เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 458 กำหนดกลับไม่แน่นอนคนจรจาก

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 458 กำหนดกลับไม่แน่นอนคนจรจาก

จี้หยวนประสานมือคารวะตอบจูหยวนจื่อ จากนั้นค่อยผายมือมากลางลานพลางกล่าว

“เชิญสหายยุทธ์จูหยวนจื่อเข้ามาก่อน”

“ไม่อาจขัดศรัทธา!”

จูหยวนจื่อกล่าวตามมารยาท หลังจากซุนหย่าหย่าปลีกตัวหลบเขาค่อยเดินเข้ามา เด็กสาวปิดประตูใหม่อีกครั้ง

เมื่อมาถึงหน้าโต๊ะหินกลางลาน แน่นอนว่าย่อมเห็นพู่กันหมึกกระดาษจานฝนบนโต๊ะหินรวมถึงตัวอักษรของซุนหย่าหย่า ยามเห็นตัวอักษรนี้ จูหยวนจื่อดวงตาวาววาบอย่างอดไม่ได้

“ตัวอักษรของแม่นางน้อยคนนี้เปี่ยมจิตวิญญาณนัก!”

เขาหันกลับไปมองซุนหย่าหย่าซึ่งปิดประตูเมื่อครู่ จูหยวนจื่อเอ่ยถามจี้หยวนที่เข้ามาใกล้เสียงเบา

“ท่านจี้ตั้งใจรับนางเป็นศิษย์หรือ”

จี้หยวนส่ายศีรษะเล็กน้อย

“ปัจจุบันแค่สอนนางคัดอักษร ผู้คนรู้แค่วิถีเซียนดี แม้ว่าวิถีเซียนดีแต่ไม่อาจบอกว่าสมบูรณ์แบบ การแต่งงานมีครอบครัว ช่วยเหลือสามีสอนบุตร ถือว่ายังเป็นสิ่งที่ตระกูลซุนคาดหวังจากนาง”

จูหยวนจื่อหัวเราะหึๆ

“หากท่านรู้สึกว่าไม่สะดวกรับศิษย์ แม่นางน้อยคนนี้สามารถเข้าสำนักเขาล้อมหยกของข้าได้ ข้าจูหยวนจื่อยินดีรับศิษย์เพิ่มอีกคนเป็นกรณีพิเศษ!”

ดวงตาสีเทาของจี้หยวนมองจูหยวนจื่อ ก่อนโพล่งออกมาประโยคหนึ่ง

“ท่านฝันสวยหรูจริง!”

“ฮ่าๆๆๆ…”

จูหยวนจื่อหัวเราะลั่นขึ้นมา ซุนหย่าหย่าที่เพิ่งกลับมาเห็นแล้วสงสัยไม่หยุด มองจี้หยวนพลางเอ่ยถาม

“ท่านจี้ ท่านปู่คนนี้หัวเราะอะไร เขาเป็นผู้อาวุโสของท่านหรือ”

“โธ่เอ๋ย… เรื่องนี้คงไม่กล้า!”

รอยยิ้มจูหยวนจื่อพลันหยุดชะงัก เขาพูดเล่นกับจี้หยวนได้ แต่ลำดับความอาวุโสไม่กล้ายอมรับตามสะดวก

จี้หยวนมองตัวอักษรบนโต๊ะ ตัวอักษรของซุนหย่าหย่าทำให้จูหยวนจื่อตกตะลึง แน่นอนว่าในสายตาคนทั่วไปย่อมดีมาก ถึงขั้นเทียบเท่านักเขียนมีชื่อบางคน แต่ความจริงนับจากปีก่อน จี้หยวนเห็นว่าตัวอักษรของนางยากก้าวหน้าขึ้นแล้ว

เรื่องนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยด้วยกัน มีผลกระทบของพรสวรรค์ ทั้งมีสาเหตุจากชื่อเสียงเพิ่มพูนได้รับคำยกยอมากมาย ในใจย่อมเกิดความภาคภูมิและทะนงตนอย่างเลี่ยงไม่ได้ หรือมีเรื่องอื่นเกี่ยวข้องมากเกินไป กระทั่งมีข้อจำกัดด้านเครื่องเขียน

จี้หยวนชอบเด็กคนนี้มาก แต่กลับเหมือนตัวอักษรนี้ ไม่ว่าเป็นเพราะนางยังไม่เผยปณิธานก็ดี หรือครอบครัวคาดหวังก็ช่าง ล้วนยังไม่ถึงเวลารับศิษย์ อีกอย่างการพาคนก้าวเข้าสู่วิถีเซียน ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้าตัว

ผู้คนต่างบอกว่าการเป็นเทพเซียนนั้นดี แต่จากมุมมองของจี้หยวนการใช้ชีวิตสงบสุขมีหรือจะไม่ดี

ถ้าพูดตามตรงเรื่องการรับศิษย์ข้อเรียกร้องของจี้หยวนพิถีพิถันตลอด ถึงขั้นว่าแม้แต่ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นอย่างเจ้าภูเขาลู่ ปัจจุบันยังแค่ยอมรับเป็นการส่วนตัว แน่นอนว่าเรื่องนี้มีสาเหตุจากการวางหมากด้วย สามารถอธิบายปัญหาบางอย่างได้

เมื่อเห็นจี้หยวนมองตัวอักษรของตน ซุนหย่าหย่าเกาศีรษะเล็กน้อยตามจิตใต้สำนึก นางรู้ว่าตนไม่ค่อยก้าวหน้ามานานแล้ว แต่จี้หยวนปลุกปลอบนางว่าให้สงบใจ จำเป็นต้องมานะบากบั่น

“ท่านจี้ พวกท่านมีเรื่องสำคัญต้องคุยกันหรือไม่ ต้องการให้หย่าหย่ากลับไปก่อนหรือไม่”

ซุนหย่าหย่าถามอย่างน่าเอ็นดู เรือนสันติเงียบสงบตลอด แต่สองสามปีมานี้บางครั้งมีแขกพิเศษมาเยือน ท่านจี้มักบอกให้นางกลับบ้านก่อน คิดว่าวันนี้คงเหมือนกัน

จริงดังคาด เมื่อถามเสร็จซุนหย่าหย่าเห็นจี้หยวนพยักหน้าเบาๆ ดังนั้นนางเลยเก็บของบนโต๊ะหินอย่างคล่องแคล่วคุ้นเคย ต่างจากตอนเพิ่งมาเรือนสันติเพื่อเล่าเรียน ตอนนี้ซุนหย่าหย่าแค่ต้องเก็บกระดาษซึ่งเขียนเสร็จ จัดการหมึกเขียนให้เรียบร้อย นำสิ่งของที่คิดว่าต้องใช้ยามอยู่บ้านหรือสำนักศึกษาไปบางส่วน สิ่งของอย่างอื่นเช่นจานฝนหมึก แท่นวางพู่กัน ตัวทับกระดาษนางยังมีหลายชุด ไม่จำเป็นต้องนำกลับไปด้วย

เมื่อซุนหย่าหย่าจัดการหมึกเขียนเสร็จ ยามคิดจะนำเครื่องเขียนบางส่วนกลับไปวางในเรือนหลัก จี้หยวนกลับเอ่ยกล่าว

“หย่าหย่า ครั้งนี้จัดการของทั้งหมด เก็บเข้ากล่องหนังสือแล้วนำกลับบ้านเถอะ”

“หา?”

ซุนหย่าหย่าอึ้งงันเล็กน้อย มองจี้หยวนอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนก้มหน้าขานรับว่าอืม เริ่มเก็บของเข้ากล่องหนังสือใบเล็กใต้โต๊ะช้าๆ

“ท่านจี้ พรุ่งนี้ข้ามาได้หรือไม่”

จี้หยวนลูบศีรษะของเด็กสาวตัวน้อย

“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้ว ใช่ว่าข้าไล่เจ้า แต่ต้องออกเดินทางไกล กลับมาเมื่อไหร่ยังไม่แน่นอน”

ขอบตาแดงเรื่อของซุนหย่าหย่าบรรเทาลงไม่น้อย

“ถ้าอย่างนั้นหลังจากท่านกลับมา ข้ายังมาเรือนสันติเพื่อคัดอักษรได้หรือไม่”

จี้หยวนแย้มยิ้ม

“ขอเพียงเจ้าอยากคัดอักษร แน่นอนว่าย่อมได้ เอาล่ะ เก็บของกลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้อย่ามาเล่า ข้าไม่อยู่”

ซุนหย่าหย่าออกแรงพยักหน้าพลางกล่าว

“รอเมื่อท่านกลับมา หย่าหย่าต้องมาคัดอักษรอีกแน่!”

“หึๆ มีความมุ่งมั่นก็ดี ระหว่างทางกลับระวังด้วย”

ซุนหย่าหย่าเผยรอยยิ้มออกมา

“ท่านจี้ ข้าไปถึงหน้าตรอกเทียนหนิวก็พอแล้ว ต้องรอท่านปู่เก็บแผงกลับไปพร้อมกันเจ้าค่ะ”

เด็กสาวพูดพลางแบกกล่องหนังสือเดินไปหน้าประตูเรือน เปิดประตูเรือนแล้วหันกลับมามองจูหยวนจื่อและจี้หยวน

“ท่านจี้ ข้าไปแล้วนะเจ้าคะ”

“ไปเถอะๆ”

จี้หยวนโบกมือเล็กน้อย มองส่งเด็กสาวจนพ้นประตู ดึงห่วงคล้องปิดประตูจากข้างนอก

ทุกขั้นตอนจูหยวนจื่อล้วนไม่พูดจา รอเมื่อเด็กสาวจากไปค่อยมองจี้หยวน

“ท่านจี้ แบบนี้จะดีหรือ”

จี้หยวนครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยกล่าวตอบ

“หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์อื่น การทำแบบนี้ชั่วคราวค่อนข้างดีกว่า”

จูหยวนจื่อพยักหน้าเล็กน้อย ผู้ฝึกเซียนรับศิษย์ต้องรอบคอบหน่อย ยิ่งมรรควิถีแกร่งกล้ายิ่งควรทำเช่นนี้ บอกว่าเป็นแบบทดสอบคงไม่ผิด หลายคนยังไม่ผ่านแม้แต่ด่านแรก

ซุนหย่าหย่าแบกกล่องหนังสือใบเล็กเดินอยู่ในตรอกเทียนหนิว เพื่อนบ้านระหว่างทางต่างทักทายเด็กสาวตัวน้อย เพลิดเพลินกับคำทักทายอ่อนหวานของเด็กสาว

แต่วันนี้เห็นชัดว่าเด็กสาวจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง ยามเดินผ่านบ่อน้ำคู่ยังไม่หยุดคุยกับพี่สาวคนรุ่นป้าพวกนั้น หากแต่เดินผ่านไปพร้อมเรื่องในใจ

ไม่นานซุนหย่าหย่าก็ออกจากตรอกเทียนหนิว ซุนฝูซึ่งเห็นหลานสาวของตนเดินออกมาแต่ไกลรีบส่งเสียงตะโกน

“หย่าหย่า!”

เด็กสาวรีบเดินมาทางร้านบะหมี่ ปลดกล่องหนังสือวางลงด้านหลังรถเข็นอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง จากนั้นค่อยนั่งเท้าคางเหม่อลอยบนเก้าอี้เล็ก

ซุนฝูกำลังยุ่งง่วนตามปกติ แต่ยังหันมามองหลานสาว เขาเอ่ยถามลอยๆ

“หย่าหย่า ทำไมวันนี้ออกจากบ้านท่านจี้มาเร็วนัก”

ปกติซุนหย่าหย่าจะออกมาพอดีเวลา มักมาถึงก่อนเวลาเขาเก็บแผง วันนี้อย่างน้อยน่าจะเหลือเวลากว่าครึ่งชั่วยามกระมัง

ซุนหย่าหย่ากล่าวตอบอย่างเซื่องซึมเงื่องหงอย

“มีท่านปู่เคราขาวมาเรือนสันติ ท่านจี้ให้ข้ากลับบ้านก่อน ทั้งบอกว่าจะออกเดินทางไกล พรุ่งนี้ไม่ต้องไปแล้ว”

เดิมซุนฝูพยักหน้าพลางรับฟัง เมื่อฟังถึงตอนท้ายเขาพลันอึ้งงัน จากนั้นค่อยวางอุปกรณ์ในมือ เดินมาตรงหน้าซุนหย่าหย่าก่อนย่อตัวลงมองนาง

“ท่านจี้บอกว่าจะออกเดินทางไกลหรือ ไปนานแค่ไหน บอกว่าไม่นานก็กลับหรือไม่”

ซุนหย่าหย่าเงยหน้ามองท่านปู่ก่อนส่ายหัว

“ท่านบอกว่าไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ เขาให้ข้าเก็บเครื่องเขียนที่วางอยู่เรือนสันติกลับบ้านมาด้วย…”

คราวนี้ซุนฝูพบว่าท่าทางหลานสาวหดหู่นัก แต่ตอนนี้ในใจไม่อาจคิดมากความ เขากำลังคิดเรื่องอื่น ครู่ใหญ่ค่อยดึงสติกลับมามองซุนหย่าหย่า

“หย่าหย่า… ท่านจี้อาจเดินทางหลายปี หรืออาจะมากกว่านั้น เจ้าบอกลาท่านจี้อย่างดีหรือยัง”

ในเมื่อท่านจี้บอกให้ซุนหย่าหย่าเก็บเครื่องเขียนกลับมา ทั้งพรุ่งนี้ยังไม่ต้องไป แสดงว่าใกล้จะจากไปแล้ว

จริงดังคาด เมื่อได้ยินคำพูดของท่านปู่ เด็กสาวตัวสั่นทันที

“ละ หลายปี… ข้าจะไปหาท่านจี้!”

ซุนหย่าหย่ากระโดดลงจากเก้าอี้เล็กทันที กล่าวทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ก่อนพุ่งตัวไปตรอกเทียนหนิว ระหว่างทางยามเจอเพื่อนบ้านยังไม่ทักทาย

“เอ๋ หย่าหย่าเจ้ากลับมาทำไมเล่า”

“โธ่เอ๋ย หย่าหย่าวิ่งช้าหน่อย ระวังล้ม!”

“ข้ามีเรื่องด่วน…!”

“เด็กคนนี้…”

นางรีบวิ่งมาถึงส่วนลึกของตรอกเทียนหนิว พุ่งตัวมาหน้าประตูเรือนสันติ การเคลื่อนไหวหนักหน่วงแค่ทำให้ซุนหย่าหย่าหอบหายใจอยู่บ้าง สายตาจับจ้องประตูเรือนเล็ก เห็นว่าบนนั้นคล้องกลอนทองแดงแล้ว

“ท่านจี้… ท่านจี้…”

ซุนหย่าหย่าตะโกนไปทางเรือนสันติ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ด้านในเรือนสันติเงียบกริบ

ตอนนี้เด็กสาวน้ำตาคลอเบ้าอย่างอดไม่ได้ แต่กลับถูกเด็กสาวฝืนกลั้นตลอด ตะโกนเข้าไปในเรือนเล็กเต็มกำลัง

“ท่านจี้… ท่านไม่อยู่หย่าหย่าจะคัดอักษรดีๆ รอท่านกลับมาแล้ว ย่อมชมข้าว่ามีความก้าวหน้า แน่นอน!”

วู้ม… วู้ม…

ลมรอบเรือนสันติพลันแรงขึ้นเล็กน้อย ต้นพุทรากลางลานส่ายสั่นตามลม ใบไม้มากมายร่วงหล่นลงมา ห้อมล้อมแสงแดงเพลิงสายหนึ่ง หล่นลงตรงหน้าซุนหย่าหย่าซึ่งกำลังหดหู่ช้าๆ เด็กสาวยื่นมือออกมาตามจิตใต้สำนึก คว้าใบพุทรากับแสงแดงเพลิงสายนั้นมาไว้ในมือ

“เอ๋…”

ซุนหย่าหย่ารู้สึกว่าผลไม้ซึ่งประคองอยู่ในมืออบอุ่น เมื่อมองโดยละเอียดอีกครั้ง นางรู้สึกว่าบนพื้นผิวมีเมฆเพลิงล้อมรอบ เหลือบแสงเลือนรางพร่ามัว

จี้หยวนกับจูหยวนจื่อกำลังเดินบนทางหลวงนอกอำเภอหนิงอัน จี้หยวนทำตัวเหมือนปกติ ลงกลอนทั้งนอกและในเรือน หยิบห่อผ้าออกมาข้างนอก ทำให้ผู้อาศัยอยู่ในตรอกเห็น แต่ไม่ได้ปรากฏตัวยามออกจากตรอก

ตอนนี้จี้หยวนพลันหยุดเท้า หันกลับไปมองตรงตรอกเทียนหนิวแห่งอำเภอหนิงอัน

“ท่านจี้เป็นอะไรหรือ”

จี้หยวนเหลือบตามองแขนเสื้อของตน เมื่อครู่มายาหมากตัวหนึ่งปรากฏในมือ เป็นซุนหย่าหย่านั่นเอง

“ไม่มีอะไร ไปเถอะ อย่าปล่อยให้พวกท่านฉิวรอนาน”

ขณะกล่าวใต้ฝ่าเท้าจี้หยวนเกิดเมฆหมอก จูหยวนจื่อสะบัดแขนเสื้อลอยขึ้นไปเช่นกัน ทั้งสองคนเหยียบเมฆเหาะเหินท่ามกลางอาทิตย์อัสดง ออกห่างจากอำเภอหนิงอันไปไกล

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Status: Ongoing
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท