ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 336 พายุต้อนรับชายประหลาด-2

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 336 พายุต้อนรับชายประหลาด-2

ชายประหลาดผู้นี้ไม่มีสหายสักคน

อย่างน้อยก็ไม่มีในเมืองขนาดเล็กนี้

เขาจึงไม่มีใครให้พูดคุยด้วยได้

ที่จริงเขารอคอยการจัดซื้อทุกสามเดือนอย่างยิ่ง

เพราะเจ้าหนุ่มขายผักคนหนึ่งในนั้นทำให้เขาชอบใจนัก

ทุกครั้งที่มาเขาก็จะเชิญอีกฝ่ายไปทานอาหารดื่มสุราในคฤหาสน์ของตน

ทั้งยังจ่ายค่าผักให้เขาสามเท่า

แต่เจ้าหนุ่มขายผักคนนี้ก็ไม่อาจนับเป็นสหายของเขา

ได้เพียงนับเป็นคนหนุ่มคนหนึ่งที่เขาค่อนข้างชื่นชม

แม้คนอื่นจะคิดว่าคนหนุ่มขายผักมีจุดไหนน่าสนใจหรือควรค่าให้ชื่นชม

แต่เขาก็ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเช่นนี้

ที่ชายประหลาดผู้นี้แปลกประหลาดเพราะเขาแตกต่างจากคนอื่น

หากเขาคิดเหมือนคนอื่นว่าชายหนุ่มแสนดีที่ขายผักเลี้ยงชีพทุกวันไม่คิดจะก้าวหน้ามีอนาคต เช่นนั้นเขาก็ไม่ใช่ชายประหลาดแล้ว

ข้อดีของการไม่มีสหายคือเขาตัดปัญหาไปไม่น้อย

เขามีเงินเยอะ ไม่จำเป็นต้องขอให้คนอื่นช่วย

และปัญหาของคนมีเงินส่วนใหญ่มาจากสหาย

ถ้าไม่มีสหายก็ย่อมไม่มีปัญหาเหล่านั้นแล้ว

เวลาส่วนใหญ่เขาพอใจที่ตัวเองสบายอารมณ์เช่นนี้

มีน้อยครั้งที่เขาอยากหาคนมาคุยด้วยเหลือเกิน

แต่เขารู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของปลอม

หากไม่มีเขาและไม่มีเงินทองของเขาเกื้อหนุน

ไม่นานที่นี่ก็จะกลายเป็นทะเลทรายโกบีที่อ้างว้างไร้ผู้คน

ไม่เห็นดอกไม้แดงหญ้าเขียวชอุ่มอีกต่อไป

ยามนี้เขามักออกแรงสะบัดหัวทุกครั้ง

คล้ายอยากกำจัดความคิดที่อาจทำลายความจริงตรงหน้าเช่นนี้ออกจากสมอง

ตราบใดที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เขาสร้างให้ตัวเองต่อไป เขาก็เบิกบานและมีความสุข

เวลานานเข้าเขาก็เคยชินแล้ว

กระทั่งคนมากมายในหมู่คนรับใช้ของเขาก็รู้สึกว่าเมืองขนาดเล็กนี้มีอยู่จริงและดำเนินไปเช่นนี้

แต่เมื่อความคิดที่อาจทำลายความเป็นจริงของชายประหลาดผุดขึ้นในหัว มันก็ไม่ได้หยุดยั้งง่ายดายปานนั้น

ปกติวิธีรับมือของเขาคือการดื่มหนัก

ดื่มในร้านสุรา ร้านอาหารและร้านน้ำชาในเมืองทั้งหมด

ดื่มจากสุดตะวันออกถึงสุดตะวันตก

เพราะคฤหาสน์หลังสุดท้ายในสิบแปดหลังของเขาก็อยู่สุดฝั่งตะวันออก

ดื่มเสร็จแล้วเขาก็จะกอดเสาหน้าประตูคฤหาสน์ของตนอาเจียนเสียงดัง

เขาเสียงดังมาก

วันปกติหัวเราะลั่นดังทอดไปครึ่งเมือง

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงอาเจียนอย่างทรมานหลังดื่มหนักเช่นนี้

ทุกครั้งที่เขาดื่มหนักล้วนเป็นคืนที่ทั้งเมืองขนาดเล็กนอนไม่หลับ

จนเขาอาเจียนสุรากับอาหารในกระเพาะหมดเกลี้ยง

หากวางเรื่องเช่นนี้ไว้บนตัวเศรษฐีคนอื่น ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

เพราะเศรษฐีล้วนอยากมีหน้า

สาเหตุสำคัญที่คนรวยมีเงินเพราะหน้าพวกเขามีราคา

แต่คนมีเงินใช้เงินก็เพราะการรักษาหน้าของตนมักมีราคาแพง

ทว่าทั้งเมืองขนาดเล็กนี้ล้วนเป็นของเขาจึงไม่ต้องพยายามรักษาหน้าอะไรมากมาย

ความจริงชายประหลาดผู้นี้มีพลังยุทธ์

แม้ไม่มีใครรู้ว่าสูงเท่าไร

แต่อาศัยแค่เขายกค้อนเหล็กหนักหลายสิบจินทั้งวันเต็มๆ โดยไม่เหน็ดเหนื่อยก็ดูออกได้ว่าขั้นฝึกตนของเขาคงไม่ต่ำเป็นแน่

แล้วเหตุใดเขาไม่เคลื่อนพลังปราณกำจัดความมึนเมาเล่า

อาจเพราะเขาตระหนักรู้ถึงสภาพตัวเองแค่ตอนอาเจียนหลังดื่มหนัก

ชีวิตที่สุขสบายมักทำให้คนอยากมีอุปสรรคเล็กน้อย

และอุปสรรคในสายตาชายประหลาดก็คือความเจ็บปวด

ความทุกข์จากการอาเจียนหลังดื่มเมาเป็นความเจ็บปวดที่เขาหาได้ง่ายที่สุด

จะอย่างไรเขาก็ยังไม่ประหลาดถึงขั้นใช้แส้ฟาดตัวเองหรือใช้ดาบกระบี่ฟันตัวเอง

การเมาหนักแล้วอาเจียนบ่อยครั้ง

ทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดที่แท้จริงและลืมความกลัดกลุ้มที่อาจทำลายความเป็นจริงของเมื่อวานหมดสิ้น

วันต่อมาก็เพลิดเพลินกับความสงบสุขอันยาวนานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

แต่วันนี้เขามีวิธีทรมานแบบใหม่

นั่นก็คือการคิดไม่ตก

การคิดปัญหาหนึ่งไม่ตกเป็นเรื่องทรมานยิ่งกว่าอาเจียนหลังดื่มเมา

คนเรามักไม่ได้สิ่งที่ต้องการและไม่ได้ในสิ่งที่ร้องขอหรือเกลียดชัง แต่จะไม่ยอมปล่อยวางเรื่องที่กลัดกลุ้ม

แต่เขามีทุกอย่างแล้ว

ย่อมไม่มีความกังวลในขั้นนี้

แต่เมื่อสูญเสียสิ่งที่มีหรือสิ่งที่เขาทำเองกับมือ

กลับทำให้เขารู้สึกเศร้าเป็นเท่าตัว

เหมือนตอนนั้นที่หนานเจิ้นบอกว่าอย่างไรก็ไม่ยอมขายรถเข็นสี่ล้อของตัวเองทิ้ง

ยามนี้สิ่งของก็คือสัญลักษณ์และการพึ่งพิงอย่างหนึ่ง

แม้ได้แต่วางคลุกฝุ่นไม่สะดุดตาอยู่ตรงนั้น

แต่เมื่อหายไปกลับทำให้คนเดือดเป็นฟืนไฟ

ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่ความอาวรณ์

แต่เป็นความเคยชิน

ระหว่างคนด้วยกันก็เป็นเช่นนี้

ที่กล่าวว่ามิตรภาพของสัตบุรุษบริสุทธิ์เหมือนน้ำก็เป็นแค่คำเทศนา

หากสหายไม่พบหน้าไม่ติดต่อกันนาน

สู้ไม่มีสหายผู้นี้เลยเสียดีกว่า

ในเมื่อเป็นสหายก็ต้องพบหน้าบ่อยติดต่อกันเสมอ

แม้ไม่มีเรื่องจริงจังอะไรให้พูด

แต่การนั่งอยู่ด้วยกันก็เป็นความเพลิดเพลินและผ่อนคลายอย่างหนึ่ง

สหายที่ไม่พบหน้าและไม่ติดต่อยังไม่สู้หมาจรจัดตัวหนึ่งในซอยที่เห่าโฮ่งๆ ทุกครั้งที่เห็นเจ้า

ก็เป็นหมาจรจัดตัวนี้นี่ละ วันหนึ่งตอนเจ้าเดินผ่านซอยนี้แล้วเกิดพบว่ามันไม่อยู่หรือไม่เห่าใส่แล้ว เจ้าก็จะรู้สึกกลัดกลุ้มเหมือนขาดอะไรไป

ชายประหลาดผู้นี้สูบยาเส้นไม่เป็น

และตอนครุ่นคิดปัญหายิ่งดื่มสุราไม่ได้

เพราะเมื่อดื่มสุราก็จะดื่มจอกแล้วจอกเล่า ยิ่งดื่มยิ่งเยอะ

สุดท้ายก็จะลืมเรื่องที่ตัวเองครุ่นคิดไปหมดสิ้น กลายเป็นจดจ่อว่าจะดื่มสุราเพิ่มอีกไหได้หรือไม่

ตอนเดินวนรอบเมืองของตน เขาอยากเข้าร้านสุราไปดื่มหลายครั้งหลายหน

แต่เขาก็อดใจไว้

แม้ของที่หายไม่มีราคาและไม่สำคัญ

แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ

ตอนเขาวนถึงรอบที่สอง สายตากลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมฉับพลัน

จ้องทุกคนในเมืองเหมือนกำลังจ้องโจร

แม้การขู่ขวัญด้วยสายตานี้ไม่มีประโยชน์อันใด

แต่ก็เหมือนเขาเดินเล่นอย่างไร้จุดหมายอยู่ในเมืองรอบแล้วรอบเล่า

เพียงเพื่อทำให้ตัวเองมีจุดรวมสมาธิเท่านั้น

ในยามนี้เอง เขาพลันนึกถึงคนคนหนึ่ง

คนที่ไม่นับเป็นสหายแต่อยู่ใกล้เขาที่สุดและยังนับได้ว่าเคยคุยกันหลายประโยค

นายท่านจิน

แต่เขากับนายท่านจินก็ไม่ได้คบค้าอะไรกันมากมาย

แต่ไรมาเขาก็ออกเงินซื้อแร่เหล็กและงานหลอม นายท่านจินรับเงินแล้วสร้างสิ่งที่เขาต้องการออกมา จากนั้นส่งมอบให้กับเขา

แต่สิ่งที่นายท่านจินสร้างล้วนทำให้เขาพึงพอใจได้ทุกครั้ง

ไปๆ มาๆ ก็เริ่มรู้สึกดีกับนายท่านจิน

จากที่เขาสร้างเมืองให้ตัวเองได้ทั้งเมืองก็ดูออกได้ว่าชายประหลาดผู้นี้เป็นคนปิดกั้นตัวเองอย่างยิ่ง

และบนโลกนี้ไม่มีใครบังคับให้เขาทำอะไรได้แล้ว

แต่เดิมบนโลกก็มีเรื่องเช่นนี้มากมาย

แม้ไม่มีใครบังคับเจ้า แต่เจ้าก็ต้องทำอยู่ดี

ไม่ว่าเจ้ายินดีหรือไม่ก็เป็นเช่นนี้

เมื่อเขาจ้องทุกคนในเมืองครบหมดแล้ว เขาเกิดอยากไปหานายท่านจิน

แม้ช่วงนี้สมองเขาว่างเปล่า ไม่มีความคิดใดอยากให้นายท่านจินสร้างสิ่งของให้เขา

แต่เขาก็อยากไปหานายท่านจิน

คนเรามักต้องการระบาย

แม้เขานึกภาพตอนเจอนายท่านจินไว้แล้วว่าตนอาจพูดไม่ออกสักประโยค แต่เขายังคงเดินออกจากเมืองขนาดเล็กของตนอย่างไม่หวั่นใจ

เมืองขนาดเล็กแห่งนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจวนนายท่านจิน

หากขี่ม้าเร็วครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว

แต่ชายประหลาดจะไม่ทำสิ่งใดตามที่ควรจะทำ

เขาเลือกเดินเท้า

พายุรอบเหมืองแร่จะสงบลงครู่หนึ่งแค่ตอนตะวันเบิกฟ้า

แต่สงบลงก็ใช่ว่าจะไม่มีลมเลย

แค่น้อยกว่าเวลาอื่นมากเท่านั้น

แต่เมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้น พายุทรายก็แรงขึ้นเช่นกัน

ถนนที่เคยใกล้กลับเดินกว่าครึ่งค่อนวันจึงจะถึง

ผู้คุ้มกันหน้าประตูจวนนายท่านจินย่อมรู้จักเขา

เพราะใครก็ลืมฉากที่เขาลากคันรถใส่กระบี่กว้างและหนาเท่าบานประตูเล่มนั้นกลับไปไม่ลง

ดังนั้นเห็นเขาแต่ไกลแล้วจึงรายงานให้ผู้ดูแลจวนทราบ

ที่ผู้ดูแลจวนนายท่านจินกลายเป็นผู้ดูแลจวนได้ไม่ใช่เพราะดาบในมือเขาเคยเลื่องชื่อลือชาในยุทธภพ

แต่เป็นเพราะเขารู้แจ้งในทางโลกชนิดที่คนอื่นยากจะทำได้

ผู้ดูแลจวนรู้ว่านายท่านจินเจ้านายตัวเองเกลียดเวลาคนอื่นมารบกวนตอนกำลังทำบางอย่างที่สุด

เพียงแต่ทุกสิ่งล้วนมีข้อยกเว้น

ตอนเขาแข่งดื่มสุรากับเสี่ยวจีหลิงและหลิวรุ่ยอิ่งก่อนหน้านี้ การตายของคุณชายจินซื่ออวี่ก็คือข้อยกเว้นอย่างหนึ่ง

ตอนนี้เขากำลังเลี้ยงต้อนรับเสี่ยวจีหลิงกับหลิวรุ่ยอิ่ง การมาเยือนของชายประหลาดก็เป็นข้อยกเว้น

เขาจัดการข้อยกเว้นได้ชะงัดเสมอ

เพียงแต่เกิดสองข้อยกเว้นติดกันในวันเดียวก็ทำให้เขารู้สึกว่าบังเอิญเกินไปจริงๆ

คนคนหนึ่งตายแล้ว

แต่อีกคนหนึ่งกลับมาเยือนอีกครั้ง

คล้ายทดแทนที่ว่าง

ตอนชายประหลาดผู้นี้เดินถึงหน้าประตูจวนนายท่านจิน นายท่านจินยืนต้อนรับเขาอยู่หน้าประตูแล้ว

หลิวรุ่ยอิ่งพร้อมกับหวาหนงและเสี่ยวจีหลิงก็ตามมาด้วย

ทุกคนล้วนอยากเจอชายประหลาดผู้นี้สักครั้ง

โดยเฉพาะเสี่ยวจีหลิง

แม้เขาไม่ได้เป็นคนประหลาด แต่กลับชอบพูดคุยกับคนประหลาดที่สุด

สำหรับเขาแล้วคนประหลาดไม่ได้แปลก

แต่มีความพิเศษ

คนมีความพิเศษมักมีด้านที่โดดเด่นกว่าใคร

โดยเฉพาะวิธีทำสิ่งต่างๆ หรือมุมมองในการคิดแก้ปัญหา โดยทั่วไปก็จะคิดสิ่งใหม่จากสิ่งเก่าทำให้คนเกิดแนวคิดกะทันหัน

และเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เสี่ยวจีหลิงต้องการ

หน้าร้อนผ่านไปเร็วนัก

หนึ่งปีมีแค่สี่ฤดูกาล

และเสี่ยวจีหลิงเพิ่งรวบรวมสิบเรื่องเล่าในตำนานที่เกี่ยวกับปีนี้มาได้สามเรื่อง

ดังนั้นเขาต้องขยันหน่อยไม่ใช่หรือ

ไม่ปล่อยคนมีความพิเศษคนใด

ไม่ปล่อยเรื่องราวโดดเด่นเรื่องใด

“เหตุใดท่านถึงเดินมา”

นายท่านจินออกปากถามก่อน

เขาคุ้นเคยกับลูกค้าเก่าของตน

ถึงเขาจะไม่รู้ว่าชายประหลาดใช้เวลาส่วนใหญ่ไปโดยเปล่าประโยชน์ตอนใช้ชีวิตอยู่ในเมืองขนาดเล็กของตนก็ตาม

นายท่านจินจำได้แค่อีกฝ่ายไปเร็วมาเร็วทุกครั้งที่มาจวนของตนเพื่อให้ตนสร้างสิ่งของ

พอได้ขี่บนหลังม้า ม้าก็จะไม่หยุดลง

ฉวยมือโยนพิมพ์เขียวสองสามแผ่นที่บันทึกความคิดของตนแล้วก็หมุนกายหายไปในพายุ

เดินมาอย่างเชื่องช้าเช่นวันนี้กลับเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก

“ข้าอยากตากลมหน่อย”

ชายประหลาดกล่าว

จากนั้นหันกายไปรับสายลม

ความแรงของพายุทรายทำให้เขาลืมตาไม่ขึ้นเล็กน้อย

แต่ยังคงไม่อาจพัดความฉงนในหัวเขาออกไป

เขายืนนิ่งอยู่หน้าประตูเป็นนาน สุดท้ายถึงเดินเข้าจวนนายท่านจิน

“ตากลมเสร็จแล้วต้องดื่มสุราเสียหน่อย”

นายท่านจินกล่าว

“ดี”

ชายประหลาดครุ่นคิดอยู่นานและพยักหน้ากล่าว

เพียงแต่สายตาของเขายังคงมุ่งตรง

ไม่ได้หยุดค้างอยู่ที่ตัวผู้ใด

จะว่ากวาดมองก็ไม่ใช่

โดยปกติหากคนเป็นเช่นนี้ต้องเป็นการแสดงความเย่อหยิ่งแน่นอน

เพียงแต่หลิวรุ่ยอิ่งมองออกถึงความกังวลในดวงตาของเขา

นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาอยู่กับคนแปลกหน้ามากมายเช่นนี้

แม้นายท่านจินไม่นับเป็นคนแปลกหน้า แต่ก็ไม่ถึงขั้นสนิทสนมอะไร

ส่วนคนที่เหลือเขายิ่งไม่เคยพบหน้าเลยสักครั้ง

ทว่าการดื่มสุราเป็นเรื่องสุขใจผ่อนคลายยิ่งอย่างหนึ่ง

หากคนคนหนึ่งต้องไปทำเรื่องผ่อนคลายด้วยท่าทีกังวลเช่นนี้ก็ลำบากอย่างแท้จริง

แต่นายท่านจินแค่ถาม ไม่ได้เชิญและยิ่งไม่ได้บังคับ

เป็นเขาที่คิดอยู่นานแล้วถึงตอบตกลง

ดังนั้นต่อให้ความรู้สึกในใจเขาไม่พร้อมก็ต้องรับผลเช่นนี้

เพราะทั้งหมดนี้เขาเป็นคนสมัครใจ

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท