ตอนที่ 734 ดูละครช่วยย่อย
นักพรตเฒ่ามีชื่อฉายาว่าชิงเฟิง ศิษย์เพียงคนเดียวที่ติดตามเขาได้รับชื่อฉายาว่าซานหยวน อันที่จริงเขาอยากจะตั้งชื่อฉายาให้ศิษย์เขาว่าซานถง[1] เพราะตอนที่พวกเขาพบกัน ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีแค่สามอีแปะทองแดงเท่านั้น
ซานถงฟังดูไม่ดี จึงให้เปลี่ยนชื่อเป็นซานหยวนแทน
อาจารย์และศิษย์สองคนถูกพาไปที่เรือนอันเงียบสงบซึ่งได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี หญิงรับใช้ผู้นั้นเตือนว่า “ท่านนักพรตเพียงต้องขับไล่วิญญาณชั่วร้ายเท่านั้น อย่าได้ถามสิ่งใด”
นักพรตเฒ่าเม้มปากไม่เอ่ยอะไรเลย แต่ในใจรู้สึกตื่นตระหนก
ปรมาจารย์สูงสุดของข้า นี่มันผีร้ายตนไหน แม้จะไม่ใช้เข็มทิศ แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าพลังงานหยินในเรือนนี้เข้มข้นรุนแรงมาก
ด้วยพลังตบะของเขา จะเอาชนะได้หรือ คืนนี้เขาคงไม่จบสิ้นอยู่ที่นี่หรอกกระมัง?
นักพรตเฒ่าแอบคร่ำครวญในใจว่าเงินรางวัลช่างได้มายากนัก ไก่ทั้งตัวที่เขาเพิ่งกินไปนั้นกลับไม่มีรสชาติแล้ว จะขาดอาหารมื้อสุดท้ายไม่ได้
ขณะที่สาวใช้เดินเข้าไปในเรือน นักพรตเฒ่าก็ลดเสียงลงเอ่ยกับลูกศิษย์ “ถ้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี เจ้าก็หนีไปเลย”
ใบหน้าของซานหยวนดำมืดลง
อาจารย์ที่ไม่น่าเชื่อถือผู้นี้คิดจะหนีจังหวะสุดท้ายอีกแล้วหรือ
นักพรตเต๋ามองหน้าตาทะมึนของเขา แล้วก็กัดฟันเอ่ย “สิ่งนี้รับมือยาก ไม่ใช่ผีน้อยที่เกิดใหม่ เจ้าต้องจำคำพูดของข้าไว้ เห็นท่าไม่ดี เจ้าหนีได้เลย ไม่ต้องสนใจข้า”
ซานหยวนส่งเสียงหยัน ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจอยู่ข้างใน
เขาลูบขวดเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา มีน้ำตาวัวอันล้ำค่าอยู่สองหยด เขาได้มันมาโดยการนั่งรอจนวัวแก่ตัวหนึ่งตายเป็นเวลาสิบวันเต็ม จะเอามาลูบเปลือกตาดูตอนนี้สักหยดดีหรือไม่
เมื่ออาจารย์เอ่ยเช่นนี้ เกรงว่าที่นี่คงมีสิ่งที่ร้ายกาจมากอยู่จริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขามองไม่เห็น
“พวกท่านรีบตามมา”
นักพรตเต๋าหยิบของบางอย่างในห่อผ้าของออกมาจากอกเสื้อ เมื่อเปิดออกก็เผยให้เห็นเข็มทิศเก่าๆ เขายังไม่ได้เข้าไปบริเวณลานบ้านด้วยซ้ำ เข็มทิศนั้นก็หมุนไม่หยุด
อาจารย์และศิษย์เหลือบมองดู ก่อนจะมองหน้ากัน หัวใจดิ่งลึกลงสู่ก้นบึ้งทันที
นักพรตเฒ่า หรือว่าจะแกล้งทำเป็นท้องเสียดีหรือไม่
ซานหยวนขึงตา นี่คือจวนจวิ้นจู่ กินแล้วไม่ทำงาน เชื่อหรือไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องทุบตีพวกเขาจนเละแน่?
นักพรตเฒ่าเกร็งบั้นท้ายแน่น ข้าก็แค่พูดเท่านั้น
เขาเดินเข้าไปด้วยท่าทางเหมือนมีภูมิมีสีหน้าเคร่งขรึม สตรีสูงศักดิ์ในชุดหรูหรางดงามผู้หนึ่งเดินเข้ามา และถามอย่างกระตือรือร้น “ท่านนักพรตชิงเฟิง ท่านมาแล้วหรือ ท่านรีบมาดูให้หน่อยว่าที่เรือนนี้มีอะไรชั่วร้ายหรือไม่”
คนผู้นี้คือหรงอันจวิ้นจู่
นักพรตเฒ่าเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “พลังหยินท่วมท้น พลังวิญญาณหนาแน่น มีวิญญาณชั่วร้ายสร้างปัญหาอยู่ที่นี่จริงๆ”
สีหน้าของหรงอันจวิ้นจู่เปลี่ยนไปทันที นางเอ่ย “ท่านนักพรต รีบจับมันไปเถิด”
“ไม่รีบ พวกท่านไปนำของที่ข้าให้เตรียมไว้มาก่อน ประเดี๋ยวข้าจะทำพิธี ขับไล่วิญญาณชั่วร้าย คืนความสงบให้แก่จวนของท่าน เพียงแต่…” นักพรตเงียบไปเล็กน้อย
“เพียงแต่อะไร?” หรงอันจวิ้นจู่กลอกตาทันที และเอ่ยอย่างมีความหมาย “นักพรตเฒ่า ขอแค่พวกท่านสามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายจับผีได้ ข้าย่อมตกรางวัลให้อย่างงาม”
“ขอเทียนจุนอำนวยพร” นักพรตเฒ่าประสานมือคารวะ “การกำจัดสิ่งชั่วร้ายเป็นเรื่องที่ข้าควรทำอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีค่าตอบแทนน้ำใจ หากมีสิ่งชั่วร้ายก่อเหตุเภทภัย ผู้บำเพ็ญอย่างข้าย่อมไม่มีทางนิ่งดูดาย”
ซานหยวนหลุบตาลง ในใจก็คิดว่าตอนนั้นเขาก็ถูกหลอกเพราะคำพูดเช่นนี้แหละ จึงได้เข้าสำนักมา
นักพรตเฒ่าถอนหายใจ เมื่อหันไปมองหรงอันจวิ้นจู่ “เรือนนี้มีแต่ไอหยิน หากข้าเข้าใจไม่ผิด วิญญาณชั่วร้ายนี้คงจะอยู่มาระยะหนึ่งแล้วหรือไม่”
หรงอันจวิ้นจู่หลบสายตาและรับคำ
“เป็นอย่างที่ข้าคิดจริงๆ” นักพรตเฒ่าถอนหายใจอีกครั้ง “ไม่ขอปิดบังผู้มีบุญ หากคุณหนูในจวนท่านเพิ่งจะถูกวิญญาณชั่วร้ายพัวพัน ก็กำจัดได้ไม่ยาก แต่บัดนี้ผ่านมานานแล้ว มันมีพลังมากขึ้นแล้ว”
สีหน้าหรงอันจวิ้นจู่เปลี่ยนไปอีกครั้ง “ท่านจะบอกว่าจัดการมันไม่ได้หรือ”
“ข้าบอกได้แค่ว่าจะพยายามอย่างดีที่สุด ไม่ทราบว่าจะขอพบคุณหนูได้หรือไม่”
หรงอันจวิ้นจู่นิ่วหน้า เอ่ยด้วยความลำบากใจ “คงไม่จำเป็นกระมัง ก็แค่เปิดแท่นทำพิธีขับไล่วิญญาณชั่วร้ายก็ได้แล้วมิใช่หรือ”
แสดงออกว่าไม่อยากให้พวกเขาพบคุณหนูผู้นั้นจริงๆ
นักพรตเฒ่าคิดว่าเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ยังจะถือสาเรื่องบุรุษสตรีไม่ควรเข้าใกล้หรือมารยาทของสตรีสูงศักดิ์อะไรนั่นอีกหรือ
แต่เขาเองก็ไม่กล้าพูด หลังจากเห็นว่าคนของจวนนำของที่ต้องการมาแล้ว จึงสั่งให้ซานหยวนตั้งแท่นทำพิธี เขาก็ถือเข็มทิศเดินไปเดินมารอบๆ จนในที่สุดก็เดินไปที่เรือนเล็กๆ นั่น คิดจะเข้าไปข้างใน เพราะเข็มบนเข็มทิศหมุนเร็วจี๋จนแทบระเบิดแล้ว
“มีอะไรหรือท่านนักพรต?”
นักพรตเฒ่ารู้สึกกระวนกระวายใจ ไม่กล้าที่จะไปต่อแล้ว
เขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณที่เย่อหยิ่งเย็นชาและบ้าอำนาจอยู่ในเรือนนี้
“วิญญาณชั่วร้ายนั่นซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เชิญคุณหนูออกมาดีกว่า” นักพรตเฒ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม”
ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เขาได้แต่ต้องกัดฟันสู้แล้ว
ถ้าเขารู้มาก่อนว่าเจ้าสิ่งนี้รับมือยาก เขากินข้าวต้ม ดีกว่ากินข้าวมื้อสุดท้าย
ขาของหรงอันจวิ้นจู่เริ่มอ่อนแรงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น นางสั่งให้คนไปพาบุตรสาวออกมา
นักพรตเฒ่าหันไปมองคุณหนูที่ยังเยาววัยผู้นั้น ดวงตานางหมองคล้ำ ร่างกายซูบผอม ใบหน้าซีดขาว แต่สีหน้าของนางกลับดู…พราวเสน่ห์?
นักพรตเฒ่าแอบคิดว่าสตรีผู้นี้อาจจะโดนดูดแก่นปราณไป?
ทันใดนั้นก็มีลมชั่วร้ายม้วนออกมา พัดยันต์บนแท่นพิธีปลิวว่อนไปทั่ว
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีคนกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
พวกฉินหลิวซีที่อยู่ถัดไปเพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จ และกำลังจะกลับไปที่เรือนรับรองเพื่อพักผ่อน จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างและหยุดเดิน
“มีอะไรหรือท่านเจ้าอาวาสน้อย?” เว่ยเหรินรีบถามทันที
ลู่สวินเองก็มองไปเช่นกัน
ทุกคน “?”
แล้ว?
“เวลานี้แบบนี้ การได้ดูละครช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น” ฉินหลิวซียิ้ม
ทุกคน “…”
ดูละครอะไร ละครหักมุม?
ฉินหลิวซีสั่งให้เถิงเจาพาวั่งชวนกลับไปพักผ่อน แต่นางกลับเหลือบมองไป เตะปลายเท้ากระโดดขึ้นไปบนหลังคา
เว่ยเหรินตกตะลึง ทหารองครักษ์อยู่ที่ไหนกัน? หลับกันหมดแล้วหรือ
ลู่สวินตาสว่างขึ้นทันที และกระโดดขึ้นไปบนหลังคา วิ่งตามฉินหลิวซีไปเช่นกัน
สีหน้าของเว่ยเหรินเข้มขึ้น เขาเองก็อยากรู้อยากเห็นด้วย “ใครหลบอยู่ พาข้าขึ้นไปหน่อย!”
องครักษ์เงาคนหนึ่งถอนหายใจ ปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ก่อนจะดึงปกเสื้อของเว่ยเหรินพาเขาขึ้นไปบนหลังคา แล้ววิ่งตามหลังพวกฉินหลิวซีไป
พูดตามตรง หากพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็เกือบลงมือกับฉินหลิวซีแล้ว นางทำราวกับว่าองครักษ์ทั้งในที่ลับและที่แจ้งอย่างพวกเขาไม่มีตัวตน
ตำแหน่งที่ฉินหลิวซีเลือกไว้นั้นยอดเยี่ยมมาก สามารถมองเห็นเรือนเล็กๆ ที่มีไอชั่วร้ายปกคลุมได้ และยังเป็นมุมมองจากที่สูงด้วย
“ดูอะไรกัน?”
เว่ยเหรินคว้ามือญาติผู้พี่ของเขาไว้ด้วยท่าทางตื่นตระหนก โดยพยายามไม่มองลงไปข้างล่าง ทำไมเขาถึงอยากขึ้นมาเล่า เขากลัวความสูง
ฉินหลิวซีบุ้ยใบ้แล้วชี้ไปที่ฝั่งตรงข้าม “ในเรือนนั่น นักพรตเฒ่ากำลังต่อสู้กับวิญญาณร้าย”
วิญญาณชั่วร้ายอะไรนะ
ฉินหลิวซีเปิดดวงตาให้พวกเขา ทั้งสองก็มองไปไกลๆ พอเห็นเข้าก็เกือบจะร่วงตกลงมาจากหลังคา
ช่วยด้วย เหตุใดไม่ให้พวกเขาตั้งตัวก่อนเล่า ไม่ทันได้ระวังตัวเลย!
[1] สามอีแปะทองแดง