บทที่ 528 ไม่อาจหนี
“จะบอกว่าถ้าฉันไม่ฆ่าไอ้พวกนี้แล้วจะปล่อยไปงั้นสิ?” อู๋ฝานยิ้มบาง ๆ พลางถามกลับ “ที่นี่ก็มีแค่พวกเรา คิดอะไรก็ไม่ต้องเก็บซ่อน คิดว่าคนอื่นไม่รู้เรื่องที่แกอยากฆ่าฉันให้ตายตั้งแต่ที่ร้านคัลเลอร์แมนแล้วรึไง? ในเมื่อมันเป็นแบบนั้นก็หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว!”
“รนหาที่ตาย!”
จานเฮ่อคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว มือขวากำแน่นออกหมัดหมายสังหารอู๋ฝาน ตอนที่ยังอยู่ในร้านคัลเลอร์แมนเขาคิดฆ่าอีกฝ่ายก็จริง แต่ตอนนี้ไม่มีการยับยั้งอารมณ์เอาไว้อีกต่อไปแล้ว ที่นี่ไม่มีใครอื่น ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องปิดซ่อนเจตนาและการกระทำ
อู๋ฝานวางตัวนิ่งเฉยราวไม่ทุกข์ไม่ร้อน แต่แท้จริงระมัดระวังตัวอยู่ตลอด เพราะทราบดีว่าศึกระหว่างตนเองกับอีกฝ่ายไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป ในเมื่อเป็นแบบนั้นก็ต้องจัดการสะสางให้เสร็จอย่างรวดเร็ว ทันทีที่จานเฮ่อบุกเข้ามาเขาจึงเป็นฝ่ายช่วงชิงความได้เปรียบ
“ตึง!”
จานเฮ่อพุ่งมาจากระยะนับสิบเมตรมาถึงตรงหน้าอู๋ฝานในชั่วพริบตา หมัดอันรุนแรงเหวี่ยงหมายปะทะเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่ม
ต่อหน้าการโจมตีแบบนี้ อู๋ฝานไม่เลือกสู้ซึ่งหน้า แต่เลือกที่จะเอียงร่างกายหลบข้างไปเล็กน้อย ขณะหลบข้างนั้นเองเขาก็กวาดขาออกไปอย่างหนักหน่วงรุนแรง เตะเข้าใส่ขาของจานเฮ่อ
“ฮึ่ม!”
เรี่ยวแรงของอู๋ฝานไม่น้อย จานเฮ่อโดนการโจมตีนั้นจนต้องคำรามออกมา กระทั่งชักสีหน้า ทว่าไม่ได้ถอยกลับ เมื่อหมัดขวาพลาดเป้า เขาจึงถอนกลับมาและโจมตีด้วยข้อศอกอีกครั้ง
อู๋ฝานยื่นมือออกมาตรงหน้าและคว้ารับศอกของจานเฮ่อไว้ ในขณะเดียวกันนั้นก็ยังตวัดขาขวางอีกครั้งเพื่อเล่นงานขาของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
“ตึง!”
เมื่อฝ่ามือและข้อศอกปะทะกัน คนทั้งสองต่างต้องถอยเท้ากลับ แต่เห็นได้ชัดว่าจานเฮ่อถอยเท้ากลับไปไกลกว่าอู๋ฝาน แต่ครั้งนี้สามารถหลบเลี่ยงลูกเตะของชายหนุ่มเอาไว้ได้
คนทั้งสองที่อยู่ห่างกันราวห้าเมตร สีหน้าของอู๋ฝานยังคงสงบเหมือนเช่นก่อนหน้า แต่จานเฮ่อที่เคยมีความมั่นใจเปี่ยมล้นและสงบนิ่งกลับไม่ใช่ เขากำลังระแวดระวังอย่างเต็มที่ กระทั่งตื่นตัวเพื่อสู้รบอย่างเต็มอัตรา
หลังการปะทะกัน จานเฮ่อต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออู๋ฝานใหม่ เดิมทีคิดว่าคนหนุ่มเช่นอีกฝ่ายไม่อาจใช่คู่ต่อสู้ของตนเอง และศิษย์ขอบเขตสว่างของเขาทั้งสองที่ถูกสังหารก็เพราะมีคนร่วมมือด้วย พละกำลังแท้จริงของอีกฝ่ายคงไม่สูงส่งอะไร
แต่ขณะนี้ต้องเปลี่ยนความคิด ไม่ว่าจะยากทำใจยอมรับอย่างไร เขาก็ต้องยอมรับว่าอู๋ฝานไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าตนเอง หรือกระทั่งแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!
ทว่ามันเป็นไปได้อย่างไร?!
อู๋ฝานที่อายุราวยี่สิบห้าปี มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตมืดขั้นสูง หรืออาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่า ตามหลักความแข็งแกร่งที่ควรสัมพันธ์กับอายุมันไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้เฟ้นหาทั่วทั้งแวดวงผู้ฝึกตน ความสามารถเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ
เรื่องที่ค้นพบทำให้จานเฮ่อผู้ที่อายุเกือบจะห้าสิบปี และสำเร็จได้เพียงแค่ขอบเขตมืดขั้นสูงต้องทั้งประหลาดใจและริษยาในเวลาเดียวกัน
หากเขามีพรสวรรค์เช่นนี้ มีหรือจะโดนส่งตัวมารับผิดชอบเรื่องราวโลกเบื้องหน้าเช่นปัจจุบัน? เหตุใดพรสวรรค์ของเขาจึงไม่อาจเทียบกับชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ได้?
ด้วยความริษยา จิตสังหารของจานเฮ่อที่มีต่ออู๋ฝานก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
การกระทำก่อนหน้านี้ของอู๋ฝาน ที่ส่งมอบวิชาระดับลึกล้ำออกไปมันบ่งบอกชัดว่าต้องมีสำนักเบื้องหลัง แต่แม้ผ่านไปเนิ่นนาน อำนาจเบื้องหลังอีกฝ่ายกลับไม่เคยแสดงตัวออกมา แม้เป็นเช่นเวลานี้ที่ถูกวังเมฆาสีชาดเพ่งเล็ง สำนักเบื้องหลังก็ยังไม่แสดงตัวปรากฏ มันทำให้ผู้คน รวมถึงตัวจานเฮ่อเองต่างมองว่าเบื้องหลังชายหนุ่มไม่สมควรมีอะไรอยู่ทั้งนั้น
แต่ปัจจุบันจานเฮ่อจำเป็นต้องเปลี่ยนความคิด ผู้ฝึกตนหนุ่มที่สามารถก้าวหน้าระดับนี้ได้ โดยไร้ซึ่งสำนักอยู่เบื้องหลังแทบจะเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ด้วยพรสวรรค์อันเลิศล้ำที่ชายหนุ่มแสดงออกมา สำนักที่อยู่เบื้องหลังต้องไม่ใช่เล็กจ้อย
หากตัวตนเหล่านั้นทราบเรื่องที่พวกเขาต้องการสังหารอู๋ฝานจะเป็นอย่างไร?
ดังนั้นเขาจะปล่อยให้เรื่องมันแพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด!
ดังนั้นเขาจึงต้องสังหารทั้งอู๋ฝานและผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันในวันนี้เพื่อปิดปาก มีแต่ทำแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำให้เรื่องราวเงียบลงได้ ต่อให้สำนักเบื้องหลังอีกฝ่ายสงสัยเกี่ยวข้องมาถึงตนเอง จานเฮ่อก็สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้เพราะไร้ซึ่งหลักฐานได้
วันนี้อู๋ฝานจึงต้องตาย!
เมื่อคิดได้ดังนั้น จานเฮ่อจึงไม่กล้าผ่อนคลายหรือออมมือ เขาพุ่งทะยานเข้าหาอู๋ฝานอีกครั้งหนึ่ง
แต่ไม่ว่าด้วยอะไรเขาก็เป็นเพียงขอบเขตมืดขั้นสูง ทั้งยังเพิ่งย่างก้าวเข้าขอบเขตซะด้วยซ้ำ ขณะที่อู๋ฝานได้รับบัฟจากทั้งอุปกรณ์สวมใส่และค่าสถานะ ความแข็งแกร่งจึงเทียบเท่าขอบเขตมืดขั้นสูงสุด ความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองที่ชัดเจนถึงเพียงนี้ ต่อให้จานเฮ่อทุ่มเทสุดชีวิตก็ไม่มีทางได้เปรียบชายหนุ่ม
แม้หวงถิงเฟิงถอยไปรับชมด้านข้าง ทั้งยังไม่ใช่ผู้ฝึกตน ทว่าก็พอรู้สึกได้ถึงเรื่องราวผิดแปลก เห็นได้ชัดว่าจานเฮ่อกำลังเป็นฝ่ายรุกไล่ แต่เขาไม่เคยคาดว่าอีกฝ่ายที่เป็นถึงผู้อาวุโสวังเมฆาสีชาดจะไม่อาจเอาชนะอู๋ฝานได้
อู๋ฝานต้องแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน? เพราะอะไรถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
เดิมหวงถิงเฟิงมีท่าทีมั่นใจเปี่ยมล้น ทว่าปัจจุบันต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ สีหน้าเริ่มแตกตื่น เพราะทราบดีว่าเมื่อใดอู๋ฝานเอาชนะได้ เขาจะไม่มีทางถูกละเว้นให้รอดชีวิต หากจานเฮ่อพ่ายแพ้ การจัดการเขาก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ หรืออาจจะเพียงแค่กระดิกนิ้ว ถ้าเกิดเรื่องราวแบบนั้นขึ้นก็คิดได้ว่าจะมีจุดจบเช่นไร
หลังคิดได้ดังนั้น หวงถิงเฟิงจึงมองว่าตนเองไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อ
ใช่ เขาต้องออกไปให้พ้นจากที่นี่!
แต่ขณะหวงถิงเฟิงคิดเคลื่อนไหว ร่างอันงดงามซึ่งอยู่ในที่แห่งนี้กลับมาปรากฏตัวตรงหน้า
เป็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์!
“คิดจะไปไหน?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถามเสียงเบา
“คือ… ฉันมีธุระ!” หวงถิงเฟิงตอบกลับอย่างกระอักกระอ่วน
เขาเคยพบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ครั้งหนึ่งตอนที่ข่งไห่หลินมาเยือนเจียงโจว ดังนั้นจึงทราบดีว่าตัวตนของอีกฝ่ายไม่ใช่ธรรมดา แต่ไม่ทราบว่าเธอเองก็เป็นผู้ฝึกตน
“จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับมาเสียงเบา
“ทะ… ทำไมกันล่ะ?” แม้หวงถิงเฟิงร้อนรน แต่ก็ยังก้าวเท้าเข้าหาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
“เรื่องที่นี่ยังไม่สะสาง จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับมา
“เรื่องที่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับฉันสักนิด ทั้งหมดเป็นเพราะวังเมฆาสีชาดต่างหาก” หวงถิงเฟิงอธิบาย
“ไม่ว่ายังไงก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่เชื่อว่าหวงถิงเฟิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะเธอทราบดีว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร
ขณะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ไม่สู้ดี หวงถิงเฟิงพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุร้ายพร้อมเอามีดพกออกมาแทงใส่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์
“เธอบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ! ไปตายซะ!”