ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 794 สั่งสอน!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 794 สั่งสอน!

ปล่อย ข้าลุยเอง!

ไสหัวไป เจ้าอ่อนหัดเกินไป ข้าสู้แทนเอง!

โจวเจ๋อได้ยินเสียงนี้ และขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่ามีจิตสำนึกพยายามเข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา รู้สึกแปลกๆ มาก รู้สึกแปลกเอามากๆ จริงๆ เหมือนกับตัวเองคุ้นเคยกับวิธีการหนึ่งมานานแล้ว คุ้นเคยกับการให้เจ้าโง่โผล่ออกมาแก้ปัญหาเมื่อเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ จนดูเหมือนจะกลายเป็นการมองตาก็รู้ใจระหว่างทั้งสองคนไปแล้วโดยปริยาย แต่ครั้งนี้กลับต้องอาศัยความช่วยเหลือจากการมาถึงของอีกคน

เคยชินกับสิ่งหนึ่งไปแล้ว แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็ถูกคนแปลกหน้าเข้าร่างตัวเองอย่างกะทันหัน มันรู้สึกไม่ชินอยู่บ้างจริงๆ หากแต่ในเวลานี้ผ่อนปรนให้ความไร้เหตุผลไม่ได้ อิงอิงยังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น แม้ว่าเธอจะยังดิ้นรนขัดขืน แต่โจวเจ๋อรู้ดีว่าอิงอิงต้านได้อีกไม่นานนัก เขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันใดๆ กับอิงอิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมองดูเธอถูกลบเลือน และถูกสิ่งอื่นเข้ามาแทนที่!

เพื่อขัดขวางไม่ให้เกิดเรื่องนี้ เถ้าแก่โจวที่ดื้อรั้นมาโดยตลอด เต็มใจยอมทำทุกอย่าง!

เข้าร่าง

หลอมรวม

ควบคุมร่างกาย

ด้วยประสบการณ์ที่เคยอยู่กับเจ้าโง่นั่นมาก่อน ทุกอย่างจึงกลมกลืนกลมเกลียวกันมากในเวลานี้

คนหนึ่งรีบร้อนอยากจะเข้ามา

คนหนึ่งพายเรือตามน้ำไร้อุปสรรคใดๆ ขวางกั้น

คนหนึ่งพิสูจน์ว่าตัวเองไม่กลัวตาย

คนหนึ่งทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยผู้หญิงของตัวเอง

จุดหมายแตกต่างแต่เป้าหมายเดียวกัน

โจวเจ๋อผู้มอบการควบคุมร่างกายไม่ได้จมอยู่ในการหลับใหล เขายังคงประคองสติเอาไว้ เขาอยากจับตามองที่นี่ ไม่ใช่เพื่อจับตาดูเจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งว่าจะเข้ามาครอบครองร่างของเขาอย่างสมบูรณ์หรือยืมซากศพคืนชีพสำเร็จหรือไม่ เพราะขณะที่เจ้าโง่ยังตื่นอยู่และเขาไท่ซานยังตั้งอยู่ลึกลงไปในจิตวิญญาณของเขา หากเจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งพยายามจะข้าม ‘ภูเขาใหญ่’ สองลูกเพื่อพิชิตเขาให้สำเร็จ มันเป็นเพียงความฝันของคนโง่เขลา

ที่โจวเจ๋อจับตามองไม่ใช่เจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งแต่จับตามองเจ้าโง่ต่างหาก คนสองคนที่ตอนแรกต่อสู้ร่วมกันและเดินออกจากสะพานไน่เหอด้วยกัน ตอนนี้กลับสู่สถานะต่างเฝ้าระวังกันและกันอีกครั้ง

โลกใบนี้ ชีวิตนี้ดูเหมือนจะเป็นวงกลมจริงๆ วนไปเวียนมา กลับไปกลับมา ดูเหมือนว่าเป็นเพียงการเดินจากจุดเริ่มต้นหนึ่งกลับไปยังจุดเริ่มต้นนี้อีกครั้ง แม้ว่าจนถึงตอนนี้โจวเจ๋อยังไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องต่างๆ ดำเนินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรก็ตาม

ทุกสิ่งในอดีตดูเหมือนจะพลิกคว่ำได้ในคราเดียว

โจวเจ๋อยังกังวลว่าอิ๋งโกวจะออนไลน์กะทันหันแล้วลบบัญชีของเจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งทิ้ง

โชคยังดี สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองคือ หลังจากที่จิตสำนึกของเจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา อิ๋งโกวที่ไม่พูดและไม่เคลื่อนไหวใดๆ มาโดยตลอด ยังรักษาความเงียบที่ทำมาโดยตลอดไว้ ไม่ได้เข้ามาแทรกแซง และไม่ได้ออกมายึดการควบคุมร่างกายนี้

ความเงียบงันคือเมืองเคมบริดจ์ในค่ำคืนนี้

เขากำลังหลบเลี่ยงอะไรอยู่ หรือว่าทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับมันอย่างไร

แต่อย่างเขาจะหลบเลี่ยง อย่างเขาจะทำตัวไม่ถูกงั้นเหรอ

เขา กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

“หึๆ…” โจวเจ๋อแค่นหัวเราะ ค่อยๆ กำหมัดแน่น และเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ กระแสน้ำวนสีดำที่อยู่ลึกเข้าไปในดวงตาเริ่มไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าดวงดาวกำลังแตกสลาย เหลือเพียงความยุ่งเหยิงและความสูญสลายรุนแรงที่สุดเท่านั้น

“หึๆ…” ระหว่างเสียงหัวเราะครั้งที่สอง ขาทั้งสองข้างของโจวเจ๋อเริ่มออกแรง ร่างกายเริ่มยืดขึ้น เชื่องช้าแต่ทรงพลังมาก แฝงไปด้วยความไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง ไม่อ่อนน้อมจนดูต้อยต่ำที่ออกมาจากก้นบึ้ง!

“ข้าเป็นสุนัขตัวหนึ่ง เป็นหุ่นเชิดให้คนอื่น ข้าเกิดมาไม่ใช่เพื่อตัวข้าเอง ข้าตายก็ไม่ใช่เพื่อตัวข้าเอง การดำรงอยู่ของข้าเดิมทีมันก็ไม่มีความหมายอะไร เป็นแค่ของเล่นในกำมือของสิ่งที่เรียกว่าผู้ยิ่งใหญ่ เป็นงานอดิเรกที่เขาใช้ฆ่าเวลา หน้าที่ของนักแสดงคือการเอาใจผู้คน แต่ต่อให้ตำแหน่งจะต่ำต้อยแค่ไหนก็เป็นคนอยู่ดี เกิดมามีชื่อ ตายไปมีป้ายหลุมศพ แต่ข้าแย่กว่านักแสดงเป็นพันเท่า!”

ในคำพูดแฝงไปด้วยความเคียดแค้นและไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีความรู้สึกยอมแพ้ต่อตนเองเลยแม้แต่น้อย กลับทำให้นึกถึงการโหมโรงก่อนที่พายุจะมา

โจวเจ๋อยืดเข่าตรง ร่างกายเริ่มส่งเสียงเสียดสีจนแสบแก้วหู มันเกิดจากการเสียดสีอย่างรุนแรงของข้อต่อภายใต้ความกดดันที่รุนแรง รอยแตกบนร่างกายเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ความทรงพลังนั้นกลับสูงขึ้น สูงขึ้น และสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

‘แกรก…แกรก…กึก…”

หลายๆ คนมักจะใช้คำอุปมาที่ว่า ‘ร่างกายมนุษย์ก็เหมือนกับเครื่องจักร’ แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าเครื่องจักร จริงๆ แล้วหมายถึงอะไร

ฟันเฟืองจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งร่างกายกำลังทำงานหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง และอาจจะพังเมื่อใดก็ได้!

“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่ยอมแพ้ ข้าไม่ยอมรับชะตากรรม!

มีกี่คนที่ฝันอยากเป็นสุนัข

แม้แต่นักการภารโรงต่ำต้อย ก็ยังมีคนประจบประแจงคอยเป็นสุนัขให้เขา

พ่อแม่ทั้งมณฑลยิ่งมีบริวารข้างกายล้อมหน้าหลังคอยปรนนิบัตินับไม่ถ้วน

กษัตริย์ อำมาตย์ ขุนพลมีสุนัขใต้อาณัตินับไม่ถ้วน

แต่การได้กลายเป็นสุนัขของจักรพรรดิถือเป็นความฝันสูงสุดของผู้รู้หนังสือนับไม่ถ้วน

เป็นสุนัขแห่งผีและทวยเทพนั้นยิ่งรุ่งโรจน์เปล่งประกายหาที่เปรียบไม่ได้!

แต่ ข้าไม่สนใจ!

ข้าลบชื่อของตัวเอง

ข้าลบอดีตของตัวเอง

ข้าลบอนาคตของตัวเอง

ข้าขอเพียงแค่วันนี้จะไม่สวมใส่ปลอกคออีกต่อไป หากไม่อิสระเสรีละก็ ข้ายอมตาย!”

ทุกคำพูดเสียงดังราวกับประกาศก้อง แต่กลับไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาทำแบบนั้นจริงๆ ในภาพวาดนั้นเขาถือถ้วยและหัวเราะใส่อิ๋งโกว หัวเราะให้พอใจ สนุกไปกับมันให้สาแก่ใจ

‘เอี๊ยด!’

พื้นแท่นบูชาที่แข็งแรงใต้ฝ่าเท้าของโจวเจ๋อมีหลุมปรากฏขึ้นสองหลุม แต่เข่าของเขายืดเหยียดตรงแล้ว เวลานี้กำลังยืดเอวต่อ

ด้านหน้า

สีหน้าของทนายอันเริ่มจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ร่างสีทองที่อยู่ด้านหลังเขาก็ดูจริงจังไปพร้อมๆ กัน ภายใต้แรงกดดันอันน่าเกรงขามนี้ ต่อหน้าเจ้าของพลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลนี้ คิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะยืนหยัดขึ้นทีละนิดๆ ได้จริงๆ!

“หึๆ…ตอนแรก แม้แต่เขาข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ มาตอนนี้จะให้ข้าสนใจเจ้างั้นเหรอ” โจวเจ๋อกัดฟันและพูดต่อ “อิ๋งโกวข้ายังไม่เห็นอยู่ในสายตา เจ้านับเป็นตัวอะไร ถึงกล้าให้ข้าเคารพ”

‘ตู้ม!’

ทันใดนั้นอากาศรอบตัวหยุดนิ่ง แล้วเสียงระเบิดก็ดังขึ้น โจวเจ๋อยืดหน้าอกและยืนตัวตรง!

ทนายอันเงยหน้าขึ้นช้าๆ เงาสีทองที่อยู่ข้างหลังเขา ท่ามกลางดวงตาที่พร่ามัว ดูเหมือนจะนึกถึงความทรงจำ มันเป็นสนามรบที่รกร้าง จิ่วหลีพ่ายแพ้ ชือโหยวถูกผนึก ดินแดนแห่งสวรรค์กำหนดเจ้าของแล้ว!

เขายืนอยู่บนรถศึกโดยถือกระบี่เซวียนหยวนไว้ในมือ เบื้องล่างนั้น ยอดคนและขุนศึกภายใต้อาณัติของเขาต่างคุกเข่าลงพร้อมกัน เทพปีศาจ เทียนจุน และทวยเทพต่างพากันเคารพสยบแทบเท้าของเขา ในชั่วขณะนั้น เขาเป็นดั่งสวรรค์ เขาเป็นดั่งโลก ภายใต้แปดดินแดน ผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมีเพียงข้าผู้เดียว!

แต่มีคนผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้เขาที่สุด สวมชุดเกราะที่เสียหายอย่างหนัก บนร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของชือโหยวและจิ่วหลี กลับเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นพลางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา กระทั่งในดวงตาฉายแววล้อเลียนบางๆ ราวกับกำลังเย้ยหยันความภาคภูมิใจของเขาในเวลานี้ ราวกับดูหมิ่นความสำเร็จของเขา เสมือนกับเยาะเย้ยความภาคภูมิของเขาในเวลานี้

ฉากนี้ยังตรึงอยู่ในใจเขาเสมอมา แม้กระทั่งตอนนี้ แม้ว่าเขาจะตกลงไปในผงธุลีของประวัติศาสตร์มานานแล้ว แต่ก็ไม่มีวันลืมมันเช่นเดิม

ในวันนั้นตัวเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แดนสวรรค์ (จีน) ก่อตั้งขึ้น!

ในวันนั้น เขาสวมเกราะมือถืออาวุธคมกริบ ทุกคนต่างอ้อนวอนเขาให้ช่วยปลดแอก!

“เจ้าไม่ใช่เขา…” ทนายอันเอ่ยพูด ในคำพูดแฝงไปด้วยร่องรอยของความทรงจำ คล้ายกับเห็นบางสิ่งบางอย่างแล้วคิดถึงใครบางคน และถูกดึงความทรงจำกลับมา

“ขอบใจ” โจวเจ๋อเอ่ยพูด การต่อสู้ในชาติก่อนของเขาก็เพื่อประโยคนี้ “เราทั้งคู่ไม่ได้ต่างอะไรกัน ล้วนยืมร่างของคนอื่นมาทั้งนั้น งั้นก็เล่นให้สนุกหน่อยแล้วกัน” ขณะที่พูดโจวเจ๋อก้มหน้าเล็กน้อยพลางต่อว่า “ไอ้โง่เง่า ข้าจะสอนวิธีเล่นสิ่งนี้ให้เจ้าเอง!”

‘พึ่บ! พึ่บ! พึ่บ!’

เปลวไฟสีดำที่น่าสะพรึงกลัวลุกโหมจากร่างกายของโจวเจ๋อ เลือดที่หยดไปทั่วร่างดูเหมือนจะกลายเป็นเชื้อเพลิงไวไฟในเวลานี้ มันทำให้โจวเจ๋อดูเหมือนเดินออกมาท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโหม

ร่างกายที่แตกระแหงเริ่มได้รับการซ่อมแซมด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลิ่นอายเริ่มพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง!

“ผีดิบเป็นอมตะ อะไรคือการเป็นอมตะ เจ้ารู้หรือเปล่า

ไม่ใช่การอาศัยผิวหนาหยาบกร้านของตัวเองไปต่อสู้!

ในเมื่อฟ้าดินทอดทิ้งข้า ข้าจึงแยกออกจากฟ้าดิน!

ถ้าข้าไม่มีความสามารถแบบนี้ ก็คงถูกฆ่าตายไปเมื่อแปดร้อยปีก่อนแล้ว!”

อันที่จริงพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าคุณไม่มีความสามารถนี้ คุณจะไม่ต้องทนกับความโดดเดี่ยวและความทรมานอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์ บางครั้งการเป็นอมตะก็เป็นการทรมานรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

“โฮก!” โจวเจ๋อแยกเขี้ยวแหลมคมคำรามและปราดเข้าหาทนายอัน

ร่างสีทองด้านหลังทนายอันปรากฏตัวด้านหน้าและกระจายสิ่งกีดขวางออกไป

“หึๆ!” โจวเจ๋อพุ่งชนเข้าไป เปลวไฟอันโหมกระหน่ำพุ่งทะลุแสงสีทองโดยตรง “ข้าไม่บูชาฟ้าดิน ข้าไม่เคารพภูตผีและทวยเทพ! ทุกสรรพสิ่งในโลกและเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทั้งหลายล้วนไม่อยู่ในสายตาของข้า เจ้าตายไปตั้งกี่ปีมาแล้ว ไม่เหลือเศษกระดูกด้วยซ้ำ ยังคิดจะมาขู่ให้ข้ากลัวอีกหรือ”

เมื่อคุณเผชิญกับชายชราสวมเสื้อผ้าโทรมๆ ที่กำลังคุ้ยเขี่ยเก็บขยะ คุณจะรู้สึกสงสาร แต่ถ้ามีคนบอกคุณว่าเขาเคยเป็นอดีตผู้ว่าการมณฑลที่เกษียณแล้ว คุณจะเกิดความเคารพทันที

สถานะของคน เพียงพอที่จะทำให้คนรอบข้างตระหนักถึงความกดดันที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง แต่เจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งกลับไร้ความยำเกรง แน่นอนว่าไม่มีทางเอ่ยถึงความกดดันประเภทนี้ได้ มันเป็นเหตุผลง่ายๆ ที่จะทำลายสถานการณ์ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้

โจวเจ๋อเดินไปถึงด้านหน้าทนายอัน ทนายอันประสานสองมือทำท่ามุทราอีกครั้ง แต่โจวเจ๋อกลับคว้าข้อมือไว้ทันควัน

“ไอ้ตัวแสบ ข้าให้เจ้าดื้อด้านหรือไง!”

‘ตู้ม!’ โจวเจ๋อจับข้อมือของทนายอันยกขึ้นและทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง

ทนายอันรีบยืนขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันนิ่งก็ถูกโจวเจ๋อเตะอัดจนหงายหลังกระเด็นออกไป ทว่าโจวเจ๋อที่เร็วยิ่งกว่าไล่ตามทันทนายอันไป คว้าคอของเขาและชูขึ้นสูง

นี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่เคารพ ทนายอันพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “บังอาจ!”

โจวเจ๋อคำรามต่ำ “หึๆ ดูสิว่าพ่อของเจ้าเอาใจเจ้าขนาดไหน เป็นถึงคนที่อยู่ในวัยบรรพบุรุษของย่า….ของย่าของทวดของทวดแล้ว ยังทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยอยู่ได้!

วันนี้ข้าจะค่อยๆ อบรมสั่งสอนเจ้าแทนพ่อของเจ้าเอง!”

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท