บทที่ 889 ศึกที่สอง (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ระบบ​ดาว​อสรพิษ​รัตติกาล​ เขต​บูรพา​ที่สาม​

ระบบ​ดา​วสี​แดงก่ำ​ราวกับ​เท​สีแดง​เข้าไป​ใน​ทราย​ โคจร​อยู่​กลาง​อวกาศ​ดำมืด​ล้ำลึก​

ณ ใจกลาง​ของ​แขน​ก้นหอย​สาย​ที่สอง​ กลุ่ม​อุกกาบาต​เล็ก​ๆ กลุ่ม​หนึ่ง​โคจร​รอบ​ดาวฤกษ์​ขนาด​ยักษ์​ตรงกลาง​เหมือนกับ​แถบ​ผ้า​

บน​อุกกาบาต​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ มีตำหนัก​เทพ​สีเงิน​ที่​เก่าแก่​แห่ง​หนึ่ง​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​บน​ผิว​อุกกาบาต​โล่ง​เตี้ย​น​

รอบ​ตำหนัก​เทพ​มีแถบ​แสงสีขาว​เล็ก​ละเอียด​กะพริบ​เรืองรอง​ บน​ประตู​ใหญ่​สูงกว่า​สิบ​หมี่​ฝังอักขระ​ซับซ้อน​เก่าแก่​ล้ำลึก​เอาไว้​

ที่นี่​อยู่​ใน​สภาวะ​สุญญากาศ​สมบูรณ์​ ความ​เย็น​ใน​สภาพแวดล้อม​มาก​พอ​จะทำให้​สิ่งมีชีวิต​ใดๆ​ ล้วน​กลายเป็น​น้ำแข็ง​

สวี​เซ่าเช่อ​เดิน​ออก​มาจาก​ใน​ของขลัง​อันเป็น​เรือ​เหาะ​ มอง​ซาก​ตำหนัก​เทพ​จาก​ไกลๆ​

“ต้อง​เร่งมือ​ให้​เร็ว​ที่สุด​ สำนัก​แปลง​วายุ​ประสบ​ภัยพิบัติ​ มาร​ร้าย​ตน​นั้น​ไม่มีทาง​ที่จะ​ไม่แก้แค้น​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ของ​เรา​เด็ดขาด​” เขา​จิตใจ​หนักอึ้ง​ ก่อน​จะหยิบ​สิ่งของ​ที่​เหมือนกับ​จอก​ชาออก​มาจาก​ใน​อก​เสื้อ​ แล้ว​เท​ใส่พื้น​เบา​ๆ

ของเหลว​สีเงิน​ให้​ความรู้สึก​เหมือน​โลหะ​ไหล​ออก​มาจาก​จอก​อย่าง​เป็นธรรมชาติ​

ของเหลว​หยด​ลง​บน​ผิว​อุกกาบาต​หายสาบสูญ​ไปในทันที​ เหมือน​น้ำ​หยด​ลง​มหาสมุทร​

จากนั้น​สวี​เซาเช่อ​ก็​ยืน​นิ่ง​รอคอย​ผลลัพธ์​

เขา​ได้รับ​คำสั่ง​มา ท่าน​เจ้าสำนัก​กำลัง​เตรียมการ​ท้า​สู้ใน​วันพรุ่งนี้​ ดังนั้น​ภารกิจ​ใน​การ​มาที่นี่​จึงตกเป็นของ​เขา​

ใน​ฐานะ​ศิษย์​โดยตรง​ของ​สำนัก​อริยะ​แห่ง​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ เขา​ไม่เพียง​มีคุณสมบัติ​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​สำนัก​เท่านั้น​ แต่​ยังมี​ความกล้าหาญ​มาก​ที่สุด​ด้วย​เช่นกัน​

หลัง​รอ​ราว​สอง​สามนาที​ ผิว​อุกกาบาต​ก็​สั่น​ไหว​ ตำหนัก​เทพ​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไปสั่นสะเทือน​ตาม​เบา​ๆ

ควัน​ขาว​นับไม่ถ้วน​ลอย​ออก​มาจาก​ร่อง​แยก​ใต้ดิน​ รวมตัว​เป็น​เมฆกลุ่ม​หนึ่ง​กลางอากาศ​เหนือ​อุกกาบาต​

“ท่าน​ผู้อาวุโส​ ข้าน้อย​ศิษย์​สาย​ตรง​ของ​สำนัก​อริยะ​แห่ง​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ มาส่งข้อความ​ให้​แก่​ท่าน​แทน​ท่าน​เจ้าสำนัก​ขอรับ​”

เสียง​ถ่ายทอด​ออก​ไปไกล​ กลายเป็น​การสั่น​ไหว​ลอย​ไปยัง​เมฆขาว​บน​อากาศ​

“ใน​เมื่อ​เขา​รับ​ดูแล​สำนัก​แล้ว​ ตอนนี้​มาหา​คนชรา​ที่​ละ​ทางโลก​อย่าง​ข้า​เพื่อ​อัน​ใด​กัน​” เสียง​ชรา​แห้งผาก​ดัง​มาจาก​ใน​ก้อน​เมฆ

“สำนัก​เรา​พบ​ศัตรู​ฉกาจ​ ท่าน​เจ้าสำนัก​ต้องการ​ให้​ผู้ชรา​ท่าน​ลงมือ​อีกครั้ง​…” สวี​เซ่าเช่อ​ประสานมือ​กล่าว​อย่าง​เคารพ​นอบน้อม​

“ปัจจุบัน​สำนัก​อ่อนแอ​ถึงขั้น​นี้​แล้ว​หรือ​” เสียง​ชรา​แฝงความ​จนใจ​และ​ผิดหวัง​

สวี​เซ่าเช่อนำ​จดหมาย​สีขาว​ออกมา​อีก​ฉบับ​ แล้ว​ส่งออก​ไป

จดหมาย​พลัน​พุ่ง​หาย​เข้าไป​ใน​ก้อน​เมฆบน​ท้องฟ้า​

ผ่าน​ไปเนิ่นนาน​ใน​ชั้น​เมฆก็​มีเสียง​ถอนใจ​ดัง​มา

“ข้า​เข้าใจ​แล้ว​ ต่อจากนี้​ข้า​จะไปเอง​”

วัน​ต่อมา​

สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ ระบบ​ดาวฤกษ์​โอว​ลา​

ดาวเคราะห์​สีน้ำเงิน​สามด​วงโคจร​รอบ​ดาวฤกษ์​ดวง​หนึ่ง​อย่าง​เชื่องช้า​ ดาวฤกษ์​ดวง​นี้​เล็ก​กว่า​ดาวฤกษ์​ทั่วไป​อยู่​มาก​ แต่​ไอ​ร้อน​กับ​รังสี​ที่​ปล่อย​ออกมา​กลับ​ไม่ได้​ด้อย​กว่า​เลย​

เดิมที​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​มีดาวเคราะห์​ห้า​ดวง​ ทว่า​หลังจาก​สาสน์​ท้า​รบ​ของ​ลู่​เซิ่งถูก​ส่งมา ก็​มีดาวเคราะห์​สอง​ดวง​กระโดด​ข้าม​มิติ​หาย​ไปจาก​ที่​เดิม​ ทิ้ง​ดาว​หลัก​สามดวง​สุดท้าย​ของ​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​เอาไว้​

ใน​อวกาศ​มืดมิด​เงียบสงัด​ ไร้​สรรพ​สำเนียง​ ไม่มีกลิ่นอาย​ใดๆ​

หลังจาก​ได้​ทราบ​ว่า​ที่นี่​จะถูก​เลือก​เป็น​สมรภูมิ​อนธการ​ สถานี​มิติ​กับ​เรือ​เหาะ​สังเกตการณ์​ที่​เดิมที​ยัง​กระจัดกระจาย​อยู่​รอบ​ๆ ก็​รีบ​เผ่นหนี​ไปทันที​

ดาว​รบ​ระหว่าง​ดวงดาว​ที่​เพิ่ง​ผ่าน​ทาง​มา ยิ่ง​กัดฟัน​เผาไหม้​เตา​แรงขับ​ให้​เกิน​ขีดจำกัด​ เพื่อ​กระโดด​ข้าม​มิติ​ไปยัง​ระบบ​ดาว​อีก​แห่ง​ที่อยู่​ไกล​แสน​ไกล​

ใน​อาณาเขต​หลาย​สิบ​ปีแสงรอบ​ๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิต​ใดๆ​ กล้า​หยุด​อยู่​แถว​นี้​

ศึก​ใหญ่​ระดับ​อนธการ​ระหว่าง​พันธมิตร​ดวงดาว​กับ​สัตว์​โบราณ​ ได้​ทำให้​ดาวเคราะห์​ที่​มีสิ่งมีชีวิต​และ​อารยธรรม​จำนวนมาก​ทราบ​แล้ว​ว่า​ ผู้​ที่อยู่​ชมดู​สงคราม​ระดับ​นี้​คือ​คน​ใกล้​ตาย​

เหมือนกับ​ก่อนหน้านี้​ตอนที่​ลู่​เซิ่งท้า​สู้เจ้าสำนัก​แปลง​วายุ​ แค่​คลื่น​หลงเหลือ​ก็​ทำลาย​ดาวเคราะห์​ไปแล้ว​สอง​ดวง​

“ความจริง​มีแค่​ดวง​เดียว​ที่​โดน​ลูกหลง​ พวกเขา​ไม่ทราบ​ว่า​มีดวง​หนึ่ง​ถูก​ท่าน​ที่​กำลัง​อับอาย​พลัน​เป็น​โทสะ​ฟัน​จน​ระเบิด​” จันทรา​ม่วง​ออกจาก​เรือ​เหาะ​ผลึก​มาอยู่​ข้าง​ลู่​เซิ่ง นาง​กล่าว​อย่าง​จนปัญญา​ขณะ​มองดู​ระบบ​ดาว​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​

เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​ที่​ออกจาก​เรือ​เหาะ​ตามหลัง​ลู่​เซิ่ง ก็​ถอนใจ​เช่นกัน​

“นั่น​เป็น​ดาวเคราะห์​สมบูรณ์​ที่​มีระดับ​ความก้าวหน้า​สูงสุดขีด​ กลับ​ต้อง​เสียเปล่า​ไปเช่นนี้​ โดน​ฟัน​แบบนี้​สิ้นเปลือง​เกินไป​เสีย​จริง​”

“ก็​ตอนนั้น​ข้า​ไม่ทราบ​คุณค่า​ไม่ใช่หรือ​ ตอนนี้​รู้​แล้ว​ ดังนั้น​ครั้งนี้​ข้า​จะอดกลั้น​หน่อย​ พยายาม​เหลือ​อะไร​เอาไว้​บ้าง​” ลู่​เซิ่งตอบ​ด้วย​รอยยิ้ม​

“ตื่นเต้น​ไหม​” จันทรา​ม่วง​ถาม หลัง​ทราบ​สถานการณ์​รบ​ของ​สำนัก​แปลง​วายุ​ นาง​ก็​ตกตะลึง​ทันที​ จากนั้น​ก็​วาง​เรื่อง​ทุกอย่าง​ใน​มือ​ลง​ แล้ว​บิน​มาร่วม​ปฏิบัติการ​กับ​คน​ทั้งสอง​ด้วยตัวเอง​

นาง​เคย​ทำลาย​สำนัก​มาบ่อยครั้ง​ แต่​การ​ทำลาย​สำนัก​ใหญ่​ระดับ​อนธการ​แบบนี้​เพิ่งจะ​เป็นครั้งแรก​จริงๆ​

เป็นที่ยอมรับ​โดย​ทั่วกัน​ว่า​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​นั้น​สังหาร​ได้​ยาก​ แต่​ไม่ได้​หมายความว่า​พวกเขา​ไร้​เทียมทาน​ อนธการ​มาก​ประสบการณ์​ต่าง​ก็​มีวิชา​ปิดผนึก​ที่​แข็งแกร่ง​ซึ่งเอาไว้​ใช้เล่นงาน​มาร​สวรรค์​มายา​พิศวง​โดยเฉพาะ​ทั้งนั้น​

ใน​เมื่อ​เดิมพัน​ข้าง​ลู่​เซิ่งแล้ว​ นาง​ก็​ต้อง​เปลือง​แรง​ป้องกัน​ไม่ให้​ทาง​นี้​เกิด​อุบัติเหตุ​ กลายเป็น​เอา​ตะกร้า​สาน​ไปตัก​น้ำ​

ดังนั้น​เพื่อ​แสดง​ความจริงใจ​ นาง​จึงได้​ทุ่มทุน​จริงๆ​

“ใน​เมื่อ​สหาย​ลู่​ตัดสินใจ​แล้ว​ว่า​จะลงมือ​ตามลำพัง​ เช่นนั้น​บางที​นี่​อาจจะ​ช่วย​ท่าน​ได้​”

จันทรา​ม่วง​ถอด​ปิ่น​สีหยก​ม่วง​อัน​หนึ่ง​ออกจาก​ผม​ของ​ตัวเอง​เบา​ๆ

ลู่​เซิ่งรับ​มาพิจารณา​ดู​ สัมผัส​พลัง​แข็งแกร่ง​ที่​บรรจุ​อยู่​ด้านใน​ได้​ทันที​

“ขอบคุณ​”

เวลานี้​กลาง​ระบบ​ดาว​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไปมีจุด​แสงสีเหลือง​อ่อน​กลุ่ม​หนึ่ง​ปรากฏ​ออกมา​

จุด​แสงที่​ใหญ่​ที่สุด​ปรากฏ​ผู้​บำเพ็ญ​สตรี​เสื้อคลุม​สีเหลือง​วัยกลางคน​รูปโฉม​เปล่งปลั่ง​เย็นชา​คน​หนึ่ง​

“ลู่​เซิ่ง มาร​ร้าย​เช่น​เจ้ากล้า​มาบุก​ที่ตั้ง​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ของ​พวกเรา​ ยัง​ไม่รีบ​ถอย​ไปอีก​ ไม่อย่างนั้น​หาก​ข้า​ระเบิด​พลัง​อาคม​ใน​สำนัก​ จะต้อง​ทำให้​เจ้า…”

“พอ​สักที​ หยุด​กล่าว​วาจา​ไร้สาระ​ได้​แล้ว​ หัวหน้า​พวก​เจ้าเล่า​ ออกมา​สู้กัน​สัก​ยก​ ถ้าชนะ​ข้า​จะไป ถ้าแพ้​สำนัก​พวก​เจ้าพินาศ​ ทำ​อะไร​ให้​มัน​ง่ายๆ​ หน่อย​!” ลู่​เซิ่งส่งกระแสเสียง​อย่าง​หงุดหงิด​

ส่งสาสน์​ท้า​รบ​ไปแล้ว​แท้ๆ​ อีก​ฝ่าย​ยัง​ส่งขยะ​มาผลาญ​เวลาเล่น​อีก​ เขา​ไม่มีเวลา​มาเสียเปล่า​กับ​คน​พวก​นี้​หรอก​

พอ​คน​กลุ่ม​นี้​ถูก​โต้​ สีหน้า​ก็​เปลี่ยนแปลง​เล็กน้อย​ นับว่า​ทราบ​นิสัย​ของ​ลู่​เซิ่งแล้ว​

ครั้น​ได้รับ​คำตอบ​ โฉมสะคราญ​วัยกลางคน​ใจร้อน​คน​นั้น​พลัน​โมโห​ กำลังจะ​ด่าทอ​ ก็​ถูก​คน​หลาย​คน​ด้านหลัง​ฉุดลาก​กลับ​ไป

เปลี่ยนเป็น​บุรุษ​วัยกลางคน​สวม​แว่นตา​อีก​คน​ออกมา​แทน​ เขา​โค้ง​ตัว​คำนับ​

“ใน​เมื่อ​ผู้อาวุโส​ลู่​มาถึง เช่นนั้น​ขอ​เชิญมาสำนัก​ใหญ่​ของ​เรา​สักครั้ง​เถอะ​ เจ้าสำนัก​รอ​อยู่​นาน​แล้ว​ เพียงแต่​ไม่ทราบ​ว่า​ผู้อาวุโส​ลู่​กล้า​ก้าว​เข้า​ประตู​สำนัก​ใหญ่​ของ​เรา​หรือไม่​” บุรุษ​แย้มยิ้ม​ มองดู​ก็​รู้​ว่า​ไม่จริงใจ​ เป็น​พวก​หน้าเนื้อใจเสือ​

“มีอัน​ใด​ไม่กล้า​ อย่างไร​อีกไม่นาน​พวก​เจ้าแพ้​ ที่นี่​ก็​ตกเป็นของ​ข้า​ทั้งหมด​แล้ว​” ลู่​เซิ่งเลิกคิ้ว​แล้ว​บิน​เข้าไป​

อย่างไร​เขา​ก็​เพิ่ง​ตอบรับ​พวก​จันทรา​ม่วง​ไปว่า​จะเก็บ​ทรัพย์สิน​ดาวเคราะห์​ไว้​ เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​หลังจาก​สู้กัน​เสร็จ​เหลือ​ของ​อยู่​แค่​ไม่กี่​อย่าง​

คน​กลุ่ม​หนึ่ง​ห้อมล้อม​ลู่​เซิ่งบิน​ไปยัง​ดาวเคราะห์​สีน้ำเงิน​ดวง​หนึ่ง​ที่อยู่​ตรง​ใจกลาง​

หลัง​กระโดด​ข้าม​มิติ​สอง​สามครั้ง​ ลู่​เซิ่งก็​เข้าไป​ใกล้​ดวงดาว​

เขา​สัมผัส​ผ่าน​บรรยากาศ​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไปได้​ว่า​ บน​ผิว​ดาว​มีกลิ่นอาย​ยิ่งใหญ่​กลุ่ม​หนึ่ง​ยึดครอง​อยู่​

กลิ่นอาย​นั้น​เดี๋ยว​หายใจเข้า​เดี๋ยว​หายใจออก​ ทำให้​ดาวเคราะห์​ทั้ง​ดวง​ดูดซับ​กลืน​กิน​รังสี​พลังงาน​จาก​จักรวาล​รอบ​ๆ ตลอดเวลา​

ตรงกลาง​กลิ่นอาย​มีตำหนัก​หยก​ขาว​ขนาด​มหึมา​สลัก​ลวดลาย​เหมือน​ขนนก​อยู่​นับไม่ถ้วน​

สอง​ฟาก​ของ​ตำหนัก​มีความ​บิดเบี้ยว​สอง​กลุ่ม​คล้าย​หลุมดำ​กำลัง​กะพริบ​อยู่​

ลู่​เซิ่งมองดู​ก็​รู้​ว่า​เป็น​หลุมพราง​ ทั้ง​ยัง​ไม่ใช่กระบวนท่า​ธรรมดา​ เห็นได้ชัด​ว่า​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​มีการ​เตรียมการ​ไว้​ตั้ง​แต่ต้น​ การ​เชื้อเชิญ​ใน​ครั้งนี้​จะต้อง​เป็น​งานเลี้ยง​หง​เห​มิน[​1] ที่​มีกับดัก​ซุ่มอยู่​แน่นอน​

“เจ้าสำนัก​จัดเตรียม​งานเลี้ยง​รอ​ผู้อาวุโส​ลู่​อยู่​ใน​ตำหนัก​แล้ว​ เชิญ”

บุรุษ​วัยกลางคน​เตือน​ด้วย​ใบหน้า​นอบน้อม​

“เตรียม​งานเลี้ยง​หรือ​” ลู่​เซิ่งมอง​เขา​ปราด​หนึ่ง​ “เตรียม​ไปเพื่อ​อะไร​ พวก​คน​ต่ำต้อย​มาก​เล่ห์​อย่าง​พวก​เจ้าประเมิน​ความกล้า​ของ​ข้า​ได้​หรือ​ นำทาง​! ”

เขา​แค่น​เสียง​ ยืน​เอา​มือ​ไพล่หลัง​ ดู​มีบุคลิก​ทีเดียว​

ทุกคน​สีหน้า​แข็งทื่อ​ ก้มหน้า​ไม่กล้า​พูดมาก​อีก​ เพียง​นำทาง​ไปเท่านั้น​

ลู่​เซิ่งบิน​ตาม​พวกเขา​ ยิ่ง​ใกล้​ตำหนัก​เท่าไร​ ความ​บิดเบี้ยว​สอง​กลุ่ม​ที่​เหมือน​หลุมดำ​ก็​ยิ่ง​มอบ​ความรู้สึก​คุกคาม​ให้​แก่​เขา​

และ​ใน​ตอนที่​เข้าใกล้​ชั้น​บรรยากาศ​ เขา​ก็​หยุด​ลง​

“เอา​ตรงนี้​ก็แล้วกัน​! การ​ตัดสิน​ของ​พวกเรา​อย่า​ให้​ลาม​ไปถึงคนบริสุทธิ์​เลย​ ป้องกัน​ไม่ให้​สิ่งมีชีวิต​บน​ดาวเคราะห์​สูญสิ้น​” เขา​ยกมือ​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ทันที​

“ผู้อาวุโส​ลู่​คง​ไม่ได้​กลัว​กระมัง​” บุรุษ​วัยกลางคน​ผู้​นั้น​มอง​เขา​คล้าย​ยิ้ม​คล้าย​ไม่ยิ้ม​

“ข้า​กลัว​หรือ​” ลู่​เซิ่งหรี่ตา​

ทันใดนั้น​เขา​ยก​มือขึ้น​ฟาด​ใส่

เปรี้ยง​!

ร่าง​ท่อน​บน​ของ​บุรุษ​วัยกลางคน​ถูก​ตี​จน​ระเบิด​! กลายเป็น​เศษเนื้อ​ จิตวิญญาณ​ถูก​ทำลาย​กระจัดกระจาย​ไปในทันที​เช่นกัน​

คนอื่น​ตอบสนอง​ไม่ทัน​ ถูก​ชิ้นส่วน​ที่​แตก​กระจาย​ออกมา​กระแทก​ใส่จน​เต็มไปด้วย​รู​พรุน​ เสียชีวิต​ทันที​

เลือดเนื้อ​กระจาย​ว่อน​กลาง​ความว่างเปล่า​ผืน​นี้​ น่าอนาถ​จน​ทน​ดูไม่ได้​

จันทรา​ม่วง​กับ​เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​ที่​ติดตาม​อยู่​ด้านหลัง​หนังตา​กระตุก​เล็กน้อย​ เริ่ม​เข้าใจ​นิสัย​ของ​ลู่​เซิ่งมากขึ้น​แล้ว​

“ก่อนหน้านี้​ที่​ไม่ฆ่าพวก​เจ้า ก็​เพราะ​ข้า​รังเกียจ​การ​ข่มเหง​คนอ่อนแอ​ แต่​ขยะ​อย่าง​พวก​เจ้ากล้า​กล่าว​วาจา​เยาะเย้ย​ ไม่รู้จัก​ที่​ตาย​” ลู่​เซิ่งชัก​มือ​กลับ​ ตอนนี้​ไม่เหลือ​คนนำทาง​แล้ว​

“ตอนนี้​ยัง​จะไปต่อ​หรือไม่​” จันทรา​ม่วง​ถามอย่าง​ระอา​

“ไม่มีคนนำทาง​แล้ว​ คน​ที่​ไม่รู้​มารยาท​แบบนี้​ ไปต่อ​กับ​ผายลม​สิ” ลู่​เซิ่งโมโห​

พวก​จันทรา​ม่วง​สูด​ลมหายใจ​เย็นเยียบ​

คนนำทาง​ถูก​ท่าน​ฆ่าไปแล้ว​ ย่อม​ไม่จำเป็นต้อง​ไปต่อ​หรือ​…ความ​หน้าด้าน​นี้​…

“แล้ว​ตอนนี้​จะทำ​อย่างไร​ดี​” เจิ้งเจวี๋ยซ​วิน​รู้สึก​ว่า​พวก​นาง​สามคน​ลอยหน้าลอยตา​อยู่​หน้า​ประตู​บ้าน​คนอื่น​แบบนี้​ ออกจะ​กระอักกระอ่วน​เล็กน้อย​

“จะทำ​อย่างไร​ได้​เล่า​ ลุย​เลย​!” ลู่​เซิ่งกระโดด​ขึ้นไป​ ร่าง​พลัน​ระเบิด​ออก​ เผย​ร่าง​จริง​ออกมา​ แล้ว​ฟัน​ใส่ดาวเคราะห์​

ใบหน้า​สามใบ​หน้าหนึ่ง​ใหญ่​สอง​เล็ก​บน​ร่าง​หลัก​มหึมา​มากกว่า​หมื่น​หมี่​ พ่น​ไอ​ดำ​ออกมา​พร้อมกัน​ พวก​มัน​รวมตัว​เป็น​ดาบ​ดำ​ยักษ์​ สอง​มือจับ​ด้าม​ดาบ​ แล้ว​ใช้พละกำลัง​ทั้งหมด​ฟัน​ลง​ด้านล่าง​อย่าง​ดุดัน​

“ผลาญ​ดวงดาว​!”

ดาบ​ดำ​ขนาด​ยักษ์​ฟัน​ใส่คน​ของ​สำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ที่ตั้ง​ทัพ​รอ​รับ​อยู่​บน​ผิว​ดาว​

สำหรับ​ผู้​บำเพ็ญ​บน​ดาวเคราะห์​ ดาบ​นี้​เหมือนกับ​ท้อง​นภา​ถล่ม​ลงมา​ ฟ้ามืด​ลง​ใน​เวลา​สั้น​ๆ

ดาบ​ยักษ์​ขนาด​หลาย​แสน​หมี่​ฟัน​ลง​อย่าง​ดุดัน​ เหมือน​ดาบ​ดำ​ขนาด​ยักษ์​ที่​พาด​ขวาง​ท้องฟ้า​ใน​ครั้ง​ที่​เผ่า​ผลึก​ม่วง​สิ้น​สูญ

พลัง​คม​ดาบ​น่า​หวาดผวา​จน​ทำให้​คน​สิ้นหวัง​ ฟัน​ใส่ตรงกลาง​ตำหนัก​ยักษ์​อย่าง​จัง

“โอหัง​!” กลิ่นอาย​ยิ่งใหญ่​สาย​หนึ่ง​ระเบิด​ขึ้น​จาก​ด้านใน​ตำหนัก​ ประกาย​กระบี่​แหลมคม​สีขาว​ปลอด​แทง​ใส่ดาบ​ดำ​

ติ๊ง!​

ดาบ​ดำ​ตรงจุด​ที่​ถูก​ประกาย​กระบี่​แทง​ใส่พา​กัน​กัน​แหลก​สลาย​ แต่​คลื่น​หลงเหลือ​ใน​จุด​อื่นๆ​ มีพื้นที่​ใหญ่​เกินไป​ ประกาย​กระบี่​เพียงพอ​จะทำลาย​พื้นที่​ราว​ครึ่งหนึ่ง​ได้​เท่านั้น​ จากนั้น​ก็​หมด​พลัง​ โดน​ไอ​ดำ​ที่อยู่​บน​ดาบ​กลืน​กิน​โดยสิ้นเชิง​

ตูม​!

คม​ดาบ​ฟัน​ใส่ผิว​ดาวเคราะห์​อย่าง​รุนแรง​

ดาวเคราะห์​ทั้ง​ดวง​พลัน​สั่น​ไหว​ การ​หมุนรอบ​ตัวเอง​หยุด​ลง​ ลำแสง​สีขาว​บริสุทธิ์​หลาย​สาย​พุ่ง​ออก​มาจาก​แกน​ดาว​

“ลู่​เซิ่ง!” เสียงคำราม​โกรธเกรี้ยว​ดัง​มาจาก​ใน​ตำหนัก​

เจ้าสำนัก​วิญญาณ​ไตร​อริยะ​ห​ลี่​ซิว​ลา​ถือ​กระบี่​คู่​โผ​ขึ้น​ฟ้า ทั่ว​ตัว​ปล่อย​เงากระบี่​กึ่ง​โปร่งแสง​จำนวน​เหลือ​คณานับ​ราวกับ​ดวงอาทิตย์​

“ข้า​จะฆ่าเจ้า! ค่าย​กล​กระบี่​ลวง​ฟ้า! สังหาร​”

……………………………………….

[1] งานเลี้ยง​หง​เห​มิน​ หมายถึง​ งานเลี้ยง​ที่​มีวัตถุ​ประสงค์ร้าย​ซุกซ่อน​อยู่​ มาจาก​เรื่องราว​ใน​ประวัติศาสตร์​ที่​เซี่ยง​หยี่​เชิญชวน​หลิว​ปังไปร่วมงาน​เพื่อ​หลอก​ฆ่า

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท