ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1475 ข้าจะสอนท่านคิดบัญชี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1475 ข้าจะสอนท่านคิดบัญชี

“ข้าเพิ่งฟังรายงานของคุณชายเฉิงอย่างตั้งใจ และพบว่ายังมีค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นที่อาจเกิดขึ้นในร้านอาหาร แต่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หากร้านอาหารสามารถป้องกันจุดนี้ได้ ต่อจากนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับร้านได้มากแน่นอน ถ้าคุณชายเฉิงลองลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงบ้าง แล้วบันทึกค่าใช้จ่ายประจำวันของร้านอาหาร คิดว่าจะได้ผลหรือไม่ หากสามารถบันทึกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ ร้านอาหารจะสามารถแบ่งให้ทุกคนเป็นค่าจ้างตามกำไรดูว่าจะได้ผลไหม”

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบ คุณชายเฉิงก็รู้สึกประหลาดใจมาก และอ้าปากกว้างจนแทบยัดไข่เข้าปากได้

สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดนั้นเทียบเท่ากับการเพิ่มค่าจ้างรายเดือน

ถูกต้องแล้ว เพราะมีคนมากมายในร้านอาหารและสิ่งต่าง ๆ มีความซับซ้อน บางครั้งถ้าทำได้ไม่ดีและต้องเริ่มทำใหม่ นี่จะเกิดความเสียหายโดยไม่จำเป็น ถ้าเป็นจริงตามที่เสี่ยวหวานพูด ในเวลาปกติถ้าทุกคนสามารถใส่ใจและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เล็กน้อย และเงินที่ประหยัดได้ก็จะยกให้ทุกคนเป็นค่าจ้าง เพื่อให้ทุกคนมีความกระตือรือร้นในการประหยัดเงินของร้าน

ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี

หลี่ฝานฟังและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เสี่ยวหวาน ถูกต้อง ๆ เงินเดือนเดือนนี้ของคุณชายเฉิงจะถูกหักครึ่งหนึ่ง และเมื่อถึงเดือนหน้า ท่านต้องบอกให้ทุกคนช่วยประงบของร้าน หลังจากบันทึกค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ ก็ตามที่เสี่ยวหวานพูด ข้าจะไม่รับเงินใด ๆ ทั้งสิ้น และจะเปลี่ยนเงินตรงนั้นเป็นค่าจ้าง และจ่ายมันเพิ่มให้ทุกคน ท่านคิดว่าอย่างไร”

คุณชายเฉิงหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น “ตกลง ๆ เถ้าแก่ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปบอกทุกคนว่าเราต้องถือว่าร้านอาหารเป็นบ้านของเราเอง ใช้ในสิ่งที่ควรใช้ ไม่ใช้สิ่งที่ไม่จำเป็นและต้องประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ข้าเชื่อว่าถ้าพวกเขาได้ยินคำพูดของเถ้าแก่ว่าจะเพิ่มค่าจ้างให้ทุกคน ทุกคนจะมีความสุขมาก” เขาลูบมือด้วยความตื่นเต้น ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ความคิดดี ๆ แบบนี้มา

ค่าจ้างของลูกจ้างในร้านจิ่นฝูและร้านฝูจิ่นไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดในเมืองหลวงเท่านั้น และพวกเขาก็อยู่ในอันดับต้น ๆ นอกจากนี้การจัดการที่นี่ยังมีมนุษยธรรม เมื่อทำงานที่นี่ เถ้าแก่จะปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนครอบครัว นอกจากนี้ยังมีของขวัญและเงินพิเศษในช่วงวันหยุด และมีเสื้อผ้าที่ใส่ทำงานสองชุดสำหรับหนึ่งคน และราคาของมันไม่ถูกเลย

ตลอดทั้งปีจะสามารถประหยัดเงินค่าเสื้อผ้าได้ ถ้าวันนั้นในร้านเหลือวัตถุดิบ เถ้าแก่จะแบ่งให้เท่า ๆ กันเพื่อห่อกลับบ้าน นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเงินค่าอาหารได้มากอีกด้วย การได้ทำงานที่นี่คือพรที่พวกเขาได้สั่งสมมาในชาติที่แล้ว

คราวนี้เถ้าแก่ยังให้เงินพวกเขาอีก หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย พวกเขาจะมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น และชีวิตของพวกเขาก็จะมีความสุขมากขึ้น

เรื่องนี้ต้องขอบคุณแม่นางกู้เสียแล้ว

ถ้าแม่นางกู้ไม่พบข้อผิดพลาดของตัวเองและเสนอวิธีการที่ดีเช่นนี้เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียค่าจ้าง และเพิ่มค่าจ้างให้กับทุกคน บุคคลที่ดีเช่นนี้เป็นพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิดหรืออย่างไรกัน?

“ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง ท่านไม่เพียงแต่ช่วยข้าไว้ แต่ยังมอบประโยชน์มากมายให้กับเรา ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณจริง ๆ”

คุณชายเฉิงรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าเล็กน้อย ตอนนี้เขาไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานอีกแล้ว และจะถือว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ในหัวใจของเขา

เมื่อเห็นว่าเขามีท่าทีสุภาพขนาดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกอายเล็กน้อย

ตามความคิดของนาง หากสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อร้านของเรา แม้ว่าร้านอาหารจะไม่ได้มีเก็บเงินส่วนนี้ไว้ แล้วนำไปเพิ่มค่าจ้างให้ลูกจ้างในร้าน มันจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขามีอาชีพที่ดีขึ้น และทำงานหนักขึ้นเพื่อร้าน

ตามความคิดและความตั้งใจดั้งเดิมของนาง ความตั้งใจเดิมคือเพื่อพัฒนาร้านอาหารให้ดีขึ้น แต่ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้นางรู้สึกอายเล็กน้อยที่ได้รับคำชมจากคุณชายเฉิง “คุณชายเฉิง สุภาพเกินไปแล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ และถ้าจะให้ดีก็ต้องใช้ความคิดให้มาก”

“แม่นางและเถ้าแก่ไม่ต้องกังวล ข้าจะบอกพวกเขาเอง ถ้าพวกเขารู้ พวกเขาจะมีความสุขมากอย่างแน่นอน” หลังจากพูดจบ คุณชายเฉิงก็ทำท่าทางจะออกไป

ทันใดนั้น เมื่อเดินไปถึงประตูก็หันกลับมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ข้าขอถามแม่นางสักหน่อย ทำไมท่านถึงหาคำตอบที่ถูกต้องได้เร็วขนาดนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ฝานก็ระเบิดหัวเราะเสียงดัง “คุณชายเฉิง ถ้าอย่างนั้นท่านก็ถามถูกคนแล้ว ตอนที่นางอายุเก้าขวบ นางทำให้ข้าตกตะลึงมาก”

เมื่อครู่ได้ยินหลี่ฝานพูดว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนทำบัญชีเมื่อนางอายุเก้าขวบ และตอนนี้ได้ยินสิ่งที่หลี่ฝานพูด เขาก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายมากขึ้น

ตอนนี้เห็นชายคนหนึ่งอายุกว่าครึ่งศตวรรษ ผมและเคราขาวโพลนกำลังมองเด็กอายุสิบห้าสิบหกปีด้วยความชื่นชมและเลื่อมใส

“ข้าไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรหรอก เพียงแค่ใช้การคำนวณง่าย ๆ เท่านั้นเอง” กู้เสี่ยวหวานไม่รู้วิธีคำนวณจริง ๆ นางทำได้เพียงบวก ลบ คูณ หาร และทุก ๆ เดือน นอกจากนี้ให้ใส่กำไรจากรายจ่ายลงในตารางเฉพาะทุกเดือน ตราบใดที่ใส่ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอก็จะรู้กำไรต่อวันซึ่งสะดวกและง่ายมาก

เมื่อกู้เสี่ยวหวานกล่าวว่าเป็นการคำนวณง่าย ๆ คุณชายเฉิงจึงพยักหน้าและไม่ได้ถามต่อ

มนุษย์ทุกคนย่อมมีความลับของตัวเอง สิ่งนี้เป็นเคล็ดลับของนาง หากนางบอกคนอื่นไป วิธีที่ดีนี้จะถูกคนอื่นฉกฉวยไป และมันจะต้องไม่ดีกับนางอย่างแน่นอน

คุณชายเฉิงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่ถามต่อ

ครั้นกู้เสี่ยวหวานพูดจบก็เห็นความกระตือรือร้นในดวงตาของเขาที่ต้องการเรียนรู้ว่านางมีวิธีการคำนวณอย่างไร และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดปัง “ถ้าคุณชายเฉิงต้องการเรียนรู้ ข้าสามารถสอนท่านได้”

“ท่านเต็มใจจะสอนข้าหรือ” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเสนอตัวสอนเขา คุณชายเฉิงก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “แม่นาง นี่ไม่ใช่วิธีเฉพาะของท่านใช่ไหม ถ้าท่านสอนข้าแล้ว มีคนเรียนรู้และนำไปใช้อีกจะทำอย่างไร?” ในเวลานี้การเชี่ยวชาญในทักษะที่คนอื่นไม่รู้ถือเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า

แต่ทรัพย์สินอันล้ำค่านี้ แม่นางกลับบอกว่าต้องการสอนเขา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท