สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1192 ตอนพิเศษ (71.1)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1192 ตอนพิเศษ (71.1)

วันถัดมา จวนถังกั๋วกงได้จัดพิธีคืนสู่สกุลขึ้น

ถึงแม้พิธีจะไม่ใหญ่โตนัก เชิญเฉพาะญาติสนิทมิตรสหายมาเท่านั้น ไม่ได้เชิญคนนอก แต่ก็ยังคงเล่าลือออกไป

เมื่อรถม้าของสกุลลู่มาถึงประตูจวนถังกั๋วกง บ่าวรับใช้ก็รีบไปที่ห้องโถง รายงานถังกั๋วกงที่กำลังรับรองแขกเหรื่ออยู่ที่นั่น “นายท่าน ลู่ซื่อจื่อกับน้องชายน้องสาวมาแล้วขอรับ”

“มาก็มา จักเป็นกระต่ายตื่นตูมไปใย?” ถังกั๋วกงเอ่ย

คนอื่น ๆ ล้วนมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลก ๆ

“มีอะไรหรือ?”

“ท่านกั๋วกง ท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับจวนอ๋องลู่ตั้งแต่เมื่อใด?”

ก่อนหน้านี้ไม่ได้ต่อกรกันมาตลอดหรือ?

ถึงแม้จวนอ๋องลู่จะมีอำนาจใหญ่โตจนถังกั๋วกงไม่กล้าล่วงเกิน แต่ยามที่จัดการงานราชการก็ยังคงขัดแข้งขัดขากันในทางต่าง ๆ

“ไม่มีความสัมพันธ์กันจักไปมาหาสู่กันไม่ได้เลยหรือ?” ถังกั๋วกงกล่าว “ข้าดีร้ายอย่างไรก็เป็นกั๋วกงผู้หนึ่ง บัดนี้ข้าหาลูกสาวแก้วตาดวงใจพบแล้ว จวนอ๋องลู่จะมาแสดงความยินดีก็เป็นเรื่องสมควร ”

ทุกคนยิ้มทว่าไม่กล่าวคำ

ถังกั๋วกงผู้นี้ปากแข็งยิ่งนัก

จวนอ๋องลู่มีสถานะสำคัญยิ่ง นอกจากราชวงศ์แล้ว ผู้ใดจะกล้าให้คนของจวนอ๋องลู่มาแสดงความยินดี?

ถังจือฮุ่ยชะเง้อคอมองไปทางประตู

“คุณหนู…” สาวใช้ดึงนางเบา ๆ “คุณชายรองลู่…”

ดวงตาของถังจือฮุ่ยหยุดอยู่ที่ลู่ฉาวจิ่ง

ลู่ฉาวจิ่งในฐานะลูกคนเล็กของสกุลลู่ ปกติแล้วลึกลับที่สุด ครั้งล่าสุดพบเขา ดูเหมือนจะเป็นเมื่อหลายปีก่อน ยามนั้นเขายังเยาว์วัย วันนี้ได้พบกันอีกครั้ง รู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากทีเดียว

“คุณหนู คุณชายรองลู่กำลังยิ้มให้ท่านเจ้าค่ะ”

ถังจือฮุ่ยพึมพำ “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? หากผู้อื่นได้ยินเข้า รังแต่จะทำให้ทุกคนหัวเราะ”

วันนี้หลิวจิ่วจู๋สวมใส่เสื้อผ้าหรูหรางดงาม กายตกแต่งด้วยเครื่องประดับใหม่ล่าสุด แต่งตัวอย่างคุณหนูสกุลใหญ่ทั่วไป ทว่าชุดนี้กลับทำให้นางรู้สึกทำตัวไม่ถูกตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกทั้งสายตาของคนรอบข้างก็ทำให้นางไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม

จนกระทั่งลู่ฉาวจิ่งปรากฏตัว นางถึงได้รู้สึกว่าคนที่อยู่รอบตัวนางหายไป ในสายตานางมองเห็นเพียงเขาเท่านั้น

“ท่านอ๋องน้อยลู่…” ถังกั๋วกงเข้ามาทักทาย “ช่างเป็นแขกที่หาได้ยากจริง ๆ!”

ลู่ฉาวอวี่กล่าว “วันนี้เป็นวันดีของท่านกั๋วกง ข้าย่อมมาร่วมเฉลิมฉลอง”

“ด้วยความยินดี เชิญนั่ง”

ทุกคนรายล้อมเข้ามา ทักทายลู่ฉาวอวี่คนแล้วคนเล่า

ลู่ฉาวอวี่ตอบรับคำทักทาย

ลู่ฉาวจิ่งติดตามอยู่ข้างกายลู่ฉาวอวี่ ยามนี้เขาได้เข้ารับตำแหน่งขุนนางจากฝ่าบาทแล้ว ไม่อาจหลบซ่อนอย่างเมื่อก่อนได้ เขาต้องติดตามพี่ชายไปคบค้าสมาคบกับขุนนางบุ๋นบู๊ที่เข้ามาประจบประแจงเหล่านั้น

“วันนี้เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อคุณหนูถัง ข้าย่อมไม่เป็นแขกแย่งบทบาทของเจ้าภาพ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ควรเริ่มพิธีเลยหรือไม่?”

“ถูกต้อง ควรเริ่มได้แล้ว”

หากหลิวจิ่วจู๋ต้องการคืนสู่สกุล อันดับแรกจักต้องเปลี่ยนชื่อเสียก่อน เดิมทีแซ่หลิว บัดนี้แซ่ถัง นับแต่นี้ไปชื่อถังจิ่วจู๋

แน่นอนว่า ลู่ฉาวจิ่งเดิมทีก็ไม่ได้สนใจว่านางแซ่อะไร ดังนั้นจึงไม่สำคัญ

พิธีคืนสู่สกุลมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก

ลู่จื่อชิงอยู่ในบรรดาคุณหนูผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย คุณหนูผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นทำได้เพียงเอาอกเอาใจนาง

“ลูกสาวที่ถังกั๋วกงหาพบเติบใหญ่ในบ้านนอก” คุณหนูสูงศักดิ์ข้าง ๆ เอ่ย “เมื่อครู่ข้ามาเร็ว เห็นว่าแม่นมในจวนกำลังสั่งสอนกฎระเบียบนาง พวกท่านดูท่าทางค้อมคำนับของนางสิ ราวกับเป็ดกำลังเต้นรำ น่าขบขันเสียจริง น้องหญิงฮุ่ยเอ๋อร์สมกับเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์แห่งจวนกั๋วกง ความสามารถด้านวรรณกรรมหรือก็ยอดเยี่ยม เดิมทีก็เป็นบุตรสาวคนโต บัดนี้กลับกลายมาเป็นบุตรสาวคนรองแล้ว เดิมทีที่น้องหญิงฮุ่ยเอ๋อร์พูดคุยเรื่องแต่งงานไม่ใช่ต้อง…”

ลู่จื่อชิงหันไปทางคุณหนูผู้สูงศักดิ์คนนั้น “ท่านแซ่ถังหรือ?”

คุณหนูผู้สูงศักดิ์นึกไม่ถึงว่าลู่จื่อชิงจะเปิดปากขึ้นมาจึงตอบทื่อ ๆ “คุณหนูรองลู่ ข้าแซ่ไช่”

ช่างหยาบคายเสียจริง

เมื่อครู่นางพึ่งแนะนำตัวแท้ ๆ

ไม่ถูก ครั้งก่อน ครั้งก่อน ๆ ครั้ง ๆ ๆ นางล้วนแนะนำตัวแล้ว ทว่าคุณหนูลู่เอ๋อร์ผู้นี้ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเกินไปแล้วกระมัง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่านางเป็นผู้ใดหรือ?

“ในเมื่อไม่ได้แซ่ถัง เช่นนั้นถึงคราวที่ท่านจะเข้าไปยุ่งเรื่องของสกุลถังแล้วหรือ?” ลู่จื่อชิงกล่าว “นางเติบใหญ่อยู่ที่บ้านนอกแล้วอย่างไร? นางถูกพรากจากบิดาของนางตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ใช่ว่าควรเห็นใจที่นางไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือ?”

คุณหนูไช่เงียบปากแล้ว

คุณหนูสูงศักดิ์คนอื่น ๆ ก็เงียบปากลงเช่นกัน

สกุลลู่เดิมทีก็มาจากบ้านนอก คุณหนูไช่ยังจะกล่าวถึงบ้านนอก นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ

พิธียังคงดำเนินต่อไป

ลู่จื่อชิงมองดูหลิวจิ่วจู๋แล้วกล่าวกับไป๋กั่วที่อยู่ข้าง ๆ “ดูสิ ว่าที่น้องสะใภ้ข้าน่ารักเสียจริง”

ไป๋กั๋วเอ่ยอย่างจนปัญญา “คุณหนู ไม่ได้ตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะว่าก่อนที่จะสู่ขออย่างเป็นทางการไม่อาจเปิดเผย?”

“ท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด รอพวกเขากลับมาถึงเมืองหลวงจึงจะได้สู่ขอ เช่นนั้นน้องจิ่งจะไม่น่าสงสารมากหรือ? ไม่ได้การ ข้าต้องใช้เวลากับนางให้มากขึ้น”

“ยกน้ำชา….” ผู้อาวุโสสกุลถังตะโกน

หลิวจิ่วจู๋ยกน้ำชาให้ผู้อาวุโสหลายคน

แววตาของฮูหยินผู้เฒ่าถังเย็นชา สีหน้าราวกับกำลังหมดความอดทน

หลิวจิ่วจู๋รู้ว่านางไม่ชอบตนจึงไม่คิดจะกดดัน เมื่อชาและรับของขวัญเสร็จจึงขยับออกไป เพียงแต่ เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า นางจึงเอ่ยกับถังกั๋วกง “ข้าจะไม่ยกน้ำชาให้นาง”

ฟางซื่อแสร้งทำเป็นเศร้าเสียใจพลางเอ่ย “คุณหนูใหญ่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิด แต่อย่างไรข้าก็เป็นผู้ที่บิดาเจ้าไปรับเกี้ยวเข้าจวนมา ตามกฎแล้วเจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านแม่”

หลิวจิ่วจู๋หันไปมองถังกั๋วกง “ข้ามีมารดาเพียงผู้เดียว ถูกหรือไม่?”

ถังกั๋วกงพยักหน้า “ไม่ผิด”

“เช่นนั้นคนผู้นี้… นางไม่ใช่มารดาของข้า ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องยกน้ำชา”

ถังกั๋วกงเหลือบมองฟางซื่อแวบหนึ่งแล้วเอ่ยกับหลิวจิ่วจู๋ “ย่อมได้”

“นายท่าน!” ดวงตาของฟางซื่อเบิกกว้าง “ข้าเป็นภรรยาเอกของท่าน…”

“ภรรยาที่สอง*[1]” ถังกั๋วกงแก้ไขนาง “จู๋เอ๋อร์เกิดจากภรรยาผูกผม*[2] ของข้า เป็นบุตรสาวคนโตของจวนกั๋วกง เจ้าควรเข้าใจว่านางไม่ต้องการเรียกเจ้าว่าท่านแม่ แต่ไหนแต่ไรเจ้าก็เป็นคนมีคุณธรรม คงไม่โต้เถียงกับเด็กผู้หนึ่งกระมัง?”

ฟางซื่อโมโหเป็นอย่างมาก

ต่อหน้าผู้คนมากมาย หลิวจิ่วจู๋ไม่ได้ไว้หน้านางที่เป็นแม่เลี้ยงผู้นี้แม้แต่น้อย หากเรื่องนี้เล่าลือออกไป ไม่รู้ว่าสตรีสูงศักดิ์ในแวดวงจะหัวเราะเยาะนางที่ควบคุมลูกเลี้ยงผู้หนึ่งไม่ได้เพียงใด

หลิวจิ่วจู๋ไม่ได้สนใจความคิดวกวนในใจคนเหล่านี้

ฟางซื่อผู้นี้ดูเหมือนจะยิ้มแย้ม อีกทั้งยังสุภาพกับนาง พิธีวันนี้ที่จัดขึ้น อีกฝ่ายก็ได้เตรียมสิ่งของทุกอย่างไว้ล่วงหน้าอย่าง เพียงแต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดหลิวจิ่วจู๋จึงไม่ชอบสตรีนางนี้

หลังจากพิธีเสร็จสิ้น ลำดับต่อไปคืองานเลี้ยง

หลิวจิ่วจู๋เข้าสู่แวดวงชนชั้นสูงเป็นครั้งแรก ไม่รู้จักคุณหนูผู้สูงศักดิ์คนใด เพราะสิ่งที่นางพึ่งทำเมื่อครู่นี้ คุณหนูสูงศักดิ์หลายคนที่เดิมทีอยากรู้จักนาง คิดจะหาทางผูกสัมพันธ์กับนางจึงถอยออกไปแล้ว

อย่างไรเสียหลิวจิ่วจู๋ก็ไม่เคารพแม่เลี้ยงตนเอง หากคบหากับคนไม่มีกฎเกณฑ์เช่นนั้น ย่อมกระทบต่อชื่อเสียงของพวกนางแล้ว จำต้องรู้ว่าความกตัญญูเป็นหนึ่งในมาตรฐานของลูกสะใภ้สกุลขุนนาง ไม่อาจแปดเปื้อนได้แม้แต่น้อย เมื่อครู่หลิวจิ่วจู๋เอะอะโวยวายเช่นนั้น สกุลดังในเมืองหลวงย่อมไม่กล้ามีลูกสะใภ้เช่นนี้

“ที่นี่เสียงดังเกินไป เจ้าช่วยหาที่สงบเงียบสักแห่งให้ข้าเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ ประเดี๋ยว” ลู่จื่อชิงเดินเข้าไปหาหลิวจิ่วจู๋

หลิวจิ่วจู๋เห็นลู่จื่อชิง แววตาของนางเปล่งประกายขึ้นมา

อีกฝ่ายเป็นพี่สาวของลู่ฉาวจิ่ง

“พี่หญิง…”

ลู่จื่อชิงยิ้มน้อย ๆ “อืม”

คนอื่น ๆ มองหลิวจิ่วจู๋ด้วยสายตาแปลก ๆ

หลังจากหลิวจิ่วจู๋พาลู่จื่อชิงออกไป คุณหนูสูงศักดิ์เหล่านั้นก็ต้องมองนางอย่างประหลาดใจ

[1] ภรรยาที่สอง : ภรรยาที่แต่งหลังจากภรรยาแรกตายไป

[2] ภรรยาผูกผม : ภรรยาเอก

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท