ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 793 ปล่อย ข้าลุยเอง!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 793 ปล่อย ข้าลุยเอง!

ตอนนี้เวลานี้ อิงอิงไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องราวใดๆ ภายนอกแล้ว เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีจิตสำนึกน่าสะพรึงกลัวกำลังคืบคลานเข้าควบคุมร่างกายของตัวเองทีละนิดๆ

เมื่อไรที่ร่างกายของเธอถูกอีกฝ่ายควบคุมโดยสมบูรณ์ เช่นนั้นสิ่งที่เธอจะต้องเผชิญก็คือจุดจบของเธอ

เธอจะถูกลบเลือน เหมือนกับใช้แปรงลบตัวอักษรบนกระดานดำจนสะอาดหมดจด เป็นไปตามปกติธรรมดา และเป็นสิ่งที่ควรทำ ราวกับว่าเธอไป๋อิงอิงไม่เคยปรากฏตัวบนโลกใบนี้มาก่อน

ภาพในส่วนลึกของความทรงจำเริ่มค่อยๆ ปรากฏออกมา เช่นเดียวกับฉากที่ตัวละครพูดคนเดียวในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต และทิ้งความหมายแฝงเป็นนัยๆ ก่อนตัดจบ

ช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดขณะเดียวกันก็สั้นที่สุดในนี้ก็คือ ช่วงเวลาที่มืดมนโดดเดี่ยว

ถ้าบอกว่ามันยาวนานนั่นเพราะมีอายุยืนยาวถึงสองร้อยปี ถ้าบอกว่ามันสั้นนั่นเพราะว่ามันสุกสกาวเพียงชั่วครู่แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

หลับลึก หลับใหล นิทรา แม่นางไป๋จะปรากฏตัวบางครั้งบางคราว และอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับเธอ บอกเธอว่าภายนอกเป็นอย่างไร แม่นางไป๋เคยเล่าเรื่องให้เธอฟังมากมาย เคยเล่าเรื่องชีวิตในปัจจุบัน และเคยเล่าเรื่องชีวิตในอดีต แน่นอนว่าเหมือนกับเพื่อนสาวคนสนิทอื่นๆ ทั่วไป เธอก็เคยเล่าเรื่องผู้ชายเช่นกัน

เป็นดุจลำแสงที่นำพาความหวังมาสู่เธอที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิด ในช่วงเวลานั้น จริงๆ แล้วความปรารถนาในใจของเธอที่นอนหลับใหลอยู่ในโลงก็คือ ครั้งหน้าไม่รู้ว่าเมื่อไรแม่นางไป๋ของเธอจะปรากฏตัวอีกครั้ง

แม้ว่าต่อมาความเป็นจริงชี้ชัดว่า แม่นางไป๋ถักทอความฝันจากคำโกหกหลอกลวงให้กับเธอ กุลสตรีที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์มีฐานะ การถ่วงน้ำ การทรยศ และความรัก รันทดแต่งดงาม ทั้งสว่างพร่างพรายและเศร้าสร้อยวังเวงใจ

แต่ทว่าต่อมาอิงอิงก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าแม่นางไป๋จงใจหลอกลวงเธอ แม้กระทั่งความฝันนี้ก็ไม่ได้ถักทอให้กับเธอไป๋อิงอิงโดยเฉพาะด้วยซ้ำ เป็นแม่นางไป๋ที่ถักทอให้กับตัวเธอเองต่างหาก

ความเกลียดแค้นชิงชังที่ชาติบ้านเมืองถูกรุกล้ำและทำลายหนักหนาสาหัสและรุนแรงเกินเยียวยา การเสียชีวิตอันน่าสลดใจของพ่อบุญธรรม เสียชีวิตภายใต้คมเขี้ยวของตัวเอง ก็เป็นความหนักหน่วงที่ยากจะมองย้อนกลับไป

เปรียบเสมือนความจริงที่ว่าคนมีชีวิตชอบหาเหตุผลถักทออดีตที่สวยงามสดใสให้ตัวเอง ส่วนคนตายมักชอบหาสาเหตุการตายที่ตัวเองคิดว่าดีกว่าให้ตัวเองเสมอ

ฟ้าสว่างแล้ว

อิงอิงเห็นตัวเองตอนเจอกับเถ้าแก่เป็นครั้งแรก เขาอุ้มเธอออกมาจากโลง มือสองข้างของเขาโอบรอบเอวเธอ เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสดชื่นที่เขารู้สึกในตอนนั้น และดูเหมือนว่าจะโอบกอดเธอประหนึ่งกอดสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง

จากนั้นในร้านหนังสือ เธอสอดลิ้นเข้าไปคนในถ้วยชาของเขาให้เข้ากัน แล้วก็แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ทำเช่นนี้ เพียงรู้สึกว่าน่าสนใจและแค่รู้สึกสนุกสนานเท่านั้น

ต่อมา เธอเห็นภาพตัวเองถูกเถ้าแก่ใช้เล็บข่วนจนกรีดร้องไม่เป็นภาษา นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอลงไม้ลงมือกับเขา และก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอสู้กับเขาด้วย

ตอนแรกเริ่มเธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้หลงใหลเขามากถึงเพียงนี้ ต่อมาก็พบว่าร่างกายของเขามีการดำรงอยู่ของคนผู้นั้น กลิ่นอายของเขา นอนเป็นเพื่อนเขา ทำให้เธอรู้สึกสบายและทำให้เธอจิตใจสงบ

บางทีแม้แต่เขาก็คงจะคิดอย่างนั้นเช่นกันกระมัง

เธอก็คิดเช่นนั้นอยู่พักหนึ่ง แต่ทว่าต่อมาเธอถึงได้พบว่ามันไม่ใช่ เพราะเมื่อคนผู้นั้นปรากฏตัวออกมา ในใจเธอมีเพียงความหวาดกลัว ในใจเธอมีเพียงความตื่นตระหนก กลับไม่มีความคิดที่จะเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งยังมีความรู้สึกอยากขับไล่ไสส่งด้วยซ้ำไป!

เป็นใครกันนะ ทำไมถึงยังครอบครองร่างเถ้าแก่ของเธออยู่ได้!

สนิทกับเถ้าแก่ของเธอขนาดนี้ได้อย่างไร น่าตายนัก น่ารังเกียจ!

บางทีการโดดเดี่ยวเดียวดายถึงสองร้อยปีทำให้เธอกลัวความเหงา และเมื่อเป็นสาวใช้ของเขา รับใช้เขา รับใช้ผู้ที่หมกมุ่นในความสะอาดอย่างลึกซึ้งแล้ว ราวกับจู่ๆ ก็พบแก่นแท้ของชีวิตตัวเอง เธอรู้ว่าเขาต้องการเธอ เธอก็เข้าใจด้วยว่าเขาขาดเธอไม่ได้ นี่ก็เพียงพอแล้ว ความรู้สึกของการเป็นที่ต้องการนั้นวิเศษมากจริงๆ นี่อาจจะเป็น ‘ฟ้าลิขิตให้เกิดมาคู่กัน’ อย่างแท้จริง

ครั้นมาถึงภายหลัง ภาพจำเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เธอมองเห็นที่หน้าร้านหนังสือในคืนนั้น สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวกำลังครอบครองร่างของเถ้าแก่อยู่ และเพิ่งเอาชนะอาจารย์ของสวี่ชิงหล่างที่ปรากฏตัวครั้งแรกได้ เขาถือยาบำรุงซือตันของเธอ และยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยาบำรุงซือตันเวียนวนรอบๆ ปากของเขาและปากของเธอ

แววตาของเขาล้ำลึกมาก ล้ำลึกเสียจนไม่กล้ามองเข้าไปให้ลึกกว่านี้ กลัวว่าจะจมสู่ความมืดมิดอันไร้ขอบเขต ไร้ฟ้า ไร้ดวงตะวัน เมื่อจมดิ่งลงไปแล้วจะไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้อีก

‘ร่างนี้ต้องเก็บไว้ให้นาง’

ทันใดนั้นสุ้มเสียงนี้พลันดังขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อิงอิงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงมีเสียงนี้ผุดขึ้นมา ทั้งๆ ที่เธอจำได้ว่าตอนนั้นเขาไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ และในขณะนี้เอง ในภาพจำนี้ จู่ๆ อิงอิงก็พบว่าข้างกายของเขาปรากฏแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นแผ่นหลังที่งดงามมาก ผมดำขลับยาวสลวย ดูน่าเกรงขามแต่ก็มีเสน่ห์ โดยเฉพาะเมื่อยืนอยู่ข้างกายเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก!

‘ร่างนี้ต้องเก็บไว้ให้นาง’

เสียงนี้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ใครเป็นคนพูดกันแน่

อ๋อ

จริงๆ แล้วตอนนั้นเขาหมายความว่าอย่างนี้เองสินะ…

ฉากเปลี่ยนไปอีกครั้ง กลายเป็นคืนนั้นในสวีโจว เขาปรากฏตัวขึ้นและเข้าครองร่างของเถ้าแก่อีกครั้ง แล้วเพิ่งเตะพระขี้เรื้อนรูปนั้นกระเด็นลอยออกไปอีกรอบ

เขาเดินมาหาเธอ และขณะที่เธอนั่งอยู่บนพื้น เขามองเธออยู่ เธอเองก็มองเขาเช่นกัน เธออยากจะตะโกนบอกให้เขาไสหัวไปเหลือเกิน แต่เธอรู้ดีว่าหากไม่มีเขาเถ้าแก่และเธอจะต้องตายในคืนนี้ แต่เมื่อคิดว่าชายคนนี้กำลังครองร่างของเถ้าแก่อยู่ เธอรู้สึกรังเกียจมาก

ใช่แล้ว

ขยะแขยง!

บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะเป็นผู้หญิงกระมัง ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นความตายยังมีกะจิตกะใจมาคิดว่าเรื่องนี้น่าขยะแขยงหรือไม่อีก

เขาจับมือของเธออย่างหยาบคายเหลือเกิน และใช้เล็บกรีดฝ่ามือของเธอ ร่างกายที่แข็งแกร่งของเธอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาราวกับเป็นกระดาษบางๆ เสียอย่างนั้น แค่เบาๆ ก็ถูกกรีดจนเป็นรู และในขณะเดียวกันนี้ แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นปรากฏในภาพอีกครั้ง โดยที่ยังยืนอยู่ข้างๆ เขา และยังคงมีเสน่ห์งดงามเช่นเคย แผ่นหลังเดียวกลับมีพลังทำลายล้างน่าสะพรึงเช่นนี้แล้ว

‘นี่เป็นร่างที่ข้าเลือกให้เจ้า ข้าแปลงมันไว้เพื่อเจ้าเรียบร้อย’ เสียงนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง

ในหัวของอิงอิงฉายภาพเหตุการณ์ตอนปะทะกับทนายอันที่เปลี่ยนไปในตอนแรกอย่างรวดเร็ว พอเธอปล่อยหมัดออกไป ทนายอันก็บังคับให้ฝ่ามือของเธอกางออกและแตะสัมผัสกับฝ่ามือของเขา ลำแสงสีเหลืองสาดส่องเข้าไปในร่างของเธอผ่านบาดแผลนี้

นั่นเป็นทางเข้าที่เขาทิ้งไว้ให้นาง…

ดี

พวกเจ้ามีความประทับใจที่ดีต่อกัน พวกเจ้ารักใคร่ซึ่งกันและกัน พวกเจ้าควบคุมทุกอย่าง พวกเจ้าสร้างกฎเกณฑ์

แต่มีสิทธิ์อะไรทำไมข้าต้องเสียสละให้นางด้วย

เถ้าแก่เกียจคร้านถึงเพียงนั้น เถ้าแก่หลงรักการดื่มกาแฟถึงเพียงนั้น เถ้าแก่โปรดปรานความเพลิดเพลินถึงเพียงนั้น เถ้าแก่ยังรักความสะอาดรุนแรงถึงเพียงนั้น

หากไม่มีข้า เถ้าแก่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร!

ใบหน้าครึ่งหนึ่งคิดว่า ต่อให้ข้าตาย ตายอยู่ในผนึกนั่น ถูกอิ๋งโกวกลืนกินกลับไป จะไม่มองเจ้าสุนัขไร้ค่าที่รู้จักเอาแต่ประนีประนอมแต่ไม่รู้จักต่อต้านอย่างเจ้าให้เปลืองสายตา!

เฮ้อ…ไม่ได้สู้อย่างนี้เสียหน่อย เจ้าต้องทำอย่างนี้!

ความรู้สึกประเภทนี้คล้ายกับดูมือใหม่ควบคุมฮีโร่ที่ตัวเองเชี่ยวชาญที่สุดและชอบเล่นที่สุดในร้านอินเทอร์เน็ต จากนั้นเจ้ามือใหม่นั่นเล่นได้แย่จนไม่อาจทนดู ทำให้คุณหัวร้อนและรู้สึกว่าเป็นการดูถูกฮีโร่ที่เขากำลังเล่นอยู่จริงๆ!

บางทีอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ซ้อนทับอยู่ก็เป็นได้ แต่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่จะไม่มีอย่างอื่น

เพราะเมื่อกลิ่นอายของโจวเจ๋อประทุเพิ่มขึ้น แม้ว่าใบหน้าครึ่งหนึ่งจะเอาแต่ตะโกนด่ากราดตลอดเวลา แต่ดันเอาตัวเองและโจวเจ๋อมาแทนที่ด้วยตัวเขาเองในสมัยนั้นจริงๆ และตัวเขาก็ต่อต้านได้แม้กระทั่งอิ๋งโกว จะแพ้อย่างโง่เง่าเต่าตุ่นแบบนี้ได้อย่างไร!

เจ้าใช้วิธีอื่นสู้จะแพ้ก็ช่างปะไร แต่ในเมื่อเจ้าขโมยวิชาของข้าไป ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องแพ้ อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าข้าอีกต่างหาก!

อย่ามาแตะต้องข้า ข้าจะด่าเจ้าให้ลืมวันลืมคืนไปเลย!

“ร่างกายไม่เกรงกลัว จิตใจไม่เกรงกลัว! เหนือหัวเจ้าไม่มีท้องฟ้าแล้วจะเอาจักรพรรดิมาจากไหน ผีดิบถูกมนุษย์และเทพเจ้าเกลียดชัง ถูกสวรรค์และโลกประณาม เดิมทีก็เดินอยู่บนเส้นทางที่แคบที่สุดและขรุขระที่สุดในโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลอยู่แล้ว จะลืมไปได้อย่างไร เมื่อเผชิญหน้าบนถนนคับแคบผู้กล้าเป็นฝ่ายชนะ!” ใบหน้าครึ่งหนึ่งตะโกนปาวๆ

แต่เขาพบว่าสิ่งที่ตัวเองตะโกนไปนั้นดูเหมือนจะลึกล้ำเกินไป อย่างน้อยๆ ตรงหน้าเขา เถ้าแก่โจวยังคงดิ้นรนอยู่ต่อหน้าร่างสูงส่งนั้นอย่างยากลำบาก เลือดไหลริน จิตวิญญาณลุกไหม้ และร่างกายเริ่มแตกร้าวทีละขั้น

นี่ไม่ใช่นิยายกำลังภายใน หรือต่อให้เป็นนิยายกำลังภายใน ก็เป็นเพียงการใช้สูตรพวกนี้มาแสร้งวางท่าตอนเก็บตัวบำเพ็ญเซียน ไม่ว่าจะแสร้งวางท่าอย่างไรก็ต้องท่องสูตรพวกนี้ไปพร้อมกับการแสดงฉากบำเพ็ญเซียน เหล่านี้ไปด้วย แล้วค่อยสร้างคำบรรยายว่า ‘ครึ่งปีต่อมา’ หรือ ‘สามปีต่อมา’

จะมีคนที่ทั้งต่อยตีไปด้วยและฟังสูตรนี้ไปด้วยก็สามารถบรรลุทักษะอันน่าอัศจรรย์ทันทีได้อย่างไร

เวลานี้ โจวเจ๋อไม่แม้แต่จะกล้าคิดว่าร่างทองที่ยืนอยู่ข้างหลังทนายอันเป็นใครด้วยซ้ำ ไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิดจริงๆ หากคิดมากไปกลัวว่าวินาทีต่อมาตัวเองจะต้านไว้ไม่อยู่และถูกบดขยี้โดยตรง ตอนนี้เขายังสามารถเชิดหน้าขึ้นอย่างแข็งขันต่อไปได้ มันก็เกินกว่าระดับความสามารถในยามปกติแล้วจริงๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นตัวเขาเองก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายนี้ใกล้จะแตกสลายเต็มทีแล้ว

สำหรับผู้ชายที่พล่ามอยู่ข้างๆ คนนั้น ฟังก็ฟังอยู่หรอก แต่ก็คล้ายกับเข้าเรียนเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตในคืนก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพิ่มพลังมาเต็มที่ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร

“ผีดิบไม่เคารพฟ้าบูชาดิน เจ้า…” ใบหน้าครึ่งหนึ่งตะโกนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจู่ๆ เริ่มรู้สึกว่าตะโกนไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะว่าต่อให้ตัวเองจะแหกปากก็เหมือนจะไม่มีผลใดๆ ไอ้โง่ตรงหน้าคนนี้ทำไมถึงดูเหมือนอยากจะเล่นบอลอยู่ตลอดเวลาไปเสียได้

หากเจ้าโดนทุบตีจนตายก็ช่างมันปะไร ในฐานะผีดิบมีร่างกายที่เหนือกว่าปกติ แต่ดันถูกทุบซ้อมจนตาย ก็สมน้ำหน้า!

ตายอย่างไม่ยุติธรรม ก็คล้ายกับทหารที่ตายในสนามรบ ชาวประมงฝังร่างไว้ใต้ทะเลลึก เป็นเรื่องน่าเศร้าแต่ก็ถือได้ว่าเป็นโชคชะตา

แต่คนผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้า กลับทำให้กลัวแทบตาย!

แม่งเอ๊ย โดยเฉพาะเมื่อดูจนรู้สึกอินเกินไปแล้ว

มันคล้ายกับว่า

มันเหมือนกับว่า

มันเหมือนกับตัวเองกำลังกลัวแทบตายอย่างไรอย่างนั้นเลย!

ใบหน้าครึ่งหนึ่งรู้สึกหดหู่ใจ ร่างของตัวเองถูกแยกชิ้นส่วน และถูกผนึกไว้ที่นี่ด้วยวิธีเดียวกับชือโหยวในตอนนั้นจนไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทนรับความเจ็บปวดไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่สุดท้ายแล้วดันรอถึงฉากนี้เนี่ยนะ

โกรธ

โมโห

พิโรธ!

ข้าอดทน!

ข้าต้องข่มไว้!

ข้าจะต้องฝืนทน!

ข้าจะต้อง จะต้องทนไว้!

อ๊ากกกกก!

ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

“เจ้าหนู เปิดทะเลจิตสำนึกของเจ้าให้ข้า ข้าลุยเอง!”

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท