รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1017 แสดงออกมาให้เห็น เจ้าคือผู้ที่พิเศษสุด!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1017 แสดงออกมาให้เห็น เจ้าคือผู้ที่พิเศษสุด!

มัจฉาสัตมายาร้องไห้ เหตุใดเวลาที่มันต้องเผชิญอุปสรรค ถึงไม่เคยผ่านไปอย่างราบรื่นกัน

ครั้งนี้เดิมทีมันต้องการสำแดงพลังเพียงผู้เดียว ทว่าใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

เฟยทั้งแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัว บรรลุขอบเขตล้ำขีด ทันทีที่มันโจมตีเข้าไปก็ประสบเคราะห์ครั้งใหญ่ ถูกจับทุบตีอย่างแรง!

‘คุณชาย โปรดหันมามองข้าสักครั้งเถิด!’

มันร้องไห้และตะโกนอยู่ในใจ

ผู้ติดตามคุณชาย ไฉนเลยจะเป็นเช่นมัน แต่ละคนล้วนทรงพลังแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อใดกันที่ถูกศัตรูจับทุบตี? ล้วนเป็นฝ่ายที่จับศัตรูทุบตีต่างหาก!

น่าเสียดาย มันเหมือนกับไม่ได้รับการเหลียวแลจากคุณชาย เสียงร้องไห้ภายในใจไม่ได้รับการตอบสนอง

ไม่มีพลังใดจากท้องฟ้า มันยังคงถูกเฟยทุบตีจนทั้งร่างไม่เหลือส่วนที่อยู่ในสภาพดี ๆ

“เจ้าถูกข้าทุบตีโกรธมากหรือไม่? อย่าได้เก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ระเบิดมันออกมาเสีย มันจะทำให้เจ้าได้ลิ้มพลังอันแข็งแกร่งมากขึ้น”

เสียงของเฟยคล้ายมีความดึงดูดเป็นพิเศษ ดังก้องอยู่หัวของมัจฉาสัตมายาไม่หยุด

มันกำลังชักนำความมืดภายในใจของมัจฉาสัตมายาออกมา ทำให้มัจฉาสัตมายาจมลงสู่ความมืด จุดประกายความมืดมิดขึ้นมา

ภายใต้เสียงพิเศษของเฟย ดวงตาของมัจฉาสัตมายาค่อย ๆ กลายเป็นสีแดง บนร่างมีกลิ่นอายชั่วร้ายหลั่งไหล

พลังมืดมิดเริ่มหลั่งไหล เห็นได้ชัดว่ามัจฉาสัตมายาไม่อาจหยุดยั้ง เดินเข้าไปยังความมืดมิดทีละก้าว

ฟิ้ว!

ขณะนั้นเองพลันมีแสงกระบี่เจิดจ้าปรากฏขึ้นกลางอากาศ ผ่าร่างของเฟยออกเป็นสองส่วนในกระบี่เดียว!

เฟยเบิกตากว้าง เต็มไปด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ!

มันต้องการจะประกอบคืนร่างที่แยกออกเป็นสองส่วนเข้าด้วยกัน ทว่ากลับไม่อาจทำได้!

ในเวลาเดียวกันมันยังสัมผัสได้ว่าลมหายใจของมันสลายไปอย่างรวดเร็ว!

“ไม่!”

น่าเสียดายที่ไม่ว่าทำสิ่งใดก็ล้วนไร้ประโยชน์ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย!

ลมหายใจของมันเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ตายสนิทลงภายในอึดใจเดียว!

“รังแกเสี่ยวชี สมควรโดนเช่นนี้แล้ว!”

ลั่วสุ่ยปรากฏตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แสงกระบี่เมื่อครู่นั้นเป็นของนาง

“พี่สาว…”

มัจฉาสัตมายาฟื้นตัวกลับมา ภายในใจเต็มไปด้วยความอบอุ่น พี่ลั่วสุ่ยไม่เคยลืมมัน จดจำมันเอาไว้เสมอ คราวนี้ก็มาช่วยเหลือมันเป็นพิเศษ

มันยังไม่ทันได้ขอความช่วยเหลือเลย

ตอนนั้นเอง ลมหายใจและร่องรอยทั้งหมดของเฟยก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น ตายลงโดยสมบูรณ์

“ไม่เป็นอันใดแล้ว”

ลั่วสุ่ยเอ่ยกับมัจฉาสัตมายาด้วยรอยยิ้ม “ข้าให้ปิ่นหยกไว้กับเจ้า ให้มันช่วยเหลือเจ้าต่อกรกับสิ่งมีชีวิตมืดมิด”

กล่าวจบนางก็ถอดปิ่นหยกออกจากศีรษะและมอบให้มัจฉาสัตมายา

“พี่สาว จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร! นี่เป็นสิ่งที่คุณชายมอบให้ท่าน!”

มัจฉาสัตมายาโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กล้ารับปิ่นหยกไป

มันรู้ว่านี่คือปิ่นหยกที่คุณชายสร้างขึ้นเองกับมือเพื่อมอบให้ลั่วสุ่ย

“นี่เป็นเพียงการยืมชั่วคราว ทำให้เจ้าสามารถต่อกรกับสิ่งมีชีวิตมืดมิดได้ ข้าไม่ได้ให้เจ้า เอาไปเถิด รอหลังเรื่องนี้จบลงค่อยคืนปิ่นหยกให้ข้า”

ลั่วสุ่ยยัดปิ่นหยกใส่มือมัจฉาสัตมายา

“พี่สาว…”

มัจฉาสัตมายาซาบซึ้งใจมาก กำปิ่นหยกในมือ น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว พี่ลั่วสุ่ยคอยดูแลมันอย่างดีมาโดยตลอด หากไม่ใช่เพราะพี่ลั่วสุ่ย ไฉนมันจะยังยืนอยู่ตรงนี้ เกรงว่าคงถูกคุณชายจับตุ๋นไปแล้ว

“ร้องไห้ด้วยเหตุใด ลูกผู้ชายไม่หลั่งน้ำตาง่าย ๆ! อย่าได้ร้องไห้ ดูแล้วน่าเกลียดนัก”

ลั่วสุ่ยเอ่ยออกมา

“ตกลง ไม่ร้องไห้แล้ว!”

มัจฉาสัตมายารีบเช็ดน้ำตาตนเองออก จากนั้นก็ถามลั่วสุ่ย “พี่สาว เหตุใดท่านจึงมาที่นี่? ข้ายังไม่ทันได้ขอความช่วยเหลือเลย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าตกอยู่ในอันตราย”

“ข้าไม่รู้! ทว่าตั้งแต่ต้นเจ้าไม่เคยเดินอย่างราบรื่น ครั้งนี้ก็มีโอกาสอย่างมากที่จะเป็นเช่นนั้น ข้าจึงได้มาที่นี่เพื่อดูเจ้าเป็นพิเศษ ผลที่ออกมาคือเจ้าเผชิญอุปสรรคจริง ๆ”

ลั่วสุ่ยเองก็รู้เกี่ยวกับเส้นทางอันไม่ราบรื่นที่ผ่านมาของมัจฉาสัตมายา เกรงว่ามัจฉาสัตมายาจะต้องเผชิญเคราะห์ หลังจากจัดการสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่แรกไปแล้ว นางก็คิดถึงมัจฉาสัตมายาขึ้นมาทันที

มัจฉาสัตมายาเกาหัวด้วยความกระดากใจ มันคงนับว่าเป็นผู้ติดตามที่น่าขายหน้าสุดของคุณชายแล้ว ไม่เคยปราบปรามศัตรูที่แข็งแกร่งลงได้ แต่กลับเป็นฝ่ายถูกจัดการและทุบตีมาโดยตลอด

“เจ้าโกรธคุณชายหรือไม่?”

ลั่วสุ่ยถาม “โกรธที่คุณชายไม่ได้มอบวาสนาการเปลี่ยนแปลงให้เจ้า ไม่ได้ทำให้เจ้าทรงพลังโดนเด่นปราบปรามศัตรูทั่วทิศได้”

มัจฉาสัตมายาตอบกลับอย่างไม่ลังเลทันที

แม้จะล้มเหลวในการเผชิญหน้าเพียงลำพัง ไม่สามารถปราบปรามศัตรูทั่วสารทิศ แต่มันก็ไม่เคยโกรธคุณชาย

“อืม เช่นนั้นก็ดี”

ลั่วสุ่ยพยักหน้าเอ่ยออกมา “อย่าได้ท้อแท้ อย่าได้เศร้าโศก อย่าได้คิดว่าคุณชายไม่ยุติธรรมกับเจ้า มอบวาสนาการเปลี่ยนแปลงมากมายให้กับผู้อื่น แต่กลับไม่มอบสิ่งใดให้เจ้าสักอย่างเพื่อปราบปรามศัตรู”

“ข้ารู้สึกเสมอว่าเจ้าเป็นผู้ติดตามพิเศษสุดข้างกายคุณชาย คุณชายมีความคาดหวังกับเจ้าสูงอย่างยิ่งแบบที่ไม่มีต่อผู้อื่น มองเจ้าในแง่ดีที่สุด!”

นางกล่าวต่อ “เจ้ายังจำก่อนหน้านี้ได้หรือไม่? เจ้าถูกคุณชายจับมาเลี้ยงไว้ในถังน้ำ ปลาตายไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทว่าเจ้ากลับเป็นผู้เดียวที่ไม่เกิดเรื่องขึ้น มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้”

“อืม!”

มัจฉาสัตมายาพยักหน้าอย่างหนักแน่น มันย่อมจดจำสิ่งเหล่านี้ได้ไม่เคยลืม

“ไม่คิดว่าเป็นเพียงโชคดีหรือ? จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!”

ลั่วสุ่ยส่ายหน้ากล่าวออกมา “นี่ไม่ใช่โชคแต่อย่างใด คุณชายมองเจ้าในแง่ดีมากมาตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงเก็บเจ้าเอาไว้ หลังจากนั้นก็ให้เจ้าแปลงร่าง กินอาหารบนโต๊ะ คิดว่าทั้งหมดเป็นความดีความชอบของข้าอย่างนั้นหรือ?”

ระหว่างช่วงเวลานั้น มัจฉาสัตมายาใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวอกสั่นขวัญหาย ภายหลังที่นางแสดงท่าทางชื่นชอบต่อมัจฉาสัตมายา ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับมัจฉาสัตมายา คุณชายก็นำมัจฉาสัตมายาออกจากถังน้ำย้ายไปเลี้ยงเป็นปลาสวยงามในบ่อ

หลังจากนั้นคุณชายก็อนุญาตให้มัจฉาสัตมายาแปลงร่าง กินอาหารบนโต๊ะ ติดตามอยู่ข้างกาย

มัจฉาสัตมายาเข้าใจมาโดยตลอดว่าเป็นความดีความชอบของนาง สาเหตุที่คุณชายปล่อยมันไปก็เพราะนาง

แต่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?

“ไม่!”

ลั่วสุ่ยส่ายหัวกล่าว “นี่ไม่เคยเป็นความดีความชอบของข้ามา แม้ไม่มีข้าก็จะไม่มีเรื่องเกิดขึ้นกับเจ้าอยู่ดี คุณชายมองเจ้าในแง่ดีมากกว่าผู้ใด! สิ่งทั้งหมดที่เจ้าได้ประสบมาล้วนเป็นบททดสอบที่คุณชายมอบให้เจ้าเพื่อลับคม”

“คุณชาย…”

ดวงตาของมัจฉาสัตมายาเริ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดดูแล้วก็เป็นดั่งเช่นที่พี่สาวลั่วสุ่ยพูดจริง ๆ

คุณชายเป็นตัวตนเช่นใด ความคิดจะถูกผู้อื่นชักจูงโดยง่ายได้อย่างไร?

แม้คุณชายจะชื่นชอบพี่สาวลั่วสุ่ยมาก แต่ความคิดของคุณชายเกรงว่าจะไม่อาจถูกชักนำโดยง่าย

คุณชายไม่มีความคิดจะฆ่ามันตั้งแต่แรก!

“ทำให้ดี พี่สาวเชื่อว่าสักวันเจ้าจะต้องทำให้ทุกคนตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก!”

ลั่วสุ่ยตบบ่ามัจฉาสัตมายา เอ่ยว่า “หลังจากผ่านการทดสอบของคุณชายแล้ว เจ้าจะต้องทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้าได้อย่างแน่นอน เหนือยิ่งกว่าผู้ใด ปราบปรามทุกสรรพสิ่งได้อย่างแท้จริง!”

“ตกลง! ข้าจะพยายาม!”

มัจฉาสัตมายากำหมัดอย่างตื่นเต้น

หลังจากลั่วสุ่ยกล่าวลามัจฉาสัตมายาแล้ว นางก็จากไป มุ่งหน้าสู่สมรภูมิต่อไป

มัจฉาสัตมายายังคงปรับอารมณ์ ก่อนจะนำปิ่นหยกของลั่วสุ่ยมุ่งไปต่อสู้ยังสถานที่อื่น

ตู้ม!

ส่วนลึกจักรวาลดวงดารา สถานที่แห่งนี้เกือบถูกทำลายลงสิ้นแล้ว ต้นหลิวได้พบกับศัตรูอันแข็งแกร่ง ไม่ได้ไร้เทียมทานเหมือนการต่อสู้ครั้งก่อน ๆ สิ่งมีชีวิตมืดมิดในครั้งนี้ค่อนข้างรับมือยุ่งยากอยู่บ้าง!

นี่คือสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่ทะลุขอบเขตล้ำขีดไปจนถึงขั้นที่สิบเอ็ด แข็งแกร่งดุร้ายเป็นอย่างมาก เทียบเท่าได้กับต้นหลิว!

“ระดับนี้ยังพัฒนาขึ้นมาถึงอย่างนั้นหรือ?!”

สีหน้าของต้นหลิวจริงจังยิ่ง แต่ไม่ใช่เพราะกังวลใจกับสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้

แม้สิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้จะแข็งแกร่ง แต่มันยังมั่นใจว่าต่อสู้และสังหารสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้ลงได้อย่างแน่นอน

มันกังวลว่าจะมีสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่แข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้!

ตามสถานการณ์ที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงบอกเล่า นี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งสุด มันอยู่เพียงอันดับที่ห้าเท่านั้น เหนือจากมันยังมีสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เหนือกว่าอยู่อีกสี่ตน

เดิมที มันคิดว่ามันสามารถจัดการสิ่งมีชีวิตมืดมิดห้าอันดับแรกทั้งหมดได้

แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนว่าจะไม่อาจทำเช่นนั้นได้!

เดิมทีสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่มันต่อสู้ด้วยอย่างดุเดือดอยู่เพียงขั้นเก้าขอบเขตล้ำขีดเท่านั้น ส่วนสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าสี่ตนอยู่ขั้นสิบและสิบเอ็ดขอบเขตล้ำขีด

ตัวมันนั้นอยู่ในขั้นที่สิบเอ็ดขอบเขตล้ำขีด เกรงว่าแม้สิ่งมีชีวิตมืดมิดขั้นที่สิบเอ็ดจะได้รับการพัฒนาจนก้าวไปสู่จุดสูงสุดขั้นที่สิบเอ็ดขอบเขตล้ำขีด มันก็ยังต่อสู้ได้อย่างแน่นอน

ทว่าดูเหมือนมันจะคิดผิดไป ประเมินขอบเขตการพัฒนาของเหล่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดต่ำเกินไป!

สิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับที่ห้าเดิมทีอยู่ขั้นเก้าเท่านั้น กลับได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นสิบเอ็ด!

เช่นนั้นสิ่งมีชีวิตอีกสี่อันดับด้านบนเล่า? ไม่ใช่ว่าได้รับการพัฒนาครั้งใหญ่เช่นกันหรือ? อาจเพิ่มขึ้นสองระดับเหมือนกันก็เป็นได้?

สถานการณ์เช่นนี้เหนือความคาดหมายของมันจริง ๆ

เป็นเรื่องยากอย่างถึงที่สุดในการพัฒนาพลังในขอบเขตล้ำขีด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการก้าวไปยังขั้นที่สุดกว่ายิ่งยากขึ้น!

มันคิดว่าขั้นเก้าขอบเขตล้ำขีดจะไม่สามารถพัฒนาขึ้นไปยังขั้นต่อไปได้

ใครจะรู้ มันประเมินต่ำไปอย่างสิ้นเชิง!

ศพทั้งสองนั่นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง สสารมืดมิดที่หลั่งไหลออกมาสามารถเพิ่มพลังให้กับระดับเก้าขอบเขตล้ำขีดได้เป็นอย่างมาก!

ผู้ใดจะจัดการสิ่งมีชีวิตมืดมิดสี่อันดับแรกกัน?

การกวาดล้างสิ่งมีชีวิตมืดมิดไม่ได้ง่ายดายและเรียบง่ายอย่างที่มันคิดไว้…

“ให้ข้าดูเสียว่าพวกมันพัฒนามากเพียงใด!”

ดวงตาของต้นหลิวเปล่งประกาย ระเบิดพลังออกมา ต้นหลิวจัดการสิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับที่ห้าเบื้องหน้าลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปหาสิ่งมีชีวิตมืดมิดสี่อันดับแรก ลองดูว่าสิ่งมีชีวิตสี่อันดับแรกจะทรงพลังน่าหวาดกลัวเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น สิ่งมีชีวิตมืดมิดหนึ่งในสี่อันดับแรกปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่!

นี่เป็นสิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับสาม เห็นได้ชัดเจนว่ามันสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ที่นี่ จึงตรงมาเพื่อช่วยเหลือโดยเฉพาะ!

ตามที่คาดเอาไว้ มันได้รับการพัฒนาอย่างมาก ฝีมือน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด เพิ่งจะมาถึงแสงจากดวงตาก็แบ่งครึ่งร่างต้นหลิวทันที!

ต้นหลิวไม่แน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดนี้แข็งแกร่งมากเพียงใด แต่มั่นใจว่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้อย่างน้อยก็อยู่ขั้นสิบสามของขอบเขตล้ำขีด

สิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้ห่างไกลจากเอ้อเมิ่งที่มันเคยเผชิญก่อนหน้านี้ แข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวกว่ามาก!

เอ้อเมิ่งนั้นอยู่ขั้นสิบสองขอบเขตล้ำขีด

สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมา!

สิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับสามปรากฏออกมาที่นี่ เช่นนั้นอันดับหนึ่ง อันดับสอง และอันดับสี่เองจะต้องสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ที่นี่อย่างแน่นอน และอาจมาสนับสนุนช่วยเหลือได้อีกด้วย

สิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับหนึ่ง อันดับสอง และอันดับสี่ เห็นได้ชัดว่าต่างน่ากลัวมาก หากตามมาสมทบจริง ๆ เกรงว่ามันจะต้องสิ้นชีพแล้ว!

กล่าวได้ว่าสถานการณ์ของมันในตอนนี้วิกฤตเป็นอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับสามคุกคามกดดันมันได้เป็นอย่างมาก!

หากไม่มีสิ่งใดมาช่วยเหลือมัน เกรงว่ามันอาจถูกสิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับสามจัดการลง!

“เจ้าไปเถิด ไปช่วยเหลือสมาชิกคนอื่น ๆ สถานการณ์ของพวกมันไม่สู้ดี ต่างเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง”

สิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับสามเอ่ยกับสิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับห้า บอกให้มันถอนตัวออกจากการต่อสู้ที่นี่ ไปสนับสนุนสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนอื่น ๆ

“ตกลง!”

สิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับห้าไม่พูดอันใดมากมาย ออกจากที่นี่ทันที ตรงไปสนับสนุนสิ่งมีชีวิตมืดมิดอื่น ๆ

มันเองก็สัมผัสได้ว่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดอื่น ๆ กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับศัตรู สถานการณ์ย่ำแย่ยิ่ง ศัตรูเหล่านั้นต่างแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!

“ภายในตัวสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะมากจะน้อยต่างก็มีความมืดมิด มาเถิด ให้ข้าดูเสียว่าเจ้ามีความมืดมิดภายในใจมากน้อยเพียงใด”

สิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับสามมองต้นหลิวด้วยสีหน้าไม่แยแส เอ่ยออกมาอย่างแช่มช้า

จากนั้นมันก็ลงมือทันที เตรียมจุดไฟความมืดมิดในใจต้นหลิว!

ขณะเดียวกัน บนยอดเขาแห่งหนึ่ง หลี่จิ่วเต้านั่งอยู่บนก้อนหิน ในมือถือพู่กันกำลังวาดภาพ

เขาไม่ได้วาดภาพทิวทัศน์ แม้ยอดเขาแห่งนี้จะงดงามยิ่ง เต็มไปด้วยอารมณ์สุนทรีย์ แต่จิตใจของเขากลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับทิวทัศน์อันงดงามเบื้องหน้า

ชายหนุ่มถือพู่กันในมือวาดลงไปอย่างลื่นไหล เขากำลังวาดภาพที่อยู่ในใจออกมา ผู้คนอ่อนโยน โลกหล้าเปี่ยมเมตตา ผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

เรื่องของซิงเมิ่งเขาไม่ได้ลืม ซ้ำยังจดจำเอาไว้ในใจ

เขาปฏิบัติกับซิงเมิ่งเป็นอย่างดี แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายได้ ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่รับรู้ โลกผู้ฝึกตนเกิดเรื่องราวนองเลือดมากมาย

“เหตุใดจึงต้องต่อสู้แย่งชิงกัน? สำหรับปุถุชนแล้ว พวกเจ้าล้วนสูงส่งจนไม่อาจเอื้อมแล้ว…”

เขาทอดถอนใจ สงสัยว่าเหตุใดระหว่างผู้ฝึกตนถึงเกิดการต่อสู้แย่งชิงมากมายเพียงนี้

เหล่าผู้ฝึกตนมีอายุยืนยาว ครอบครองพลังอันไม่อาจจินตนาการถึง ปุถุชนธรรมดาไม่รู้ว่าอิจฉาริษยามากมายเพียงใด ทว่าเหล่าผู้ฝึกตนกลับไม่เคยรู้จักพึงพอใจ ต่อสู้แย่งชิงตลอดเวลา นองเลือดและโหดร้ายกว่าในหมู่ปุถุชนมากนัก!

“หวังว่าจะมีการต่อสู้แย่งชิงน้อยลง เรื่องราวนองเลือดลดลง…”

เขาถอนหายใจอีกครั้ง

ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ว่าหลังจากการถอนหายใจครั้งที่สอง ภาพวาดก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา พลังที่ไม่อาจมองเห็นภายในหลั่งไหลออกไปจากสถานที่แห่งนี้…

สถานการณ์ด้านต้นหลิวย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตอันดับสามกำลังทุบตีต้นหลิว พยายามดึงความมืดในจิตใจของต้นหลิวออกมา ต้องการจะจุดไฟความมืดมิดในใจต้นหลิวขึ้นมา

น่าเสียดาย หัวใจเต๋าของต้นหลิวแข็งแกร่งเกินกว่าที่มันคิด แม้จะใช้พลังมืดมิดจำนวนมากแทรกซึมเข้าไปในร่าง ทว่าความมืดในใจก็ยังไม่ปะทุออกมา ดอกไม้ไฟความมืดภายในใจไม่ได้ถูกจุดขึ้น

“เจตจำนงและหัวใจเต๋าของเจ้ามั่นคงยิ่งนัก น่าเสียดาย พอเจ้าพบกับข้า ทุกสิ่งอย่างก็ถูกกำหนดให้ไร้ค่า ไม่มีสิ่งใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้!”

สิ่งมีชีวิตมืดมิดอันดับสามเหยียดยิ้ม “วางใจได้ ข้าจะต้องจุดไฟความมืดมิดในใจเจ้าได้อย่างแน่นอน!”

มันเสริมความแข็งแกร่งลงมือกับต้นหลิวอีกครั้ง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท