ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 468 สิ้นสุด

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 468 สิ้นสุด

ในเรือนรับรอง แม่ทัพใหญ่ลั่วมือวางบนที่เท้าแขน มองบุตรสาวสองคนและเด็กหนุ่มหนึ่งคนด้วยสีหน้าซับซ้อน

รายงานผิดไปหรือไม่

หากบอกว่าเซิงเอ๋อร์พาบุรุษคนหนึ่งกลับมา เขาสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย

แต่เย่ว์เอ๋อร์พาบุรุษคนหนึ่งกลับมา… ไม่ เขาไม่เชื่อ!

“เซิงเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” แม่ทัพใหญ่ลั่วพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด แต่กลับพบว่าเขาไม่สามารถทำได้

ในความทรงจำ บุตรสาวคนเล็กประพฤติตนดี เหตุใดจึงพาบุรุษกลับมานะ

โดยเฉพาะในช่วงคัดเลือกนางสนม นี่คือปัญหาใหญ่หลวงเชียวนะ

ลั่วเซิงพูดด้วยความสงบว่า “ท่านพ่อ เรื่องเป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ วันนี้องค์หญิงฉางเล่อมาหาข้าที่หอสุรา องค์หญิงชอบน้องสี่มากจึงยกบุรุษให้นางเป็นของขวัญ…”

ฟังลั่วเซิงเล่าที่มาที่ไปจนจบ แม่ทัพใหญ่ลั่วทั้งตกใจและดีใจ เขาพยายามหักห้ามมุมปากที่ยกขึ้น “เช่นนี้เองหรือ”

หากองค์หญิงฉางเล่อเป็นผู้มอบให้เอง เช่นนี้ก็ไม่มีปัญหา ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็ทรงไม่ลงโทษพระธิดาอันเป็นที่รัก

ส่วนเย่ว์เอ๋อร์เมื่อมีข่าวว่าเลี้ยงบุรุษก็จะต้องเสียสิทธิ์ในการคัดเลือกนางสนม

แค่คิดถึงตรงนี้ แม่ทัพใหญ่ลั่วก็อยากจะฮัมเพลง

นี่มันนั่งเศร้าในเรือน โชคลาภตกจากสวรรค์โดยแท้

ไม่ได้ ความดีใจข้างในจะแสดงออกมามิได้ บุรุษคนโปรดขององค์หญิงฉางเล่อยังยืนดูอยู่ หากปฏิกิริยาแบบนี้ของเขาแพร่ออกไป ทางฝั่งฮ่องเต้ก็คงไม่มีผลดีอะไรเลย

จะว่าไปแล้วบุตรสาวคนเล็กที่ประพฤติตนดีเลี้ยงบุรุษ ช่างทำให้เจ็บปวดใจจริงๆ!

แม่ทัพใหญ่ลั่วกระแอมเบาๆ พูดด้วยใบหน้าจริงจัง “สิ่งที่ผู้สูงศักดิ์ประทานให้มิควรปฏิเสธ ในเมื่อเขาเป็นผู้ที่องค์หญิงฉางเล่อประทาน เช่นนั้นก็จัดแจงให้เขาอยู่ดีๆ เถอะ แต่เย่ว์เอ๋อร์เจ้าจงจำไว้ว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก”

ลั่วเย่ว์ตอบอย่างเชื่อฟัง “ลูกรู้แล้วเจ้าค่ะ”

ไม่ว่าท่านพ่อจะคิดอย่างไร ข้างนอกจะมองนางอย่างไร ถึงอย่างไรนางก็ไม่ต้องเข้าวังรับใช้ตาแก่แล้ว

เมื่อออกจากห้องรับรองก็ให้สาวใช้จัดแจงที่พักอาศัยให้ลี่ว์ฉี่ ลั่วเย่ว์กอดลั่วเซิง พูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “พี่สาม สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้วจริงๆ!”

มองดูเด็กสาวที่กอดนางพลางหัวเราะและร้องไห้ ลั่วเซิงก็ยิ้มและเตือนว่า “อย่าดีใจออกนอกหน้า จะได้ไม่เกิดปัญหา”

ลั่วเย่ว์รีบลดมือลง พยักหน้าเหมือนกับไก่จิกข้าวสาร “ข้ารู้ ข้ารู้ ข้าจะเชื่อฟังพี่สามหมดเลย”

ขณะที่นางพูดก็ยังอดยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาไม่ได้

ชีวิตที่เหลืออยู่ของนางยังอีกยาวนาน ด้านหนึ่งคือกำแพงพระราชวังอันเข้มงวด อีกด้านหนึ่งคือท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ นางโชคดีมากที่ขอความช่วยเหลือจากพี่สามของนาง

ลั่วเซิงตบแขนลั่วเย่ว์เบาๆ แล้วเดินไปทางเรือนเสียนอวิ๋นย่วน

หลังจากที่บุตรสาวจากไปแล้วแม่ทัพใหญ่ลั่วก็คิดครู่หนึ่งก่อนจะไปยังพระราชวัง

จักรพรรดิหย่งอันในครานี้ยังไม่ได้ข่าวเรื่ององค์หญิงฉางเล่อประทานบุรุษคนโปรดของตนให้คุณหนูสี่จึงทรงประหลาดพระทัยกับการขอเข้าเฝ้ากะทันหันของแม่ทัพใหญ่ลั่ว

ทันทีที่แม่ทัพใหญ่ลั่วเข้ามาตำหนักหย่างซินก็คุกเข่าลง มือทั้งคู่วางลงบนพื้น พูดเสียงดังว่า “กระหม่อมมีความผิด!”

จักรพรรดิหย่งอัน “…”

สงบอารมณ์ลงครู่หนึ่ง จักรพรรดิหย่งอันก็ตรัสถามว่า “ความผิดอันใด”

แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “เมื่อครู่นี้กระหม่อมได้ยินว่าองค์หญิงฉางเล่อประทานบุรุษคนโปรดให้บุตรสาวคนเล็กของกระหม่อมเป็นของขวัญ… กระหม่อมรู้สึกผิดอย่างยิ่ง มีบุตรสาวถึงสี่คน แต่กลับมีเพียงผู้เดียวที่ตรงตามคุณสมบัติแท้ๆ บัดนี้แม้แต่บุตรสาวคนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ได้ปรนนิบัติฝ่าบาทแล้ว เป็นเพราะกระหม่อมละเลยต่อหน้าที่…”

จักรพรรดิหย่งอันฟังเงียบๆ รู้สึกไม่พอพระทัยนัก

วังหลังไม่มีคนใหม่เข้ามานานหลายปีแล้ว การเลือกนางสนมครานี้แม้จะเป็นเพราะเรื่องทายาท แต่ก็สามารถถือโอกาสรวบรวมและถ่วงดุลความสัมพันธ์ได้

บุตรสาวของลั่วฉือย่อมอยู่ในรายชื่อผู้เข้าคัดเลือก คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เข้าเกณฑ์การคัดเลือกกลับเกิดเรื่องเช่นนี้ ถึงอย่างไรสตรีสูงศักดิ์ที่เข้ารับการคัดเลือกก็ไม่อาจเลี้ยงดูบุรุษได้ ไม่เช่นนั้นจักรพรรดิเช่นเขาจะเสื่อมเสียเกียรติ

จักรพรรดิหย่งอันยิ่งคิดยิ่งโมโห เห็นแม่ทัพใหญ่ลั่วขอโทษขอโพยไม่หยุดก็ตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แค่เรื่องเล็กน้อย ออกไปเถิด”

ในด้านการอบรมสั่งสอนบุตรสาวแล้วลั่วฉือละเลยในหน้าที่จริงๆ!

แม่ทัพใหญ่ลั่วแสดงสีหน้าซาบซึ้ง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อแม่ทัพใหญ่ลั่วออกไปแล้ว พระพักตร์ที่สงบนิ่งของจักรพรรดิหย่งอันก็เคร่งขรึมลง เขาลุกขึ้นเดินสองสามก้าว สั่งโจวซานว่า “เชิญองค์หญิงฉางเล่อเข้าวัง”

ขณะที่องค์หญิงฉางเล่อได้รับบัญชา นางกำลังชมการร่ายรำในจวนองค์หญิง

วันที่อากาศหนาวเย็น พระราชวังอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้บานนอกฤดู ชายหนุ่มรูปงามเต้นระบำบนผ้านุ่มสีขาวดุจหิมะ

องค์หญิงฉางเล่อลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เข้าวังมาพร้อมกับขันทีที่มาเชิญ

“เสด็จพ่อ”

จักรพรรดิหย่งอันมององค์หญิงฉางเล่อ ขมวดคิ้วตรัสว่า “วันนี้ลั่วฉือเข้าวังมาขอประทานอภัย บอกว่าเจ้าประทานบุรุษให้บุตรสาวของเขา เป็นเรื่องจริงหรือไม่”

องค์หญิงฉางเล่อชะงัก ไม่เข้าใจว่าเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เหตุใดต้องเรียกนางเข้ามาถามในวังเป็นการเฉพาะด้วย

“จริงเพคะ”

“ให้บุตรสาวคนไหน”

“คนที่สี่เพคะ น้องสาวของอาเซิง”

จักรพรรดิหย่งอันพระขนงกระตุกเล็กน้อย รู้สึกทำอะไรไม่ถูก

บุตรสาวคนเล็กของลั่วฉือจริงๆ ด้วย

ยายหนูฉางเล่อนี่ ให้บุรุษก็ให้เถอะ ให้แค่บุตรสาวคนหนึ่งไม่พอ เหตุใดเจอใครก็ให้นะ

“อยู่ดีๆ เหตุใจจึงให้บุรุษกับผู้อื่นเล่า”

องค์หญิงฉางเล่อฟังน้ำเสียงเจือแววตำหนิของจักรพรรดิหย่งอันออก นางเม้มปาก เอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “ก็แค่บุรุษคนหนึ่ง ลูกรู้สึกถูกชะตากับคุณหนูสี่ลั่วก็เลยให้เพคะ เสด็จพ่อไม่พอพระทัยหรือ”

จักรพรรดิหย่งอันทำใจลงโทษธิดาอันเป็นที่รักไม่ได้ สุดท้ายถอนหายใจ “เอาเถิด ต่อไปอย่าให้ของผู้อื่นซี้ซั้วอีก”

องค์หญิงฉางเล่อยิ้ม “เสด็จพ่อวางใจ ลูกไม่ได้ให้ทุกคนที่เจอ คนที่เข้าตาลูกได้มีไม่มาก”

จักรพรรดิหย่งอันลอบโล่งใจ

โชคดีที่ไม่มาก หากฉางเล่อมอบบุรุษให้สตรีสูงศักดิ์ที่เป็นผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกนางสนมอีกจำนวนหนึ่ง การคัดเลือกนางสนมของเขาครานี้คงล้มเหลว

“กลับไปพักผ่อนเถิด”

“เช่นนั้นลูกขอทูลลา” องค์หญิงฉางเล่อย่อเข่าเล็กน้อย เดินออกจากตำหนักหย่างซิน

นอกตำหนักขาวโพลน แม้แต่ท้องฟ้าก็เป็นสีขาว

องค์หญิงฉางเล่อหุบยิ้ม มองไปทางวังอวี้หวา

ในอดีตเสด็จพ่อไม่เคยเรียกนางเข้าวังเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านี้

เป็นเพราะเซียวกุ้ยเฟยมีครรภ์ นางก็จะไม่ใช่บุตรเพียงหนึ่งเดียวของเสด็จพ่ออีกต่อไปแล้วหรือ

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้น พระเนตรขององค์หญิงฉางเล่อก็ฉายแววเยือกเย็น

การคัดเลือกนางสนมดำเนินการไปอย่างเข้มงวดและรวดเร็ว ทุกอย่างเสร็จก่อนสิ้นปี โดยได้เลือกสตรีสูงศักดิ์หน้าตางดงามจำนวนทั้งสิ้นสี่สิบเก้าคนเข้าวัง

ผลการคัดเลือกนี้ทำให้ผู้คนมากมายตกตะลึง

ตามที่ทุกคนคิด การเลือกสนมครานี้เลือกสิบคนก็ไม่น้อยแล้ว แต่ครานี้มีจำนวนถึงสี่สิบเก้าคนเกินกว่าที่คาดคิดไว้มาก

ในเรือนเสียนอวิ๋นย่วน หงโต้วถ่มถุย “อะไรกัน ตาแก่คนหนึ่งให้หญิงสาวงดงามมากมายเช่นนี้รับใช้ ไม่ส่องกระจกดูหน่อยเลยว่าตนเองไหวหรือไม่!”

โค่วเอ๋อร์เม้มปากเบาๆ “ต้องให้พูดอีกหรือ ไม่ไหวแน่นอน”

ทั้งสองสบตากันแล้วส่ายศีรษะพร้อมกัน

ลั่วเซิงมองหิมะที่ปลิวไสวนอกหน้าต่าง ห้ามปรามสาวใช้สองคนที่พูดจาดูหมิ่นจักรพรรดิ

ลั่วเย่ว์ได้ข่าวก็หวาดกลัว

สี่สิบเก้าคน ตาแก่ช่างหิวกระหายจริงๆ! โชคดีที่นางมีพี่สาม

คุณหนูสี่เดินถือไก่ย่างสองตัวไปทางเรือนเสียนอวิ๋นย่วน

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท