ตอนที่ 1525 ทรงพระเจริญหมื่นปี
ไป๋ชิงเหยียนยังเดินทางไปไม่ถึงสถานที่พักรักษาตัว หมอหงและหมอคนอื่นๆ เริ่มทำงานอย่างไม่หยุดพักแล้ว
แม้ระหว่างทางหมอหงจะลองคิดค้นสูตรยารักษาโรคได้หลายสูตร ทว่า พวกเขาต้องเร่งเดินทางมาที่นี่จึงไม่มีเวลาทดลองยาเลยสักครั้ง เขาทำได้เพียงปรึกษาหารือกับบรรดาหมอที่ร่วมเดินทางมาด้วยเท่านั้น หมอหงนำสูตรยาทั้งหมดที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาได้ไปปรึกษากับหมอคนอื่นๆ อย่างไม่คิดปิดบังแม้แต่น้อย
สุดท้ายทุกคนจึงเลือกยาสามสูตรที่หมอทุกคนเห็นด้วยมากที่สุดออกมา
หมอหงคัดแยกผู้ป่วยออกเป็นสามชุดเพื่อใช้ยารักษาโรคสามตัวที่เขาคิดค้นขึ้นมาและรอสังเกตดูว่ายาสูตรใดใช้ได้ผลมากที่สุด
หมอหงที่สวมผ้าปิดบังใบหน้ากำลังแบ่งงานกับหมอคนอื่นๆ ว่าหมอคนใดรับผิดชอบผู้ป่วยคนใด ให้ทหารที่มาช่วยเหลือที่สถานที่พักรักษาตัวช่วยคัดแยกผู้ป่วย ผูกผ้าซึ่งแบ่งเป็นสามสีไว้ที่แขนของผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อรักษาด้วยยาสามสูตรตามคำสั่งของหลูผิงอย่างเคร่งครัด
เมื่อหมอที่ตอนแรกขออาสาติดตามไป๋ชิงเหยียนมายังต้าเยี่ยนด้วยความเลือดร้อนเห็นซากศพของชาวบ้านต้าเยี่ยนที่นอนตายเกลื่อนกลาดระหว่างทางก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวและท้อถอยในทันที
หมอหงไม่ได้บังคับหมอเหล่านั้น ตอนนี้พวกเขากำลังปรึกษากันว่าจะทำเช่นไรต่อไปอยู่ใต้ต้นไม้
“ระหว่างทางเป็นเพราะมีฝ่าบาทอยู่พวกเราจึงไม่กล้าถอย รู้อย่างนี้พวกเราควรแกล้งป่วยเช่นเดียวกับหมอหวง เช่นนั้นพวกเราคงไม่ต้องเดินทางมาที่นี่แล้ว”
“นั่นน่ะสิ! โรคระบาดที่นี่รุนแรงกว่าโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นในแคว้นของพวกเรามาก หากติดเชื้อต้องตายสถานเดียว!”
“หากพวกเรารู้ก่อนหน้านี้ว่าโรคระบาดจะรุนแรงถึงเพียงนี้พวกเราก็คงไม่ตามมาด้วยแล้ว อย่างไรคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ชาวบ้านของต้าโจวเสียหน่อย”
“นั่นสิ! แต่พวกเราเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ตอนนี้ยังถูกส่งมารักษาผู้ป่วยที่นี่อีก หากไม่เข้าไปช่วยเหลือก็คงดูไม่ดี ทว่า หากเข้าไปก็กลัว…”
“เมื่อครู่พวกเราบอกกับจงกั๋วอ๋องว่าอยากอยู่ที่นี่ก็เพราะที่นี่ใกล้กับต้าโจวมากกว่า พวกเราจะได้เดินทางกลับไปถึงต้าโจวได้เร็วหน่อย ทุกคนรีบคิดหาวิธีเถิด อย่ามัวถอนหายใจกันอยู่เช่นนี้เลย”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึงนางมองเห็นบรรดาหมอที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้มาแต่ไกล
นางควบม้าเข้าไปใกล้หมอเหล่านั้น หมอเหล่านั้นสังเกตเห็นไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน
หมอคนอื่นๆ รีบหันไปมอง “ฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ เหตุใดฝ่าบาทจึงเสด็จมาที่นี่ได้ ที่นี่อันตรายมากนะ!”
“หรือว่า…ฝ่าบาททรงทราบเรื่องที่พวกเราคิดกลับแคว้นต้าโจวจึงเสด็จมาเอาโทษพวกเรากัน”
“เป็น…เป็นไปไม่ได้!”
แผ่นหลังของหมอทุกคนแข็งทื่อ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในแคว้นต้าเยี่ยน แม้ตอนแรกพวกเขาจะเป็น “วีรบุรุษ” ที่กล้าตามเสด็จฝ่าบาทมายังต้าเยี่ยน ฝ่าบาทคงไม่สังหารพวกเขา ทว่า หากฝ่าบาททรงทราบว่าพวกเขาคิดถอยหนี หากนางส่งพวกเขากลับไปต้าโจวโดยที่มีความผิดติดตัว พวกเขาจะมองหน้าคนในบ้านเกิดของตัวเองเช่นไรกัน
ระหว่างที่หมอทุกคนกำลังประมวลผลในสมองว่าจะรับมือกับจักรพรรดินีต้าโจวเช่นไรไป๋ชิงเหยียนก็ขี่ม้ามาหยุดตรงหน้าพวกเขาแล้ว นางกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง หมอเหล่านั้นรีบถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเข่าอ่อน
ไป๋ชิงเหยียนประคองหมอที่อยู่ด้านหน้าสุดไว้ได้ทัน นางช่วยพยุงให้เขาไม่ล้มลงไปบนพื้น จากนั้นกวาดสายตามองหมอคนที่เหลือราวกับเข้าใจเรื่องทุกอย่าง ทว่า ไม่ได้กล่าวออกไป นางกล่าวเพียง “ลำบากหมอทุกท่านมาปรึกษาวิธีรักษาคนไข้อยู่ที่นี่แล้ว โปรดรับการคำนับจากเราด้วย…”
ทุกคนเห็นไป๋ชิงโค้งกายคำนับพวกเขาจึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเข่าอ่อนทันที
“รีบลุกขึ้นเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนประคองคนเหล่านั้นให้ลุกขึ้น จากนั้นกล่าว “เราไม่รู้เรื่องการรักษาคนป่วย เราช่วยเหลือทุกท่านไม่ได้จริงๆ เราทำได้เพียงมาเยี่ยมทุกคน เราให้แม่ทัพเฉียนนำถ่าน ผ้านวมและเสื้อบุนวมมาให้ทุกคนด้วย หวังว่าจะช่วยคลายหนาวให้หมอที่ยิ่งใหญ่อย่างทุกท่านได้ เราเข้าไปด้านในกันเถิด!”
เมื่อหมอที่เริ่มมีใจท้อถอย อยากกลับบ้านเกิดของตัวเองเห็นของที่บรรทุกอยู่เต็มรถม้า เห็นจักรพรรดินีฐานะสูงส่งของแคว้นของพวกเขาให้เกียรติพวกเขาถึงเพียงนี้เลือดร้อนที่หายไปเพราะความหวาดกลัวถูกจุดขึ้นอีกครั้ง
“ฝ่าบาทอย่าเสด็จเข้าไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ด้านในมีแต่ชาวบ้านที่ติดโรคระบาด หากทรงเป็นอันใดขึ้นมา…ต้าโจวของพวกเราจะสูญครั้งยิ่งใหญ่พ่ะย่ะค่ะ!” ผู้นำของหมอทุกคนกล่าวขึ้น
“ทุกท่านสามารถอยู่ดูแลชาวบ้านที่ติดโรคระบาดในนี้ทั้งวันทั้งคืนได้ เหตุใดเราจะเข้าไปดูไม่ได้กัน เทียบกับความกล้าหาญของทุกท่านแล้ว สิ่งที่เราทำได้ช่างน้อยกว่าทุกท่านที่เสี่ยงอันตรายเดินทางมาช่วยรักษาชาวบ้านที่ติดโรคระบาดที่นี่มากนัก!”
ไป๋ชิงเหยียนและทุกคนที่เดินทางมาที่นี่ล้วนเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แม้ตอนแรกจะเลือดร้อนเพียงใด ทว่า เมื่อเห็นซากศพที่กองราวกับภูเขาตลอดทางที่ผ่านมา พวกเขาจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไรกัน
ไป๋ชิงเหยียนมองออกว่าหมอเหล่านี้อยากไปจากที่นี่ ทว่า ในเมื่อนางอยากให้คนเหล่านี้อยู่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดโรคระบาดเหล่านั้น…นางก็ต้องเกลี้ยกล่อมและสรรเสริญพวกเขาด้วยวาจาที่น่าฟังที่สุด
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าหากนางข่มขู่พวกเขาพวกเขาก็ต้องทำตามอยู่ดี ทว่า ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอย่างสุดความสามารถของตัวเองหรือไม่
ตอนที่ 1526 แม้จะไกลก็ต้องช่วยเหลือ
ร่างเพรียวระหงส์ของไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้ากระโจม เมื่อนางเห็นคนป่วยที่ไอหนักจนใบหน้าแดงก่ำจึงขมวดคิ้วแน่น
“รีบลุกขึ้นเถิด ทุกคนรีบลุกขึ้นเถิด!”
เมื่อเห็นหมอหงเตรียมทำความเคารพนางไป๋ชิงเหยียนจึงรีบเข้าไปประคองร่างหมอหงไว้ก่อน
“ท่านหมอหงคือญาติผู้ใหญ่ของตระกูลไป๋ ครั้งนี้ลำบากท่านและท่านหมอผู้กล้าหาญคนอื่นๆ เดินทางมารักษาผู้ป่วยที่นี่แล้ว ข้ารู้สึกผิดกับพวกท่านมาก คนที่ควรคารวะควรเป็นข้าต่างหาก!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นโค้งกายคำนับหมอทุกคนจากใจจริง หมอทุกคนคู่ควรกับการคารวะของนาง
บรรดาหมอต่างเอนกายหลบการคารวะของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นยืนอยู่ด้านข้างนิ่งด้วยความนอบน้อม
“เรารู้ว่าพวกท่านเพิ่งมาถึง ช่วงนี้เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุด ชีวิตของชาวบ้านสำคัญกว่า พวกท่านไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนเราตรงนี้หรอก แม่ทัพเฉียนอยู่เป็นเพื่อนเราก็พอแล้ว!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางหันไปมองบรรดาหมอซึ่งยืนอยู่ด้านหลังนาง
“ทุกคนไปทำหน้าที่ของตัวเองเถิด หากต้องการสิ่งใดบอกเราได้ตลอดเวลา แม้เราจะช่วยทุกท่านรักษาคนไข้ไม่ได้ ทว่า เราจะจัดหาสิ่งที่ทุกท่านต้องการให้ จะไม่ปล่อยให้ผู้กล้าที่เสี่ยงอันตรายมารักษาชาวบ้านที่ติดโรคระบาดขาดแคลนสิ่งใดเด็ดขาด!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทมากพ่ะย่ะค่ะ!”
หมอซึ่งอยู่ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียนรีบโค้งกายคำนับขอบคุณ พวกเขาลอบปาดเหงื่ออยู่ในใจ
หมอหงมองไปทางบรรดาหมอเหล่านั้น เขารู้ว่าคุณหนูใหญ่แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าหมอเหล่านั้นอยากไปจากที่นี่เพราะนางอยากให้หมอเหล่านี้อยู่ช่วยรักษาชาวบ้านที่นี่ต่อ
ตอนนี้หมอกำลังขาดแคลน หากหมอเหล่านี้ยินดีอยู่รักษาคนไข้ต่อที่นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับหมอหงมาก
หมอหงกล่าวขึ้นอย่างไม่ได้ติดใจที่ก่อนหน้านี้คนเหล่านี้คิดไปจากที่นี่
“ตอนนี้พวกเราจะลองใช้สูตรยาสามสูตรที่พวกเราคิดขึ้นมากับผู้ป่วยสามกลุ่มเพื่อดูว่ายาสูตรไหนได้ผลดีที่สุด หมอหนิวช่วยอธิบายให้หมอเหล่านี้ฟังอย่างละเอียดด้วย ข้าจะไปกับฝ่าบาท”
“ได้ขอรับ ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเองขอรับ”
หมอหนิวเป็นคนใจเย็น เขาถือตำราไว้ในมือพลางอธิบายให้หมอคนอื่นๆ ฟัง
“ก่อนจ่ายยาให้ผู้ป่วยเหล่านี้พวกเราต้องสังเกตสีผ้าที่ผูกอยู่ที่แขนของผู้ป่วยและรายชื่อที่อยู่ในบันทึกก่อน เมื่อตรวจแล้วว่าถูกต้องค่อยให้ยาผู้ป่วย…”
หมอหงเดินสำรวจกระโจมพักรักษาตัวกับไป๋ชิงเหยียน ชาวบ้านเห็นไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่หน้ากระโจมจึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที แม้แต่ผู้ป่วยหนักยังพยายามลุกขึ้นจากเตียงและคุกเข่าลงข้างเตียงอย่างยากลำบาก
กระโจมพักรักษาตัวถูกสร้างขึ้นจากไม้ไผ่ ด้านบนใช้ผ้าใบคลุมเป็นหลังคา ด้านล่างปูด้วยหญ้าแห้ง ด้านข้างไม่มีสิ่งใดปกปิดเพราะต้องการให้อากาศถ่ายเทสะดวก
แม้กระโจมเช่นนี้จะกันฝนได้อย่างสบายๆ ทว่า หากมีหิมะตกคงต้านทานไม่ได้ ตอนนี้หิมะใกล้ตกแล้ว เกรงว่าคงต้องสร้างกระโจมขึ้นใหม่เพื่อรับมือกับหิมะ
ไป๋ชิงเหยียนลองเขย่าเสากระโจมที่ทำจากต้นไม้ไผ่เพื่อทดสอบความทนทาน จากนั้นหันไปกล่าวกับเฉียนหย่งจง
“คงต้องเพิ่มความแข็งแรงที่เสาของกระโจมอีก มิเช่นนั้นหากหิมะตกกระโจมอาจพังได้”
“กระหม่อมจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะให้คนมาเพิ่มความแข็งแรงให้พ่ะย่ะค่ะ!”
เฉียนหย่งจงกำหมัดรับคำ
“ที่นี่คือกระโจมของผู้ป่วย ห้ามปล่อยให้ถ่านหมดเด็ดขาด”
ไป๋ชิงเหยียนนิ่งคิดไปครู่หนึ่งจากนั้นเอ่ยถามหมอหง
“ใช้ผ้าคลุมกระโจมไว้สักสองด้านได้หรือไม่ ปล่อยให้อากาศเข้ามาทั้งสี่ด้านอาจหนาวเกินไป เหลือไว้เพียงด้านเดียวได้หรือไม่”
“เหลือไว้ด้านเดียวก็ได้ขอรับ ให้ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงอยู่ด้านนอก ผู้ป่วยที่อาการหนักอยู่ด้านใน จากนั้นรมยาขับไล่เชื้อทุกวันก็พอขอรับ”
หมอหงกล่าว
“ข้าจะจำไว้ขอรับ”
เฉียนหย่งจงกล่าว
เมื่อเห็นจักรพรรดินีต้าโจวเดินเข้ามาด้านในกระโจมผู้ป่วยที่อยู่ด้านในเริ่มกระวนกระวายทันที พวกเขาคือชาวบ้านของต้าเยี่ยน ตอนนี้พวกเขากำลังติดโรคระบาด ทว่า จักรพรรดินีต้าโจวกลับเสด็จมาที่นี่…
พวกเขาไม่เคยได้ยินว่าเคยมีจักรพรรดิองค์ใดเดินทางไปยังสถานที่ที่เกิดโรคระบาดมาก่อน
วันนี้ตอนที่กองทัพต้าโจวนำยาสมุนไพรและหมอมาให้พวกเขาพวกเขายังคิดว่าราชสำนักต้าเยี่ยนเป็นคนส่งมาเพราะสงสารพวกเขา ต่อมาพวกเขาจึงรู้ว่าจักรพรรดินีต้าโจวเป็นคนนำยารักษาโรคและหมอมาที่นี่ด้วยองค์เอง นางจะเผชิญปัญหาในครั้งนี้ไปพร้อมกับพวกเขาทุกคน
พวกเขาไม่คิดว่าต้าโจวจะพาหมอมามากมายถึงเพียงนี้ พวกเขาคิดว่าต้าโจวคงส่งหมอมาเพียงไม่กี่คนเพื่อสร้างภาพเท่านั้น เมื่อก่อนชาวบ้านที่ถูกส่งตัวมารักษาที่สถานที่พักรักษาตัวมีเพียงนอนรอความตายเท่านั้น ทว่า เมื่อหมอเหล่านี้เดินทางมาถึงกลับเริ่มทำการรักษาพวกเขาทันที
เมื่อแม่ที่เดินทางมาที่นี่พร้อมกับลูกเพราะไม่อยากทิ้งลูกของตัวเองไว้คนเดียวถูกตรวจแล้วว่าไม่ติดโรคระบาดจึงถูกหมอเรียกไปสอนวิธีการป้องกันตัวเองจากโรคระบาด แม้พวกนางจะไม่ติดโรคระบาด ทว่า พวกนางไม่สามารถกลับเข้าไปในเมืองได้ดังนั้นพวกนางจึงควรเรียนรู้วิธีการป้องกันโรคระบาดเอาไว้
หมอหงกล่าวกับพวกนางอย่างมีเมตตาว่าให้พวกนางหมั่นล้างมือบ่อยๆ ไปรับผ้าคลุมหน้าผืนใหม่ที่กระโจมที่ตั้งขึ้นใหม่ทุกๆ หนึ่งชั่วยาม ส่วนผ้าผืนเก่าต้องล้างทำความสะอาด ชุบยาใหม่และน้ำไปตากแดดให้แห้งก่อนถึงจะนำกลับมาใช้ได้
พวกนางรู้สึกซาบซึ้งกับน้ำใจของหมอต้าโจวมาก ทว่า พวกนางนึกไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดินีต้าโจวจะเสด็จมายังที่พักรักษาตัวของคนป่วยติดเชื้อโรคระบาดด้วยตัวเองเช่นนี้
นี่คือสถานที่ที่เสี่ยงอันตรายที่สุด!
เมื่อเห็นคนป่วยและญาติของคนป่วยที่ติดตามมาดูแลคนป่วยคุกเข่าลงบนพื้นพลางก้มศีรษะคำนับทั้งน้ำตาไป๋ชิงเหยียนจึงรีบกล่าวขึ้น
“รีบลุกขึ้นเถิด ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้…”
“ฝ่าบาท! ขอบพระทัยฝ่าบาทมากพ่ะย่ะค่ะที่ทรงส่งคนมารักษาชาวบ้านต่ำต้อยอย่างพวกเรา!”
ชาวบ้านที่เคยเรียนหนังสือคนหนึ่งรวบรวมความกล้ากล่าวขึ้นทั้งน้ำตา
“กระหม่อมทราบว่าตอนนี้ต้าโจวกับต้าเยี่ยนกำลังแข่งขันกันอยู่ ราชสำนักไม่อนุญาตให้ต้าโจวส่งยาหรือหมอเข้ามาในเมืองของต้าเยี่ยนที่อยู่ในเขตการปกครองของต้าโจว กระหม่อมซาบซึ้งใจยิ่งนักที่ฝ่าบาททรงพาหมอและนำยาสมุนไพรมาให้พวกเราเองถึงที่เช่นนี้”
“ตอนนี้ทุกคนคือชาวบ้านของต้าโจว คือชาวบ้านของเรา ขอเพียงเป็นชาวบ้านของต้าโจว ต่อให้อยู่ไกลเพียงใดเราก็จะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ต้าโจวจะไม่ทอดทิ้งชาวบ้านของต้าโจวแม้แต่คนเดียว!”
น้ำเสียงกังวานของไป๋ชิงเหยียนดังก้องขึ้นกลางกระโจมรักษาตัว
“ท่านหมอหงอายุมากแล้ว เขาคือหมอยอดฝีมือที่สุดของต้าโจว หมอคนอื่นๆ ล้วนเป็นหมอยอดฝีมือของต้าโจวเช่นเดียวกัน ทุกคนจงเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของหมอทุกคน ต้าโจวจะส่งยาสมุนไพรมาให้อย่างไม่ขาดตอน พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ขอเพียงทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน เราจะผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน เราจะอยู่ที่นี่กับทุกคนจนกว่าอุปสรรคจะผ่านพ้นไป!”
คนป่วยที่อยู่ในกระโจมได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจึงรู้สึกตื้นตันและมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง บางคนถึงกับร้องไห้ออกมา หญิงชราร้องไห้ออกมาจนตัวโยนอย่างควบคุมไม่อยู่ นางตะโกนอวยพรให้จักรพรรดินีต้าโจวทรงพระเจริญหมื่นปี จู่ๆ นางก็เกิดความรู้สึกว่านางโชคดีที่ได้กลายเป็นชาวบ้านของต้าโจว
“ขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ!”
“ฝ่าบาททรงเห็นพวกเราเป็นคนของต้าโจว พวกเราก็จะเป็นคนของต้าโจวตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ!”
“พวกเรายินดีเป็นชาวบ้านของต้าโจวพ่ะย่ะค่ะ!”
เฉียนหย่งจงเห็นชาวบ้านร้องไห้ออกมาอย่างมีความหวังจึงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือและเลื่อมใส