ลู่เซิ่งหรี่ตามองหยวนชิงลี่ที่สวมเกราะสีเขียว เบื้องหลังมีจานกลมสีทองอ่อนลอยอยู่
“รู้สึกเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปนะ…” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม
“เข้าใจผิดหรือ ลู่เซิ่ง เรื่องของดาวเงาพริบตาในครั้งนั้น ในฐานะเจ้าสำนัก ข้ายอมเจ้าอย่างถึงที่สุดแล้ว เจ้าควรทราบว่า ผู้เข้มแข็งมายาพิศวงกับดาวเคราะห์ธรรมดาดวงหนึ่ง ทั้งยังเป็นดาวเคราะห์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาโดยสมบูรณ์ สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะชดเชยดาวเคราะห์ดวงใหม่ให้เจ้า” หยวนชิงลี่น้ำเสียงอ่อนลง คล้ายยังคงมีความคิดเกลี้ยกล่อม
ลู่เซิ่งส่ายหน้า
“น่าเสียดาย…ข้าไม่อาจหันหลังกลับได้แล้ว…ในเมื่อคนร้ายเป็นมายาพิศวงในสำนัก เช่นนั้นก็ยืนยันตัวเป้าหมายได้ง่ายดายยิ่ง ตอนนี้เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าข้าเป็นผู้ปกครอง แต่กลับไม่ยอมมอบมายาพิศวงธรรมดาคนหนึ่งออกมา ก็หมายความว่า มันมีความสำคัญในใจเจ้ามากกว่าข้า”
หยวนชิงลี่สายตาเย็นชาขึ้นทันที ไม่ได้ตอบอะไร
ลู่เซิ่งว่าต่อ “ดูเหมือนข้าจะได้รับคำตอบแล้ว ในหมู่ผู้เข้มแข็งมายาพิศวงของสำนักนทีครามมีแค่คนเดียว ที่มีน้ำหนักมากพอจะให้เจ้าทำเพื่อเขาถึงขั้นนี้”
“ลู่เซิ่ง สุราคารวะเจ้าไม่ดื่มพานจะดื่มสุราจับกรอก[1]!” หยวนชิงลี่เอ่ยเสียงเย็น “หรือเจ้าคิดว่าตัวเองคือกายอมตะ แล้วจะวางอำนาจบาตรใหญ่ได้”
“ขู่ข้าหรือ” ลู่เซิ่งพลันหัวเราะ
ดูเหมือนสำนักนทีครามจะไม่ทราบตำแหน่งของตัวเอง ดังนั้นเขายินดีช่วยทำให้พวกเขารู้จักที่ทางตัวเองโดยไม่เรียกค่าใช้จ่าย
นิ่งไปสักพัก ลู่เซิ่งก็ขยับแขนขวา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้านั้น…ลงมือเลยก็แล้วกัน” เขาพลันยกมือขึ้น แขนขวาพองขยาย พริบตาเดียวก็พุ่งเข้าใส่อีกฝั่งราวกับงูเหลือมดำ
เปรี้ยง!
พลังยิ่งใหญ่พัดสายลมขึ้น อากาศส่งเสียงฉีกขาดแหลมสูง ถูกกรีดเป็นร่องแยกมิติราวกับเส้นสีดำ
หยวนชิงลี่แค่นเสียง ไม่กล่าวพิรี้พิไร ยกมือโยนผลึกก้อนหนึ่งออกไปทันที
รอยกระบี่นับไม่ถ้วนบนผลึกระเบิดออกอย่างฉับพลัน
ฟ้าวๆๆๆ!
พริบตานั้นมีปราณกระบี่ไร้รูปร่างกึ่งโปร่งแสงระเบิดออกมาทั่วท้องฟ้า
ปราณกระบี่อันมหาศาลรวมตัวกลายเป็นอสูรกระบี่ดุร้ายตัวหนึ่งพุ่งใส่ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งเอียงเบี่ยงหลบ ความรู้สึกคุ้นเคยชนิดหนึ่งพลันบังเกิดในใจ อสูรกระบี่ตัวนี้เหมือนจะเป็นประเภทเดียวกับวิชากระบี่ที่ชายชราของสำนักวิญญาณไตรอริยะใช้ก่อนหน้านี้ ให้ความรู้สึกแปลกพิสดารที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้
ลู่เซิ่งเปลี่ยนทิศทางแขน พุ่งเข้าใส่ฟาดอสูรกระบี่
ในเมื่อหลบไม่พ้น เช่นนั้นก็ไม่ต้องหลบ
เปรี้ยง!
เขาจับหัวอสูรกระบี่ไว้แน่น คมกระบี่จำนวนมากเสียดสีเชือดเฉือนฝ่ามือลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่องจนมีสะเก็ดไฟสีทองกลุ่มใหญ่กระเด็นออกมา
สวบ!
ในขณะที่กำลังจะใช้พลัง ลู่เซิ่งพลันรู้สึกเจ็บทรวงอก
พลังปราณทั่วร่างเขาเริ่มไหลเวียน เมื่อก้มหน้ามอง บนทรวงอกมีรูเลือดทรงขนมเปียกปูนโผล่มาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“เอาอีกแล้ว…” ลู่เซิ่งไม่รู้เลยว่าตนเองโดนกระบวนท่าได้อย่างไร เขายื่นมือออกมาอย่างยากลำบาก คิดจะดึงคมกระบี่ที่ซ่อนเร้นออกมาจากรูเลือด
ทว่าไม่รอให้เขาเอื้อมมือถึง คมกระบี่ที่ซ่อนเร้นก็หลุดออกมาพร้อมกับเลือดกลุ่มหนึ่ง
“บัดซบ!” เขาไม่ทันพูดต่อ ร่างก็แยกเป็นเสี่ยงๆ ถูกปราณกระบี่ที่ทะลักออกมาจำนวนมากฟันเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนจากด้านใน
หลังฉีกกระชากลู่เซิ่งเสร็จ ปราณกระบี่ก็ยังไม่หยุดลง หากแต่แบ่งปราณกระบี่ที่เล็กกว่าเดิมออกมาหั่นเลือดเนื้อที่เหลือของลู่เซิ่งเป็นชิ้นๆ
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนจับตัวเป็นก้อนกลมสีเงินก้อนหนึ่งกลางอากาศ ด้านในมีเสียงแหลมจนเสียดหูดังมาอย่างต่อเนื่อง มิติกระจายคลื่นเล็กๆ หลายกลุ่มออกมาตลอดเวลาโดยมีมันเป็นศูนย์กลาง
“ช่างไม่รู้จักประมาณตน หนิงซวง” หยวนชิงลี่แค่นหัวเราะ จากนั้นก็มีโฉมสะคราญใบหน้าปิดผ้าไหมสีขาวไว้เหาะเหินมาจากด้านหลังทันที
“ซวีจั๋ว”
“ขอรับ”
ไม่นานก็มีบุรุษปิดหน้าขานรับ แล้วทิ้งตัวลงด้านข้างนาง
ทั้งสองแยกกันอยู่หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ต่างถือคันฉ่องทรงรีสีทองงดงามเอาไว้คนละใบ ในคันฉ่องมีสิ่งมีชีวิตประหลาดคล้ายงูไม่ใช่งู เหมือนมังกรไม่ใช่มังกร กำลังเลื้อยไปมาช้าๆ พร้อมกับกระจายเส้นแสงสีทองไปด้วย
“ฉวยโอกาสนี้กระตุ้นค่ายกลผนึกซะ!” หยวนชิงลี่ตวาด
ทั้งสองพลันโยนคันฉ่องในมือออกไปด้านหน้าพร้อมกัน
คันฉ่องบานนั้นหมุนคว้างอยู่กลางอากาศหลายตลบ จากนั้นก็สาดแสงสีทองจากทางซ้ายทางขวา สะท้อนตำแหน่งซากเลือดเนื้อของลู่เซิ่ง
ซู่…
มีเสียงไหม้ดังมาอย่างต่อเนื่อง
ลู่เซิ่งเพิ่งจะคืนชีพ ก็รู้สึกแสบร้อนไปทั่วร่าง เหมือนกับมีผ้าร้อนมาแนบอยู่บนร่าง
“ของเล่นอะไรกัน ผนึกหรือ”เขาเอื้อมมือไปฉีกผ้าร้อนบนตัวทิ้ง กายเนื้อเริ่มเร่งความเร็วคืนชีพถึงขีดสุด
“มันกำลังต่อต้าน! รีบเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผนึกเร็ว!” กลางแสงทองขมุกขมัว รอบข้างมีเสียงตะโกนของหยวนชิงลี่ดังมา
ลู่เซิ่งเร่งความเร็วอีกโดยไม่เอ่ยคำใด โครงกระดูกของเขาก่อตัวแล้ว จากนั้นก็ตามมาด้วยกล้ามเนื้อ เส้นเลือด และเส้นประสาท
ขณะที่เพิ่งจะสร้างเส้นเลือดขึ้นมา
“ตัวมันมีแต่เลือด น่าจะใกล้ตายแล้ว! พวกเจ้าเพิ่มพลังหน่อย!” หยวนชิงลี่บัญชาการเสียงเย็นเยียบอยู่ด้านนอก
ลู่เซิ่งเอือมระอาใจ สร้างกล้ามเนื้อกับผิวหนังต่อ ความเร็วคืนชีพเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ปราณกระบี่นั้นเหมือนจะสามารถกดข่มเขาได้จริงๆ เดิมทีเขาคืนชีพได้ในหนึ่งวินาที แต่ตอนนี้ความเร็วช้าลงกว่าเดิมมาก
เพียงแต่นี่เป็นเพราะเขาผ่อนความเร็วในบริเวณนี้ เพื่อเพิ่มเลือดเนื้อของร่างกายจำนวนมากในจุดอื่นๆ เท่านั้น เผื่อไว้ว่าหากที่นี่เกิดอุบัติเหตุ ก็จะคืนชีพในอีกตำแหน่งได้ทันที
ในที่สุด กล้ามเนื้อและผิวหนังก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา
แทนที่จะตกใจหยวนชิงลี่กลับยินดียิ่ง
“ความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแล้ว ดูเหมือนมันจะใช้พลังทั้งหมด เตรียมทุ่มเทชีวิตเพื่อต่อสู้กับปราณกระบี่ของข้า ลงมือเลย ผนึกสุดกำลัง มันมีแค่โอกาสครั้งนี้เท่านั้น”
นางพลิกมือชักกระบี่ออกจากด้านหลัง แล้วแทงใส่บริเวณนั้นติดต่อกันสี่สิบเก้าครั้ง
ดวงตาที่เพิ่งงอกของลู่เซิ่งเหลียวมองรอบๆ นอกจากหยวนชิงลี่ ยังมีหนุ่มสาวอีกสองคนเข้าร่วมการรุมสะกรัมกับนางด้วย คนหนึ่งในนี้คือคนร้ายหัวโจกบนรายชื่อที่นครตราชั่งมอบให้เขา ซวีจั๋ว
เพิ่งจะเห็นคนผู้นี้ ด้านหน้าก็มีกระบี่แสงสีทองสี่สิบเก้าสายที่ราวจับต้องได้พุ่งใส่แขนขาของตนแล้ว
สิ่งที่น่าประหลาดก็คือ ด้ามกระบี่ของกระบี่ทุกสายปรากฏใบหน้าอันเป็นมายาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวมากมาย หน้าคนพวกนี้มีลักษณะแตกต่างกันไป บ้างก็เหมือนบัณฑิต บ้างก็เหมือนแม่ทัพ บ้างก็เหมือนจักรพรรดิ หรือจอมยุทธ์
“น่าสนใจ” ลู่เซิ่งพลันเกิดความสนใจ เอื้อมมือขวาออกไปตรงหน้า
ฉับพลันนั้นพลังมหาศาลไร้รูปร่างสายหนึ่งฉุดดึงมิติรอบๆ ดูดซับกระบี่และอากาศไปยังกลางฝ่ามือ
ซู่…
กรวดหินปลิวว่อน กลางฝ่ามือลู่เซิ่งเหมือนมีหลุมดำเปิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ถูกดูดกลืนเข้าไป
และลู่เซิ่งก็เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวแปรเปลี่ยนไปของพวกหยวนชิงลี่
ก่อนหน้านี้คนหนุ่มที่ชื่อซวีจั๋วผู้นั้นยังคงกระตุ้นคันฉ่องสาดใส่ตนอย่างเหิมเกริม แต่ตอนนี้กลับตาแข็งค้าง สีหน้าแข็งทื่อ มองมาทางนี้ราวเห็นผีก็ไม่ปาน
พวกเขานึกไม่ถึงว่าตนจะมีพลังเหี้ยมหาญเช่นนี้
แรงดูดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่ามีของมากมายถูกตนดูดเข้ามากลางฝ่ามือ แล้วถูกพลังอัดให้เป็นวัตถุแข็งแกร่งความหนาแน่นสูงที่มีขนาดเท่าลูกท้อก้อนหนึ่ง
เมื่อวัตถุก้อนนี้เกิดขึ้น เดิมทีมิติในบริเวณรอบๆ ที่บิดเบี้ยว ก็ยิ่งถูกแรงดึงดูดความหนาแน่นมหาศาลฉุดดึงจนบิดเบี้ยวขึ้นอีก
เดิมทีแรงดึงดูดของลู่เซิ่งก็สูงสุดขีดอยู่แล้ว มาบัดนี้ การบีบอัดมหาศาล กับการถือกำเนิดของวัตถุความหนาแน่นสูง ได้เพิ่มแรงกดดันยิ่งใหญ่สายนี้เข้าไปอีก
“วิถีปฐพีคืนคุณ!” หยวนชิงลี่ตอบสนองเป็นคนแรก ร่างเปล่งแสงสีเขียวดุจหมอกออกมา ด้านหลังปรากฏกระบี่เก่าแก่สีเขียวประณีตราวกับกิ่งไม้ออกมา
นางคว้ากระบี่ยาว ขว้างใส่ลู่เซิ่ง ส่วนตัวเองหันหลังเผ่นหนี
ลู่เซิ่งมองแวบเดียวก็รู้ว่ากระบี่เล่มนั้นอาจจะมีอันตรายต่อเขา จึงอ้าปากเป่าออกไป
แสงสีเทาสายหนึ่งระเบิดขึ้นในพริบตา แล้วพุ่งใส่กระบี่ยาวที่ลอยมาอย่างดุดัน
ทันใดนั้น สีเขียวมรกตของกระบี่ยาวในตอนแรกก็ริบหรี่ลง กลายเป็นสีเทาดำ จากนั้นก็ตกลงบนพื้น
เพียงแต่พริบตาที่กระบี่ตกลงบนพื้น
ตูม!
เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง อากาศมากกว่าหมื่นหมี่ในบริเวณรอบลู่เซิ่งระเบิดออกในทันใด พื้นรอบกระบี่สีเขียวมรกตยุบจมลง เส้นแสงสีเขียวราวกิ่งไม้นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากปลายกระบี่
แทนที่จะถอย ลู่เซิ่งกลับรุกเข้าใส่ สืบเท้าขึ้นหน้าพร้อมกับโบกมือ วัตถุความหนาแน่นสูง ณ ใจกลางฝ่ามือพลันฉุดดึงแรงดึงดูดมหาศาลฟาดใส่กระบี่
พลังของเขาในตอนนี้น่ากลัวสุดเปรียบปาน กอปรกับรอบๆ มีคันฉ่องผนึกอยู่ด้วย การเคลื่อนไหวนี้จึงกระตุ้นทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบ
วัตถุฟาดใส่กระบี่อย่างหนักหน่วงด้วยความแม่นยำราวจับวาง
เคร้ง!
หยวนชิงลี่แค่นเสียงอย่างเจ็บปวด สีหน้าเหี้ยมเกรียม
“สังหาร!” ตอนที่เห็นไพ่ตายของตัวเองไม่อาจสะกดลู่เซิ่งไว้ได้ ในใจนางก็ได้ขบคิดแผนการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว
เวลานี้เห็นของวิเศษคู่ชีวิตของตนถูกสะกด นางพลันทราบว่า หากไม่ระเบิดพลังออกมาก็คงจบสิ้นจริงๆ แล้ว
ทันใดนั้นนางพลันพุ่งตัวขึ้นไป เปลี่ยนร่างกลางอากาศ พริบตาเดียวก็กลายเป็นกระบี่วิเศษแหลมคมสีขาวบริสุทธิ์หรูหราและวิจิตรเล่มหนึ่ง ลวดลาย แสง และกลิ่นอายบนตัวกระบี่วิเศษถึงกับเหมือนกระบี่สีเขียวเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
เมื่อตัวกระบี่ปรากฏ ลู่เซิ่งพลันรู้สึกลายตา เมื่อสายตากลับมาชัดอีกครั้ง เขาก็เข้ามาในมิติขนาดมหึมาสีขาวบริสุทธิ์ที่มีกระบี่ยาวนับไม่ถ้วนลอยอยู่แล้ว
“แดนลวงตาหรือ
ไม่…เป็นมิติผนึกที่สร้างด้วยอิทธิฤทธิ์!” ลู่เซิ่งพลันเข้าใจว่าสถานที่นี่คือที่ใด
เขาหัวเราะร่า ร่างเริ่มขยายใหญ่ด้วยความเร็วสูง
ห้าหมี่ สิบหมี่ ร้อยหมี่ พันหมี่ หมื่นหมี่!
กระบี่นับไม่ถ้วนแทงใส่เขาราวห่าฝน ผิวของเขาถูกแทงเป็นรูเลือดนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ลู่เซิ่งฟื้นฟูตัวเองเร็วเกินไป บาดแผลที่เพิ่งถูกจึงแทงสมานตัวในทันที
“เป็นไปได้อย่างไร!?” กระบี่ยาวที่เปลี่ยนจากตัวหยวนชิงลี่แทรกอยู่ในกระบี่ยาวนับไม่ถ้วน มองลู่เซิ่งในมิติอยู่ไกลๆ
มิตินี้เป็นโลกใบเล็กระดับอณูที่นางฝึกฝนมาหลายปี แม้จะสู้โลกรูปจิตของมารสวรรค์มายาพิศวงที่มอบการสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ไม่ได้ แต่ในด้านอื่นๆ เทียบได้กับท่าไม้ตายระดับสุดยอดที่นางตั้งใจตระเตรียมและปรับปรุงอย่างสมบูรณ์
ด้านในมิติมีอาวุธเทพและของวิเศษมากมายที่นางรวบรวมมาหลายแสนปี ทั้งหมดถูกนางชุบหลอมและเซ่นสรวงอย่างตั้งใจ
กล่าวได้ว่าทุกๆ ชิ้นคือการลงมือสุดกำลังของนาง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้ในที่สุดสังหรณ์ร้ายที่นางรู้สึกได้ก่อนหน้านี้กลายเป็นจริงแล้ว
ตูม!
คมกระบี่นับไม่ถ้วนถูกลู่เซิ่งคว้าไว้ด้วยมือข้างเดียว เขาบีบเบาๆ พวกมันก็แหลกเป็นเศษเหล็กกระจัดกระจาย
“ไป!” หยวนชิงลี่เห็นท่าไม่ดี หมุนตัวหนีจากมิติทันที
บนดาวหลัก ร่างหยวนชิงลี่ปรากฏขึ้นที่เดิมอย่างซวนเซไม่มั่นคงนางใช้มือข้างหนึ่งฉุดดึงซีจั๋วกับหนิงซวงที่ตอบสนองไม่ทันพุ่งขึ้นท้องฟ้า บินไปหาพาหนะขนาดเล็กที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว
ตรงนั้นมีทางถอยที่นางเตรียมไว้แต่แรก เป็นเรือเหาะสุดทันสมัยที่รวดเร็วว่องไว
แหล่งพลังงานทั้งหมดของเรือเหาะถูกเตรียมไว้เรียบร้อย ระบบอักขระทั้งหลายสมบูรณ์แบบ ภายในมีระบบเอาชีวิตรอดโดยอัตโนมัติ ยังมีโครงสร้างมิติเก็บอาหารจำนวนมาก พร้อมออกตัวได้ทุกเมื่อ
……………………………………….
[1] สุราคารวะเจ้าไม่ดื่มพานจะดื่มสุราจับกรอก เป็นสำนวนจีนที่หมายถึงไม่ชอบการพูดคุยเจรจาดีๆ แต่ต้องบังคับขู่เข็ญถึงจะยอมรับ