บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1403 อักขระผนึกเต๋า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1403 อักขระผนึกเต๋า

เฉินซีที่เพิ่งได้รับมรดกจักรพรรดิเต๋า ได้ไต่ขึ้นอันดับที่หนึ่งบนเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ในอีกสามวันให้หลัง!

เมื่อเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ก็เหมือนกรวดก้อนหนึ่งที่สร้างแรงกระเพื่อมน้ำนับพันวง ทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า อีกทั้งยังทำให้ชื่อเสียงของเฉินซีดังไกลขึ้นอีกมาก ไปที่ใดก็มีแต่คนพูดถึง

แต่การพูดถึงที่ว่าได้กลายเป็นการถกประเด็นประเภทหนึ่งไปเสียอย่างนั้น

“อะไรกัน? พวกเจ้าคิดใช้เฉินซีเป็นเป้าหมายหรือ? ตื่นจากฝันก่อนเถอะสหายหนุ่มสาวทั้งหลาย หวังอะไรไกลเกินเอื้อมไม่ใช่เรื่องดี! เส้นทางแห่งการบ่มเพาะควรจะต้องมีความต่อเนื่อง!” อาจารย์ฝ่ายนอกคนหนึ่งสั่งสอนศิษย์ที่คิดตั้งเฉินซีเป็นจุดมุ่งหมาย

“เงียบ! ข้ากำลังสอนอยู่ พวกเจ้ากลับเอาแต่พูดเรื่องเฉินซี ไม่คิดจะไว้หน้ากันเลยหรืออย่างไร!” อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ไม่พอใจนัก ตำหนิศิษย์ทั้งหลายด้วยความฉุนเฉียวพลางเข็นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห นับตั้งแต่เจ้าเด็กนั่นกลับสำนักมา ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรไปหมด ช่างเป็นตัวปัญหาจริงเชียว!

“อะไรนะ? คิดหมายตาแม่นางเช่นข้าหรือ? อย่าเสียแรงเลย ถึงศิษย์พี่เฉินซีไม่ชอบข้า แต่ข้าก็จะไม่มีวันเป็นคู่บำเพ็ญกับเจ้า เว้นเสียแต่…”

“เว้นเสียแต่อะไร?”

“สวรรค์โปรด! โหดร้ายเกินไปแล้ว! ก็เหมือนบอกให้ข้ายอมแพ้เลยไม่ใช่หรือ!?”

ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังถกเถียงเรื่องเฉินซี จนตอนนี้เขากลายเป็นอาวุธลับที่แม่นางน้อยทั้งหลายหยิบยกขึ้นมาใช้ยามถูกตามตื๊อ ทำเอาคนตื๊อแทบร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว

“ไอ้หยา! ต้องต่อแถวรอนานเช่นนั้นเลยหรือ?”

“ใจเย็นไว้ เจ้าคิดหรือว่าจะเข้าร่วมพันธมิตรดาราได้ง่าย ๆ ? ไม่เห็นศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงด้านหน้าเราที่ต่อแถวกันมาทั้งวันทั้งคืนหรือ? เจ้าเห็นพวกเขาบ่นบ้างหรือไม่?”

“อา นั่นก็จริง”

“ฉะนั้นเจ้าต้องใช้ฝีมือให้เต็มที่ ต้องผ่านบททดสอบพันธมิตรดาราให้ได้ ต่อไปมีศิษย์พี่เฉินซีคอยคุ้มกะลาหัว อนาคตเราไปได้ไกลแน่นอน!”

“แต่… ได้ยินว่าศิษย์พี่เฉินซีกับตระกูลจั่วชิวเป็นเหมือนน้ำกับไฟ หาก…”

“หึ! ตระกูลจั่วชิวหรือ? ที่นี่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านะ! ด้วยฐานะของศิษย์พี่เฉินซีในตอนนี้ จะมีใครกล้าแตะเขาแม้แต่ปลายผม? หากเจ้าไม่อยากเข้าร่วมพันธมิตรดารา เช่นนั้นข้าก็จะไม่เป็นคู่บำเพ็ญของเจ้าแล้ว!”

เมื่อชื่อเสียงเฉินซีโด่งดังขึ้น พันธมิตรดาราก็กลายเป็นกลุ่มที่หลายคนยอมเสี่ยงชีวิตเข้าร่วม ล้วนแต่อยากได้ใกล้ชิด และมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา

ซึ่งก็มีหลากหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น ที่ตลกขบขันก็มีไม่น้อย ตอนนี้ชื่อเสียงเฉินซีในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้นดังไกลมากจนไม่มีใครระดับเดียวกับเขาเทียบเคียงได้

ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักที่ทุกคนกำลังตื่นตาตื่นใจ หลายคนสังเกตว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในโถงแต้มดารามีคนแลกเอาไปในวันเดียวกับที่เฉินซีขึ้นเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์

เห็นได้ชัดว่าย่อมเป็นฝีมือเฉินซีอย่างไม่ต้องสงสัย

ภายในโลกแห่งดารา

กระดองเต่าสีดำสนิท มีลายกระดำกระด่าง รูปทรงเหมือนใบมีดขวาน ขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารก กำลังลอยอยู่ตรงหน้าเฉินซี ปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณออกมา

เพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนี่มันประเมินมูลค่าไม่ได้อย่างไรเล่า!

ตามตำนานเล่าขาน สมบัติล้ำค่านี้มีความลึกลับยิ่ง สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เมื่อหลายปีก่อน ปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์เคยใช้แผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์เพื่อคาดการณ์ความลึกล้ำแห่งสวรรค์ สุดท้ายก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดของมหาเต๋าได้สำเร็จ

หากเป็นเรื่องนี้ เฉินซีรู้สึกว่าตนสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งยิ่ง เพราะตั้งแต่บ่มเพาะมา เขาก็ได้ประโยชน์จากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากมากมายหลายอย่าง ถึงขั้นที่อาจกล่าวว่าหากไม่ได้ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากช่วยไว้ ถึงจะบ่มเพาะพลังไม่หยุด เขาก็คงไม่อาจมายืนอยู่ในจุดนี้ได้

ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากตรงหน้าคือชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่เจ็ด ในที่สุดเขาก็ได้มาแล้ว!

ไม่รู้ว่าครั้งนี้มันจะทำเรื่องอะไรให้ข้าประหลาดใจได้บ้าง… ชายหนุ่มมองชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากตรงหน้าด้วยจิตใจจดจ่อ เขาตัดความลังเล สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเอื้อมมือไปสัมผัสมัน

วิ้ง!

พริบตานั้น พลังผันผวนอันน่าประหลาดก็ก่อกำเนิดขึ้นในห้วงจิตสำนึก มันดึงเอาชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่เจ็ดออกไปทันที แล้วผสานมันเข้ากับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในห้วงจิตสำนึกเดิมของเขา

กระบวนการนี้เกิดขึ้นในพริบตา พร้อมกับกระแสพลังโบราณอันทรงพลังแผ่ออกมาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ก่อนจะกระจายไปทั่วห้วงจิตสำนึก!

ตู้ม!

ความผันผวนที่คุ้นเคยและแผนภาพโบราณดูคลุมเครือพลันวาดผ่านอยู่ภายในจิตใจเฉินซี พริบตานั้น เขาเหมือนได้กลับไปเกิดในยุคโบราณ ผ่านพ้นกาลเวลานานนับไม่ถ้วน กลับไปยังจุดเริ่มต้นของใต้หล้าเมื่อครั้งแยกความวิบัติออกจากกัน

มันเป็นกลิ่นอายความรู้สึกโบราณอันกว้างใหญ่ไพศาลและลึกล้ำยิ่ง คล้ายได้เป็นนักเดินทางท่องเวลาสู่ยุคโกลาหล ได้เป็นสักขีพยานในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลก สัมผัสประสบการณ์จากโลกต่าง ๆ นับไม่ถ้วน ผ่านพ้นกาลเวลามานานนับปี…

เมื่อเผชิญความรู้สึกเช่นนี้ เขารู้สึกว่าตนเองช่างตัวเล็กกระจ้อยร่อย ไร้ค่าราคาใดเหมือนฝุ่นเม็ดหนึ่ง ให้ความรู้สึกว่างเปล่าและเกิดความสงสัยขึ้นที่ก้นบึ้งจิตใจ

ครืน!

ความรู้สึกนั้นยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชายหนุ่มใจสั่นสะท้านเหมือนโดนฟ้าผ่า จิตวิญญาณคล้ายถูกพายุซัดกระหน่ำ ในจังหวะนั้น เฉินซีสัมผัสได้ว่าคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นคว้าจิตวิญญาณและสัมผัสทั้งภายในและภายนอกของเขาเอาไว้ หมายจะดึงออกจากร่าง

จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังทรงอำนาจที่เข้าโอบล้อมจิตวิญญาณไว้ ทำให้มันสั่นสะท้านอย่างรุนแรงไม่รู้จบ

ผลกระทบเช่นนี้ลึกล้ำเกินกล่าว ทำให้ทั่วร่างแข็งค้าง ก่อนที่จะสิ้นสติไป

เวลาผ่านไปเท่าใดไม่อาจรู้ได้ แต่ให้รู้สึกเหมือนผ่านพ้นกาลเวลามานานจนไม่อาจนับ หากแต่ทั้งกระบวนการคล้ายเกิดในพริบตาเดียว เฉินซีค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ สายตาพร่ามัว ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างไป ใช้เวลาอยู่นานถึงจะตั้งสติได้

จากนั้นเขาก็สังเกตว่า ห้วงจิตสำนึกกลับคืนสู่ความเงียบสงบแล้ว

ทั้งพลังปราณ พลังดวงใจ ปราชญ์เต๋า แก่นพลัง จิตวิญญาณ และพลังนั้น… ทุกสิ่งอย่างไร้ความเปลี่ยนแปลงใดทั้งสิ้น!

เกิดอะไรขึ้น? เฉินซีอึ้งไป หรือครั้งนี้จะไม่ได้อะไรจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเลยหรือ?

ชายหนุ่มยังไม่อาจยอมรับความจริงเช่นนี้ได้ จึงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะสัมผัสถึงแก่นพลังชีวิตในร่าง ไม่ปล่อยให้มีส่วนใดหลุดรอดพ้นสายตาไปได้ แต่ก็ต้องกลับมามือเปล่า เพราะเมื่อเทียบกับแต่ก่อนแล้ว แสงจาง ๆ ที่ปกคลุมผิวชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในห้วงจิตสำนึกมีความสว่างใสขึ้นดั่งแก้วก็เท่านั้น มันลอยอยู่เช่นนั้นเงียบ ๆ พลางปลดปล่อยแสงเรืองลึกลับไร้ตัวตนออกมา

นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก

จึงทำให้เฉินซีรู้สึกว่าตนสูญเสียผลประโยชน์ พึมพำในใจว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้กัน? ก่อนหน้านี้จำได้ว่าในจิตวิญญาณข้ามีพลังลึกลับปกคลุมอยู่… หือ? ใช่แล้ว! จิตวิญญาณของข้าอย่างไรเล่า!

ทันใดนั้นเฉินซีก็สังเกตได้ว่าตนลืมตรวจพลังวิญญาณไป ดังนั้นจึงไม่รอช้าแล้วลองตรวจสอบจิตวิญญาณตนโดยละเอียด…

วิ้ง!

เมื่อจิตสัมผัสของเฉินซีที่คล้ายกับกระแสพลังโปร่งใสกำลังคืบคลานเข้าไปภายในจิตวิญญาณ กลับมีกระแสพลังผันผวนประหลาดกวาดออกมา ก่อนมันจะกลายเป็นกระแสพลังวน!

วังวนจิตวิญญาณ!

วังวนนั้นหมุนเวียนวนไปไม่รู้จบ มันลึกล้ำ ลึกลับ ทั้งยังเปล่งแสงงดงามออกมา รวมถึงเปล่งพลังศักดิ์สิทธิ์จากใจกลาง เข้าปกคลุมภายในจิตใจ

จังหวะนั้นเฉินซีก็สัมผัสได้ว่า จิตวิญญาณของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเกราะลึกลับ แม้จะถูกพลังเต๋าแห่งสวรรค์ซัดลงมา ก็คงเอาวิญญาณเขาไปไม่ได้!

“อักขระผนึกเต๋า!” ใจเฉินซีพลันเข้าใจบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา ทว่ากลับนึกได้เพียงไม่กี่คำนั้น ไม่อาจรู้เลยว่าพลังนี้มีความลึกล้ำอย่างไรกันแน่

แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว พลังวนในก้นบึ้งจิตวิญญาณของเขาคืออักขระผนึกเต๋าไม่ผิดแน่!

หือ? แล้วในจังหวะนั้นเอง เฉินซีก็เห็นว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ลอยอยู่อย่างเงียบงันในห้วงจิตสำนึก ซึ่งตอนนี้กลับถูกแสงใส ๆ ปกคลุมไว้ทั่ว

แสงเรืองนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นแผนภาพลึกลับ และแผนภาพนั้นก็เต็มไปด้วยอักขระดูน่าสงสัย น่าเสียดายที่มันไม่ชัดเจน ไม่ว่าเฉินซีจะพยายามเพ่งมองเพียงใด แต่ก็มองเห็นได้เพียงอักษรโบราณเป็นตัว ‘荒’ ‘墟’ ‘神’ และ ‘古’ เท่านั้น

แต่พริบตาเดียวพวกมันก็หายไป จากนั้นชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง เหลือไว้เพียงอักขระผนึกเต๋าที่ยังหมุนเวียนวนอยู่ภายในจิตวิญญาณไม่รู้จบ เกิดเป็นฝนแสงหลากสีสันโปรยลงมาดูงดงามตา

มันคืออะไรกัน?

เหตุใดจึงมีแผนภาพประหลาดปรากฏขึ้นภายในชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากได้?

ตัว ‘荒’ ‘墟’ ‘神’ และ ‘古’… อักขระโบราณเหล่านั้นซุกซ่อนความลับใดไว้กันแน่?

ฉับพลันนั้น เฉินซีก็เกิดคำถามมากมายขึ้นในหัวใจ แต่ไม่ว่าจะเค้นสมองคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

ไม่นานนัก จิตวิญญาณเขาก็รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ใจถึงกับสะดุ้งเฮือก เขารีบเก็บสัมผัสตนเองกลับมาโดยเร็ว อักขระผนึกเต๋าจึงหายไปเช่นนั้น หายไปพร้อมกับความรู้สึกเหนื่อยล้านั่น

ดูท่าอักขระผนึกเต๋านี่จะกินปราณวิญญาณไม่ใช่น้อย… น่าเสียดายที่ยังบังคับหรือสั่งการมันไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันมีความสามารถลึกล้ำอะไรอยู่กันแน่… เฉินซีได้แต่ถอนใจ ครั้งนี้เขาได้ประโยชน์มหาศาล แต่หากเทียบกับเมื่อก่อน ผลประโยชน์ในครั้งนี้ดูคลุมเครือลึกลับเกินไปมาก ไม่ว่าจะเป็นอักขระผนึกเต๋าหรือแผนภาพแปลกประหลาดที่ปรากฏขึ้นบนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั่น วิเคราะห์ดูแล้วเป็นพลังที่เขาไม่อาจเข้าใจได้เลย

หากหาชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ทั้งเก้าชิ้นมาจนครบอาจจะสามารถเข้าใจได้กระมัง? ชายหนุ่มงึมงำ เขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าคำถามทั้งหลายคงได้คำตอบเมื่อรวบรวมแผนภาพวารีหลากจนสมบูรณ์เท่านั้น ส่วนตอนนี้เขาต้องยับยั้งความสงสัยนั้นไว้ในใจก่อน

เขาจึงเลิกคิดเรื่องนี้แล้วลุกขึ้นยืน เดินทางออกจากโลกแห่งดาราไป

“เฉินซี เจ้ามาได้เวลาพอดี กำลังตามหาเชียว” เมื่อร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวขึ้นในห้องกระบี่ เขาก็ถูกหลิงไป๋ อาหมาน ไป๋คุย และชิงชิงที่ส่งสายตามองมาด้วยความตื่นเต้นขวางทางไว้

เฉินซีเอ่ย “พวกเจ้าไม่ใช่ว่าอยู่กับอาซิ่วหรือ? ทั้งกินทั้งเล่นอย่างหนำใจได้ทั้งวัน เหตุใดถึงได้กลับมากะทันหันเช่นนี้?”

นับตั้งแต่อาซิ่วกลับมา เจ้าสี่ตัวนี้ก็ตามอาซิ่วเหมือนข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ อยู่กับนางแล้วมีความสุขนักจนลืมกลับมาที่นี่หรือกลับมาเยี่ยมเขาด้วยซ้ำ ทำให้เฉินซีอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท