ตอนที่ 570 มีพิรุธ(1)
เมื่อได้ยินสิ่งที่ตู้เยว่เอ๋อร์พูด ฉินมู่หลานก็ไม่ถามเซ้าซี้อีกต่อไป ในฐานะภรรยาน้อยของเยวี่ยหรงกวง ตู้เยว่เอ๋อร์จึงต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แม้ว่าจะตั้งครรภ์แล้วก็ตาม ในครอบครัวที่มักจะมีเรื่องขัดแย้งประเภทนี้เสมอ ทำให้เธอไม่สนใจอยากรู้เรื่องนี้ และเธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลยแม้แต่น้อย
ตู้เยว่เอ๋อร์มาหาฉินมู่หลานในครั้งนี้ เพราะต้องการให้เธอสั่งยาบำรุงครรภ์ให้
“คุณหมอฉิน ไม่ทราบว่าคุณจะช่วยสั่งยาให้ฉันได้ไหมคะ ฉันไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับลูกของฉันน่ะค่ะ”
ฉินมู่หลานได้ฟังแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “แน่นอนค่ะ ฉันจะเขียนใบสั่งยาบำรุงครรภ์ให้คุณ คุณไปซื้อยาได้ด้วยตัวเองเลยค่ะ”
ระหว่างพูด ฉินมู่หลานก็ได้เริ่มเขียนใบสั่งยาแล้ว
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตู้เยว่เอ๋อร์กังวล ฉินมู่หลานก็มองหล่อนแล้วพูดว่า “ผู้จัดการตู้ คุณรอสักครู่นะคะ ฉันจะไปเอายามาให้ค่ะ”
เมื่อตู้เยว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า
ฉินมู่หลานเดินถือยาเข้ามา ก็ยื่นให้หล่อนแล้วพูดว่า: “ผู้จัดการตู้ นี่เป็นยาช่วยรักษาครรภ์ ในเวลาคับขัน คุณกินได้เลยนะคะ มันไม่เพียงช่วยคุณได้เท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาเด็กในท้องของคุณไว้ได้ด้วยค่ะ”
ตู้เยว่เอ๋อร์ได้ฟังดังนั้นก็รีบรับยามา แล้วพูดด้วยความซาบซึ้ง “คุณหมอฉิน ขอบคุณนะคะ”
หล่อนรู้ว่ายานี้ต้องมีคุณค่ามาก ถือว่าฉินมู่หลานมีน้ำใจมากที่มอบให้หล่อน
“บางทีอาจเพราะได้เป็นแม่คนแล้ว หัวใจก็เลยอ่อนโยนลง ฉันไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณและลูกในท้องของคุณค่ะ”
ตู้เยว่เอ๋อร์ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะลูบท้องที่ยังไม่ใหญ่ของตัวเองด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ใช่แล้วค่ะ พอมีลูกแล้ว หัวใจก็อ่อนโยนลงจริง ๆ ค่ะ”
เมื่อมองฉินมู่หลานอีกครั้ง สายตาของตู้เยว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็พูดถึงอีกจุดประสงค์หนึ่งที่ทำให้หล่อนมาที่นี่
“คุณหมอฉิน มาที่นี่ครั้งนี้ฉันอยากจะสั่งซื้อของเพิ่มด้วยค่ะ ธุรกิจเครื่องสำอางมู่เสวี่ยในฮ่องกงดีมาก หลายคนกลับมาซื้อซ้ำอีก ครั้งนี้ฉันต้องอาศัยความร่วมมืออีกครั้ง เพื่อทำให้งานก้าวหน้าค่ะ”
หล่อนมีลางสังหรณ์ว่าถ้าร่วมมือกับฉินมู่หลานเหมือนอย่างครั้งนี้อีก จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับหล่อน แต่ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร
เมื่อฉินมู่หลานได้ฟังแล้วก็ยิ้ม แล้วพูดว่า “เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลยค่ะ”
ตู้เยว่เอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: “หมอฉิน ฉันคิดว่าเซินเจิ้นจะพัฒนาแน่นอน สามารถเปิดร้านมู่เสวี่ยได้ที่นั่นค่ะ ธุรกิจจะต้องไปได้สวยแน่ ๆ ค่ะ”
ฉินมู่หลานย่อมรู้อยู่แล้วว่าพัฒนาการของเซินเจิ้นจะไม่แย่ และรู้ด้วยว่าคำเตือนของตู้เยว่เอ๋อร์นั้นจริงใจ เธอจึงยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ผู้จัดการตู้ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะวางแผนอย่างรอบคอบค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ได้คัดค้าน แต่พูดอย่างจริงจังว่าจะวางแผน ตู้เยว่เอ๋อร์ก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วจึงจ่ายค่าปรึกษาให้เธอ “คุณหมอฉิน ขอบคุณมากสำหรับวันนี้นะคะ ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
หลังจากที่ตู้เยว่เอ๋อร์จากไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็มาเก็บจานไปล้าง แล้วถามด้วยความสงสัย: “ผู้จัดการตู้มาที่นี่เพื่อคุยเรื่องเครื่องสำอางเหรอจ๊ะ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้า แล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ ยอดขายในฮ่องกงดีมาก คราวนี้หล่อนเลยมาลงชื่อในใบสั่งซื้อสินค้าเยอะเลยค่ะ”
ได้ฟังดังนั้น ซูหว่านอี๋ก็มีความสุขมาก
“แบบนั้นก็เยี่ยมมากจ้ะ เครื่องสำอางของเราเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
เมื่อเหยาจิ้งจือกลับมาในตอนเย็น หล่อนก็ได้รู้เรื่องนี้และมีความสุขไม่แพ้กัน แต่ยังคงกังวลเรื่องร้านซิ่งหลินของฉินมู่หลาน จึงถามอีกครั้งหนึ่งว่า “มู่หลาน ได้ยินมาว่าเธออยากเลือกที่ดินสร้างโรงงาน ฉันมีที่ดินที่เหมาะมากอยู่ พรุ่งนี้จะลองไปดูก่อนไหมจ๊ะ”
เมื่อลูกสะใภ้คนเล็กอยากเลือกที่ตั้งร้านซิ่งหลิน หล่อนก็นึกถึงบ้านทุกหลังที่เป็นชื่อหล่อน แล้วพบว่าไม่มีหลังใดเหมาะสมเลย เพราะบ้านหลายหลังที่เป็นชื่อของหล่อนล้วนเป็นประเภทที่ใช้อยู่อาศัย มีร้านค้าใกล้ ๆ น้อยมาก จึงไม่เหมาะสมมากนัก แต่หากต้องการสร้างโรงงาน หล่อนก็มีที่ดินกว้างอยู่ในเขตชานเมืองฝั่งตะวันออก ซึ่งน่าจะเหมาะสม
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันกับปิงหรุ่ยจะไปดูนะคะ ถ้าเหมาะสมก็จะเช่าที่ดินนี้กันค่ะ”
เหยาจิ้งจือได้ฟังเช่นนั้นก็รีบโบกมือ แล้วพูดว่า “จะเช่าอะไรกันล่ะจ๊ะ ถ้ามันเหมาะสมจริง ๆ พวกลูกก็ใช่ที่ดินตรงนั้นได้เลย”
“นั่นไม่ได้หรอกค่ะ ต้องทำบัญชีให้ชัดเจนค่ะ”
ซูหว่านอี๋เดินมาพูดเสริมว่า “ใช่แล้ว แม้แต่พี่น้องก็ยังต้องทำบัญชีกันให้ชัดเจนค่ะ”
แต่เหยาจิ้งจือยิ้ม แล้วพูดว่า “ฉันวางแผนว่าจะมอบที่ดินผืนนั้นให้อาหลี่กับลูกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นใช้มันได้ตามที่ต้องการได้เลยจ้ะ”
เมื่อได้ฟังอย่างนี้ จู่ ๆ ฉินมู่หลานก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เธอไม่คิดว่าเหยาจิ้งจือจะคิดแบบนี้ จึงบอกว่า “แม่คะ รอให้พวกหนูไปดูพรุ่งนี้ก่อนเถอะนะคะ”
“ได้จ้ะ”
วันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานกับสองพี่น้องเซี่ยปิงหรุ่ยและเซี่ยปิงชิง เดินทางไปที่ชานเมืองฝั่งตะวันออกด้วยกัน เมื่อเห็นที่ดินกว้างใหญ่ตรงหน้า เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “มู่หลาน ที่ดินผืนนี้เหมาะกับการสร้างโรงงานจริง ๆ พื้นที่กว้างพอ สิ่งแวดล้อมก็ดีด้วย ฉันคิดว่ามันเยี่ยมมาก”
เซี่ยปิงชิงพยักหน้า แล้วพูดเสริมว่า “ใช่ ที่นี่ดีมากจริง ๆ มู่หลาน รีบจองที่นี่เลย”
ฉินมู่หลานเองก็คิดว่ามันดีเช่นกัน แต่เหยาจิ้งจือจะยกที่ดินผืนนี้ให้เธอ เธอจึงยังลังเลเล็กน้อย พูดว่า “ที่ดินผืนนี้เป็นของแม่สามีของฉันเอง”
จากนั้นเธอก็เล่าถึงแผนของเหยาจิ้งจือด้วย
เซี่ยปิงชิงฟังจบแล้วก็พูดทันที: “มู่หลาน ในเมื่อแม่สามีของเธอพูดแบบนั้นแล้ว เธอก็แค่ยอมรับไว้สิ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองเซี่ยปิงชิง
เซี่ยปิงชิงเห็นดังนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม: “แม่สามีของเธอมีลูกชายแค่สองคนเท่านั้น ในเมื่อลูกสะใภ้คนเล็กอย่างเธอจะได้ที่ดินผืนนี้ ก็แสดงว่าแม่สามีต้องเตรียมอย่างอื่นไว้ให้ลูกสะใภ้คนโตแล้ว ดังนั้นเธอไม่ต้องคิดมากเกินไปหรอก”
ฉินมู่หลานคิดตาม จากนั้นเธอก็เลิกกังวลเรื่องนี้
“เอาล่ะ มาสร้างโรงงานที่นี่กันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าได้ที่ตั้งของโรงงานและร้านซิ่งหลินแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดอย่างตื่นเต้น: “เยี่ยมมาก ในที่สุดเราก็ได้ก้าวไปสู่ขั้นแรกแล้ว ต่อไปฉันต้องคิดหาวิธีรับคนที่บ้านเข้ามาทำงานด้วยอย่างรอบคอบ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม แล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็ดี ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับพวกเธอแล้วกัน”
หลังจากที่ทั้งสามคุยกันจนจบแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อเหยาจิ้งจือเห็นฉินมู่หลาน ก็รีบถามว่า: “มู่หลาน ที่ดินผืนนั้นเป็นยังไงบ้าง มันน่าจะพอสร้างโรงงานได้นะ”
“แม่คะ ที่ดินผืนนั้นไม่มีปัญหาเลยค่ะ พวกฉันตัดสินใจสร้างโรงงานที่นั่นแล้วค่ะ”
เหยาจิ้งจือมีความสุขมากเมื่อได้ยินดังนั้น
“อย่างนั้นก็เยี่ยมมากเลยจ้ะ คงจะดีมากถ้าที่ดินผืนนั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้”
หลังจากนั้นเหยาจิ้งจือก็พาฉินมู่หลานไปทำเรื่องโอนที่ดินให้เป็นชื่อของฉินมู่หลาน และก็ไม่ลืมครอบครัวของลูกชายคนโต หล่อนไปพูดคุยเรื่องนี้กับหลี่เสวี่ยเยี่ยนด้วยตัวเอง แล้วยังยกบ้านพร้อมที่ดินกว้างให้ด้วย
เมื่อเห็นว่าแม่สามีมีความยุติธรรมมาก หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ไม่มีข้อโต้แย้งเลย