สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 262 ส่งข่าว

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 262 ส่งข่าว

เผชิญหน้ากับคำเชื้อเชิญของซิ่วอ๋อง ซินโย่วมิได้ปฏิเสธ “ขอบคุณซิ่วอ๋องที่เมตตา กระหม่อมขอน้อมรับ”

ซิ่วอ๋องมองไปทางข่งรุ่ยด้วยแววตาอ่อนโยน

เห็นชัดว่าข่งรุ่ยลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้า

ทั้งสองคนเดินไปส่งซินโย่วขึ้นรถม้า มองดูรถม้าออกไปไกลแล้วจึงได้กลับจวนตนเอง

จวนที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระราชทานให้ซินโย่วไม่นับว่าใหญ่มากนัก แต่พื้นที่ในเมืองหลวงมีค่าดั่งทองคำจึงเป็นพื้นที่หาได้ยากยิ่ง เหมาะสำหรับซินโย่วที่ไม่ได้มีครอบครัวมาอยู่ด้วยอย่างมาก

เมื่อวานตอนซินโย่วเข้ามาอยู่และได้เห็นจวนหลังนี้ ก็รู้ว่าคนผู้นั้นนับว่าตั้งใจพระราชทานให้นาง

“คารวะคุณชาย”

ซินโย่วเดินเข้าไปก็มีคนคำนับตลอดทาง

คนเหล่านี้ได้รับพระราชทานมา อาจเพราะผ่านการอบรมกำชับมาก่อน ไม่ว่าคิดอย่างไร สีหน้ายังคงแสดงความนอบน้อม

พอเข้าไปในเรือนกลาง ซินโย่วก็ให้ทุกคนออกไป ตนเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็แปลงโฉมอีกครั้งก่อนจะลงนอน

คนที่นางผ่านตามาในตอนกลางวัน มีภาพแวบเข้ามาในห้วงความคิดนางทีละคน ไม่รู้ว่าคนที่ชื่อ ‘ตงเซิง’ จะอยู่ในบรรดาใบหน้าคนเหล่านี้หรือไม่ คล้ายว่าตราประทับที่คล้ายเป็นอักษร ‘จวิน’ จะยิ่งไร้เบาะแสให้สืบต่อ

ซินโย่วคิดว่าการดำรงสถานะ ‘ซินไต้จ้าว’ นี้น่าจะต้องต่อไปอีกสักระยะ

ตำแหน่งเล็กๆ เช่นซินโย่วไม่จำเป็นต้องร่วมประชุมท้องพระโรง เช้าวันต่อมากินอิ่มนอนอิ่ม ก็ออกไปเดินร่อนที่โถงทำการ

ไม่เลว เพราะที่พักใกล้ นางเพียงแค่ก้าวเดินไม่กี่ก้าว ตลอดทางได้รับรู้ประสบการณ์มากมายไม่รู้เท่าไร บ้างก็อิจฉา บ้างก็ชื่นชม

เสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ เข้าหูซินโย่วต่อเนื่อง

“จวนพระราชทาน อยู่ข้างวังหลวง…”

ซินโย่วรู้ว่าสภาพนี้จะดำเนินต่อไปอีกสักระยะ จึงค่อยๆ เริ่มชินชา จนกระทั่งมีคนผู้หนึ่งตอนเดินผ่านตนไป มีของเล็กๆ สิ่งหนึ่งดีดเข้าใส่แขนเสื้อของนาง

จากการสัมผัสเป็นกระดาษชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง

คนของใต้เท้าเฮ่อหรือ

ซินโย่วอยากจะหันกลับไปมอง แต่ทว่ายังคงรักษาฝีเท้าเดิมต่อไป

แม้ว่าตอนนี้นางมีสถานะชาย แต่การติดต่อกับใต้เท้าเฮ่อกลับไม่สะดวกดังเดิมแล้ว

เรื่องราวก็ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ใต้เท้าเฮ่อกับคุณหนูโค่วติดต่อกันเป็นเรื่องส่วนตัว อย่างมากก็ทำให้ผู้คนสัพยอกไม่กี่คำ แต่การติดต่อกับคุณชายซิน ยังมิต้องเอ่ยถึงว่าบรรดาขุนนางคิดเช่นนี้ แต่เกรงว่าคนผู้นั้นก็คงไม่ยินดีที่พวกเขาใกล้ชิดกันเกินไป

ซินโย่วเดินเข้าไปในสำนักฮั่นหลินย่วน ค่อยๆ เร่งฝีเท้าเข้าไปในห้องโถงทำงานไต้จ้าว บรรยากาศที่เดิมเคยครึกครื้น ยามนี้กลับเงียบลง

ซินโย่วเดินไปยิ้มให้บรรดาไต้จ้าวที่นั่งอยู่ ไปถึงที่นั่งตนเอง อาศัยหนังสือบังฝ่ามือที่คลายออก

เป็นกระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งดังคาด

คลี่ม้วนกระดาษออก บนกระดาษเขียนสถานที่และเวลา พร้อมกับคำลงท้ายว่า ‘โย่ว’

นี่คือหลังจากที่ซินโย่วที่ถูกนำไปพบเฮ่อชิงเซียวในสถานะคุณชายซิน ทั้งสองคนตกลงกันไว้แล้วว่าจดหมายที่ส่งถึงกันจะลงท้ายไม่ซับซ้อนมากนัก ใช้อักษรพ้องเสียงกับคำว่า ‘โย่ว’ ของซินโย่ว กับอักษรพ้องเสียงกับคำว่า ‘เซียว’ ของเฮ่อชิงเซียว

ยามนี้ไม่สะดวกกำจัดกระดาษทิ้ง ซินโย่วจึงเก็บไว้ที่ตัวก่อนควานหาหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา

ในวังหลวง

หลังฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เลิกประชุมก็จะจัดการราชกิจก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เรียกตัวเฮ่อชิงเซียวเข้าเฝ้า

“เมื่อวานมีผู้ใดไปสังเกตการณ์ซินไต้จ้าว?”

“ทูลฝ่าบาท มีเมิ่งจี้จิ่ว เสนาบดีและรองเจ้ากรมต่างๆ องค์หญิงใหญ่…” เฮ่อชิงเซียวรายงานรวดเดียวไม่ขาดตกแม้แต่คนเดียว สุดท้ายเอ่ยว่า “ซินไต้จ้าวไปร่วมรับประทานอาหารเย็นที่จวนองค์หญิงใหญ่ ตอนกำลังจะกลับยังได้พบกับซิ่วอ๋อง ซิ่วอ๋องนัดเขาไปดื่มน้ำชากับจิ้งอันโหววันนี้”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินว่าคนที่ไปสังเกตการณ์ซินมู่มีมากมายเพียงนี้ ก็พลันไม่รู้ว่าควรดีใจหรือโมโหดี

“ซิ่วอ๋องมีท่าทีเช่นไร”

เฮ่อชิงเซียวตอบตามความจริง “ซิ่วอ๋องให้ความสนิทสนมกับซินไต้จ้าวมากพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดพระขนง ปฏิกิริยาแรกก็คือไม่ทรงเชื่อ

เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับบุตรชายคนโตผู้นี้มานานมากแล้ว ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีความเข้าใจบุตรชายลึกซึ้ง จึงไม่รู้ว่ายามที่บุตรชายเผชิญหน้ากับผู้ที่จะกลายมาเป็นศัตรู เขายังจะทำตัวเป็นมิตรได้จริงหรือ

“ชิงเซียว ทางซินไต้จ้าว คนอื่นเราไม่วางใจและไม่เชื่อใจ เจ้าคอยดูด้วยตนเอง”

เขาไม่อยากให้คนทำร้ายเด็กคนนี้ หรือว่าเด็กคนนี้จะหนีไปเหมือนซินซิน แล้วมานั่งเสียใจภายหลัง

“พ่ะย่ะค่ะ” เฮ่อชิงเซียวรับคำ ในใจแอบถอนหายใจแทนซินโย่ว

นี่ก็คือสาเหตุที่เขาไม่อยากให้นางเข้ามาร่วมในทะเลสาบลึกนี้

ทันทีที่ก้าวเข้ามา อิสระก็จะเป็นดังบุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารี ที่ไม่อาจจับต้องได้ ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว

“ฝ่าบาท ยามจำเป็น กระหม่อมใกล้ชิดซินไต้จ้าวได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฮ่อชิงเซียวลองหยั่งเชิง

ติดต่อกันเงียบๆ อาจทำให้กลายเป็นช่องโหว่ให้ผู้คนจับได้ หากได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้เปิดเผยก็จะสะดวกมากขึ้น

ตอนนี้คนที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่วางพระทัยที่สุดก็คือซิ่วอ๋อง รองลงมาก็คือสายพระมารดาขององค์ชายน้อยอื่นๆ ก็มิใช่เกรงกลัวพวกเขาก่อเรื่องเปิดเผย เช่นนั้นจับกุมทีเดียวย่อมง่ายดายกว่า แต่กังวลว่าอีกฝ่ายจะแอบทำร้ายซินมู่ในที่ลับมากกว่า

ธนูจากที่ลับป้องกันได้ยากที่สุด

สำหรับเฮ่อชิงเซียว เขาไม่นึกเป็นห่วงเรื่องเหล่านี้

ชาติกำเนิดเฮ่อชิงเซียวเรื่องที่ทุกคนไม่วางใจ อำนาจทุกอย่างล้วนฮ่องเต้พระราชทานให้เขา ไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายซินมู่

“ทุกอย่างปรับเปลี่ยนตามสภาพการณ์ได้”

เฮ่อชิงเซียวเบาใจลง

ได้รับพระอนุญาตจากฮ่องเต้ เขาติดต่อกับซินโย่วก็ไม่ต้องกลัวมีคนคิดไม่ซื่อนำไปเป็นเรื่อง

“ไปได้”

“กระหม่อมทูลลา”

เฮ่อชิงเซียวไปแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จัดการราชกิจอีกครู่หนึ่ง ก็สั่งการขันที “ถ่ายทอดคำสั่งไปยังสำนักฮั่นหลินย่วน ให้ไต้จ้าวซินมู่เข้าเฝ้า”

แววตาซุนเหยียนข้างๆ วูบไหวเล็กน้อย

เขาคิดว่าอย่างน้อยฮ่องเต้จะทรงทนถึงพรุ่งนี้ค่อยเรียกตัวซินไต้จ้าวเข้าวัง

ขันทีนำพระบัญชาไปยังสำนักฮั่นหลินย่วน

“ฮ่องเต้รับสั่ง ให้ไต้จ้าวซินมู่เข้าเฝ้า”

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

“ซินไต้จ้าวตามข้ามา”

ซินโย่วลุกขึ้นเดินไปหาขันทีที่รอนางอยู่

พอขันทีถ่ายทอดราชโองการนำซินโย่วจากไป ไต้จ้าวในโถงไต้จ้าวฝั่งตะวันออกต่างสงสัย มายืนตรงหน้าไต้จ้าวที่อยู่ฝั่งตะวันตก บ้างก็ถามตรง ๆ บ้างก็ถามอ้อมค้อมไม่หยุด

“ซินไต้จ้าวคบหาง่ายไหม”

“เมื่อวานหลังซินไต้จ้าวเลิกงานนั่งรถม้าจวนองค์หญิงใหญ่ใช่หรือไม่”

ไต้จ้าวทุกคนต่างตอบคำสองคำ ก่อนจะหนีกลับโถงทำงานฝั่งตะวันตกของตนเอง

ผ่านไปครู่หนึ่ง จานปู่ไต้จ้าวก็ถอนหายใจ “ชีวิต”

ฉือไต้จ้าวสีหน้าแปลกไป พึมพำบทกวีใหม่ที่แต่งเมื่อคืนวานนี้

ส่วนฮว่าไต้จ้าวจ้องมองกระดาษเซวียนจื่อว่างเปล่าตรงหน้า คล้ายกำลังคิดวาดภาพคนที่เขาชำนาญ โครงกระดูกใบหน้าซินไต้จ้าวดูแล้วอ่อนโยนกว่าชายทั่วไปมาก ตามหลักควรจะหล่อเหลารูปงามยิ่งกว่านี้อีกสักหน่อย

“ฮว่าไต้จ้าว ท่านคิดอันใดอยู่” ฉีไต้จ้าวถาม

ทุกคนชินกับการเรียกขานกันและกันตามความชำนาญของแต่ละคน

“ข้ารู้สึกว่าซินไต้จ้าวน่าจะงามยิ่งกว่านี้อีกสักหน่อย” ฮว่าไต้จ้าวหลุดปากออกมา

คนอื่นๆ พากันค้อนใส่เขาทีหนึ่ง

คนผู้นี้เสียสติไปแล้ว!

ซินโย่วตามขันทีเข้ามาในตำหนักเฉียนชิงกง ตอนเห็นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ เขากำลังอ่านฎีกาอยู่

เรียวตาโตยาว คิ้วดำดังหมึกวาด ผิวพรรณขาวแต่กำเนิด

มองดูใบหน้าที่คล้ายคลึงกับตนเอง ซินโย่วพลันอดคิดไม่ได้ว่าการที่นางหน้าตาเหมือนคนผู้นี้เช่นนี้ ไม่รู้ว่าตอนท่านแม่มองนาง จะเกิดความรู้สึกอยากฟาดนางสักทีหรือไม่

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้วางฎีกาลง กวักเรียกซินโย่วเข้ามาใกล้ ประเมินมองแล้วก็หัวเราะเบาๆ ตรัสถามขึ้นว่า“เป็นอย่างไรบ้าง อยู่สำนักฮั่นหลินย่วนชินแล้วหรือยัง เริ่มคุ้นชินกับที่พักหรือไม่”

“กระหม่อมสบายดีทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถามคำถามอีกไม่น้อย ซุนเหยียนข้างๆ ทนรับฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ

คิดไม่ถึงเลยว่า ฮ่องเต้ถึงกับเป็นคนพูดจามากเช่นนี้

ในยามนี้เอง ขันทีก็รายงานว่าจังโส่วฝู่ขอเข้าเฝ้า

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท