นยำสูง เครื่องมือวัดของที่นั่นอาจเหมาะสมกับรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ที่พวกเขากำลังพัฒนาอยู่ เมื่อวานนี้โรงงานผลิตรถของพวกเขาพูดว่าจะไปสำรวจโรงงานในเมืองเซินเฉิงเพื่อดูเครื่องมือวัดทางด้านนั้น ปกติแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเฉินเจียเหอ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของหัวหน้า เขาก็อาสารับหน้าที่นี้ บอกว่าจะเดินทางไปด้วยตัวเอง

การที่วิศวกรเครื่องยนต์เต็มใจไปตรวจสอบเครื่องมือด้วยตัวเอง หัวหน้าโรงงานย่อมยินดีอยู่แล้ว เพราะสุดท้ายแล้วเครื่องมือเหล่านี้จะสามารถใช้งานได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับวิศวกรอย่างพวกเขาอยู่ดี ในเมื่อเฉินเจียเหอเดินทางไปด้วยตัวเอง ทางโรงงานก็ลดขั้นตอนยุ่งยากไปได้มาก

หัวหน้าอนุมัติค่าใช้จ่ายสูงสุดสำหรับการเดินทางไปดูงานให้เขาอย่างรวดเร็ว แต่ให้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น

การพัฒนากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เฉินเจียเหอไม่สามารถจากไปนานกว่านี้ได้

เฉินเจียเหอพูดพลางดึงเธอให้ลุกขึ้น “ไป กินข้าวเช้าเถอะ ผมจะจัดการความเรียบร้อยในบ้านเอง”

หลินเซี่ยถูกเขาจูงมือมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร เธอต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะตระหนักได้ว่าเฉินเจียเหอจะไปเมืองเซินเฉิงกับตัวเอง

“เฉินเจียเหอ คุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม?” เธอกัดปาท่องโก๋ขณะมองเฉินเจียเหอ ยังไม่กล้าเชื่อว่าเขาจะตามเธอไปเมืองเซินเฉิงด้วย

เขาถึงกับทิ้งงานที่โรงงานและตามเธอไปเมืองเซินเฉิง?

ช่วงนี้เขาแทบไม่ได้กลับบ้านเลยด้วยซ้ำ

“ผมเคยหลอกคุณเมื่อไหร่กัน?” เฉินเจียเหอเดินเข้ามาลูบศีรษะเธอ “กินข้าวเถอะ”

เขายัดปาท่องโก๋ใส่ปากอย่างรวดเร็วแล้วรีบไปจัดการความเรียบร้อยในบ้าน

เขาตัดแหล่งจ่ายไฟฟ้าในบ้าน ตรวจสอบว่าก๊อกน้ำไม่รั่ว แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็มาจัดสิ่งของที่หลินเซี่ยต้องใช้ในการเดินทางลงในกระเป๋าเดินทาง หยิบเสื้อผ้าออกมาเตรียมไว้ให้ภรรยา แล้วขนกระเป๋าเดินทางลงไปที่ห้องนั่งเล่น

เพิ่งกินมื้อเช้าเสร็จ เซี่ยไห่ก็มาพอดี

เขาเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา เห็นเฉินเจียเหออยู่ที่บ้านก็ถามอย่างแปลกใจ “โอ๊ะ พ่อคนงานยุ่ง ทำไมวันนี้ยังไม่ไปทำงานอีก?”

“ต้องไปดูงานต่างเมือง” เฉินเจียเหอตอบ

เซี่ยไห่ร้องอ้อเป็นเชิงรับรู้ ไม่ได้สนใจเรื่องการเดินทางไปดูงานของเฉินเจียเหอเลยสักนิด เขาสาวเท้าเร็ว ๆ เข้าไปข้างในแล้วร้องว่า “เซี่ยเซี่ย เตรียมตัวพร้อมหรือยัง? พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว”

หลินเซี่ยเปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินออกมาจากในห้องนอน “อารอง ใกล้เสร็จแล้วค่ะ”

เธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อย สะพายเป้ใบเล็ก ส่วนเฉินเจียเหอถือกระเป๋าเดินทาง ทั้งคู่ลงมาที่ชั้นล่างพร้อมกัน

เซี่ยไห่เรียกรถที่ริมถนน เฉินเจียเหอวางกระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถเสร็จก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังด้วยกันกับหลินเซี่ย

“นายจะไปส่งถึงสถานีรถไฟเลย?” เซี่ยไห่ยิ้มถามมาจากที่นั่งฝั่งข้างคนขับ “เซี่ยเซี่ย พ่อคนงานยุ่งของเธอช่างเอาใจใส่ดีจริง ๆ หาเวลามาส่งเธอไปสถานีรถไฟด้วย ฉันนึกว่าเขาจะใช้ชีวิตกับรถไฟของเขาเสียอีก”

ช่วงนี้เฉินเจียเหอหมกตัวอยู่แต่ในห้องวิจัยของโรงงาน พวกเขาไม่ได้เจอกันมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว

สมัยก่อน ตอนเฉินเจียเหอยังเป็นช่างเทคนิคในโรงงานเก่า ทุกคนอยู่ใกล้กัน ถึงจะงานยุ่งแค่ไหน ถ้าเซี่ยไห่คิดถึงเขาก็สามารถหาโอกาสมาเจอหน้าได้เสมอ

ตอนนี้ย้ายออกมาจากโรงงานเก่าแล้ว ไปทำงานอยู่ไกลกว่าเดิม เฉินเจียเหอก็หมกมุ่นกับการวิจัย เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นความลับ เวลาปกติจะใช้โทรศัพท์ของที่ทำงานก็ยังไม่ได้

“ก็แน่ล่ะ เขาไม่ใส่ใจฉันแล้วจะให้ใส่ใจใคร ฉันเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเชียวนะ” หลินเซี่ยคล้องแขนเฉินเจียเหอและซบไหล่เขาอย่างออดอ้อน “จริงไหมคะ?”

เฉินเจียเหอหัวเราะเอ็นดู “จริง”

“โอ้โห เลี่ยนจนขนลุก” เซี่ยไห่ถูแขนไปมา

หันไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียเหออมยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา

ถึงเขาจะสละโสดมีแฟนแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้เลย

อย่าว่าแต่ออดอ้อน ให้โทรหาก่อนยังไม่มี

เซี่ยไห่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ช่างเถอะ มัวแต่เปรียบเทียบกับคนอื่นคงทุกข์ใจตายกันพอดี

เมื่อไปถึงสถานีรถไฟ เฉินเจียเหอถือกระเป๋าเดินทาง อีกมือจูงมือหลินเซี่ย เดินตามหลังเซี่ยไห่เข้าไปในห้องรอรถไฟ

เซี่ยไห่รู้ว่าเฉินเจียเหองานยุ่ง แม้ปากจะบ่นไปอย่างนั้น แต่ความจริงก็ยังห่วงใยอีกฝ่าย

“พอแล้ว นายกลับไปเถอะ จะไปดูงานไม่ใช่เหรอ กลับไปเถอะ วางใจได้ ฉันจะดูแลเซี่ยเซี่ยอย่างดี เมืองเซินเฉิงเป็นถิ่นของฉัน มีแต่คนรู้จักทั้งนั้น จะทำอะไรก็สะดวก”

“ไม่รีบ” เฉินเจียเหอพูดจบก็พาหลินเซี่ยไปหาที่นั่ง

เซี่ยไห่จองตั๋วให้หลินเซี่ยไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เป็นตั๋วนอน เฉินเจียเหอออกไปข้างนอกแป๊บเดียวก็กลับมาพร้อมตั๋วอีกหนึ่งใบ

รอสักพัก รถไฟก็เข้าชานชาลา สามารถขึ้นรถได้แล้ว

ไม่มีใครต่อแถว ทุกคนกรูกันเข้าไปราวกับแย่งข้าวสารแจกฟรี เฉินเจียเหอนึกดีใจที่ตนเองตามมาด้วย

หลินเซี่ยก็ตกใจไม่น้อย เธอรู้ว่าช่วงสิ้นปีรถไฟจะแน่น แต่ไม่คิดว่าจะแน่นขนาดนี้

ถ้าเฉินเจียเหอไม่มา การที่เธอจะให้เซี่ยไห่ไปจัดซื้อสินค้าแทนถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว

พอเข้าไปในชานชาลา เซี่ยไห่ก็บอกเฉินเจียเหอว่า “พอแล้ว ส่งถึงชานชาลาแล้ว กลับไปเถอะ”

“ตั๋วของนายอยู่ไหน?” เฉินเจียเหอไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่ถามเซี่ยไห่กลับ

เซี่ยไห่ล้วงออกมาให้ดู เป็นตั๋วนอนที่ให้คนรู้จักที่สถานีรถไฟซื้อให้เมื่อวานนี้ เป็นเตียงล่างทั้งคู่ อยู่ติดกันอีกด้วย

“ส่งมาให้ฉัน” รับมาแล้ว เฉินเจียเหอก็ยื่นตั๋วเตียงบนในมือของเขาให้เซี่ยไห่ “ของนายอยู่โบกี้สาม ไปขึ้นรถทางนั้น”

เซี่ยไห่ “???”

เขาเสริม “ฉันต้องไปดูงานที่เมืองเซินเฉิง ผมดูแลเซี่ยเซี่ยเอง พวกเราสลับตั๋วกันกัน”

เพิ่งพูดจบ รถไฟก็มาถึงชานชาลา เฉินเจียเหอส่งกระเป๋าเดินทางให้เซี่ยไห่ จากนั้นก็จูงมือหลินเซี่ยไปขึ้นรถ

เซี่ยไห่ไม่มีสัมภาระติดตัว เนื่องจากการไปเมืองเซินเฉิงสำหรับเขาก็เหมือนกับการกลับบ้าน

เขาถือกระเป๋าเดินทางกับตั๋วรถไฟ สีหน้างุนงง

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เร่งให้ขึ้นรถไฟ เขาจึงรู้สึกตัวแล้วขึ้นไปบนรถ

เฉินเจียเหอพาหลินเซี่ยหาตำแหน่งเตียงที่จองไว้จนเจอ แล้วบอกให้เธอรีบนอนบนเตียง

ผ่านไปไม่นาน เซี่ยไห่ก็ตามมาถึงพร้อมเสียงบ่นกระปอดกระแปด

เขากลัวกระเป๋าเดินทางจะหายไปจึงถือไว้ในมือข้างหนึ่ง ในที่สุดก็หาเฉินเจียเหอจนเจอ คาดคั้นอย่างโมโหว่า “เฉินเจียเหอ นายหมายความว่ายังไงกันแน่? นายจะไปเมืองเซินเฉิงเหมือนกัน ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้?”

“ฉันว่าจะบอกตอนอยู่บนรถ แต่นายไม่เปิดโอกาสให้ฉันเลยต่างหาก”

เซี่ยไห่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว

เฉินเจียเหอดึงกระเป๋าเดินทางจากมือเซี่ยไห่และดึงเขามานั่งบนเตียงด้วยกัน

“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวาน?” เซี่ยไห่บ่นอย่างไม่พอใจ

“ถ้านายบอกตั้งแต่เมื่อวาน พวกเราจะได้ซื้อตั๋วด้วยกัน ตอนนี้พวกเธอสองคนนอนด้วยกัน ขณะที่ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวในอีกโบกี้ แถมยังเป็นเตียงบนอีกต่างหาก ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอ?”

เฉินเจียเหออธิบาย “ฉันก็เพิ่งรู้ว่าต้องไปดูงานต่างเมืองก่อนเลิกงานเมื่อวานนี้นี่เอง เวลากระชั้นชิดเลยไม่ได้บอก อย่าโกรธกันเลยน่า”

ในกระเป๋าเดินทางมีของว่างและนมที่เขาซื้อมาไว้ให้หลินเซี่ย เฉินเจียเหอหยิบกล่องคุกกี้ออกมาให้เซี่ยไห่อย่างใจป้ำ

เซี่ยไห่แกะมาหนึ่งชิ้นส่งเข้าปาก ความขุ่นมัวในอกจึงทุเลาลงบ้าง

ตอนกลางวันแบบนี้ เซี่ยไห่ไม่ง่วงนอนสักนิด ทั้งไม่เต็มใจไปนั่งแกร่วในโบกี้ของตัวเองตามลำพัง จึงนั่งบนเตียงชวนเฉินเจียเหอคุยไปเรื่อย

หลินเซี่ยก็นอนต่อไปไม่ลงอีก ทั้งสามนั่งกินขนมคุยเล่นไปพลางเพื่อฆ่าเวลา

เซี่ยไห่เหลือบมองเฉินเจียเหอ ถามขึ้นมาว่า “เจียเหอ นายว่านานแค่ไหนแล้วนะที่พวกเราไม่ได้นั่งรถไฟไปเที่ยวไกล ๆ ด้วยกันแบบนี้?”

เฉินเจียเหอยิ้มแห้ง “จำไม่ได้แล้ว น่าจะหลายปีแล้วล่ะ”

“ครั้งสุดท้ายที่นั่งรถไฟด้วยกันก็ตอนกลับเมืองไห่เฉิงหลังปลดประจำการ”

เซี่ยไห่พูดถึงตรงนี้ก็อดคิดถึงเรื่องในอดีตไม่ได้ จิตใจรู้สึกเศร้าขึ้นมา

เขาทอดถอนใจ “หัวหน้าจากพวกเราไปห้าปีแล้วสินะ”

“ผ่านมาห้าปีแล้วเหรอเนี่ย”

เฉินเจียเหอทอดสายตาลงต่ำ “อืม ห้าปีแล้ว”

หลินเซี่ยได้ยินพวกเขาพูดถึงพ่อของหู่จือ เธอจึงนอนฟังเงียบ ๆ อยู่บนเตียงล่าง ฟังพวกเขาเล่าเรื่องสมัยประจำการที่กองทหารรถไฟ พูดถึงความยากลำบากในการซ่อมรางรถไฟ รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาและสหายร่วมรบคนอื่น ๆ

ฟังไปฟังมา เธอก็ผล็อยหลับไป

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท