บทที่ 1019 มาพร้อมค่ายกลพิฆาตอันดับหนึ่ง เพื่อหยั่งตื้นลึกหนาบางของหลี่จิ่วเต้า!
นี่หรือคือต้นร้ายปลายดี
ในที่สุดมัจฉาสัตมายาก็ผงาดขึ้นมาแล้ว ท่ามกลางภัยร้ายใหญ่หลวงนี้ ความไร้เทียมทานของมันเป็นที่ประจักษ์ เผยให้เห็นความสามารถในการพลิกสถานการณ์!
เสียงดังตู้ม มันหายไปจากที่เดิม ก่อนจะมาปรากฏตัวอยู่ด้านสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สามในพริบตาต่อมา!
มันลากตัวสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สามออกมาอัดอย่างหนัก ระหว่างนั้น พลังมืดมิดน่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลออกมามากมายหมายจะปลิดชีพมัจฉาสัตมายา
ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนเปล่าประโยชน์ พลังมืดมิดทั้งหลายไม่ทันเข้าใกล้มัจฉาสัตมายาก็ถูกพลังประหลาดบางอย่างลบล้าง!
“เกิดอะไรขึ้น!”
สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สามขวัญผวา รู้สึกไม่อยากเชื่อ เหตุใดจู่ ๆ ตัวละครเล็ก ๆ ถึงน่าพรั่นพรึงขึ้นมาได้ปานนี้?!
“บังอาจปฏิบัติต่อพี่หลิวเช่นนี้! ไปตายซะ!”
“อย่าเพิ่ง ส่งมันมาให้ข้า…”
เวลานั้นเอง เสียงของต้นหลิวดังขึ้นฉับพลัน
มันบาดเจ็บเหลือแสน ร้าวไปถึงวิญญาณ ร่างต้นไม้แหลกเหลวไปนานแล้ว ท่าทางใกล้หมดลมหายใจเต็มที ประหนึ่งเปลวเทียนท่ามกลางสายลมที่ดับมอดได้ทุกเมื่อ
ทว่าเวลานั้นเอง จู่ ๆ ก็มีลำแสงผ่องอำไพสาดส่องออกจากวิญญาณของมัน พลังชีวิตอันอุดมสมบูรณ์ไหลหลั่ง รอยร้าวบนวิญญาณมันสมานในพริบตา ร่างต้นไม้ใหม่ปรากฏอย่างรวดเร็ว พลังปราณที่แผ่ซ่านออกมาสยดสยองกล้าแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า!
ต้นหลิว บรรลุหรือนี่!
มันไม่ได้บรรลุเพียงขั้นเดียว หากแต่บรรลุถึงสองขั้น จากล้ำขีดขั้นสิบเอ็ดมาถึงล้ำขีดขั้นสิบสาม!
ที่ผ่านมา เส้นทางการฝึกตนของมันราบรื่นเป็นที่สุด ไม่เคยพานพบอุปสรรคสักครา ตอนนี้มา มันถูกสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สามทำร้ายอย่างหนัก ยามเข้าใกล้ความตายมันพลันตรัสรู้หลายอย่าง ศักยภาพในตัวถูกกระตุ้นออกมามหาศาล!
ปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้มันบรรลุต่อเนื่อง!
“เป็นไปได้อย่างไร!”
สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สามอึ้งงัน ระดับเหนือล้ำขีดขั้นสิบบรรลุง่ายดายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด
ซ้ำยังบรรลุสองขั้นในคราเดียว?!
ต่อให้มันได้รับสสารมืดมิดแสนน่ากลัวที่กระเทือนออกจากศพสองร่างนั้นหลายหนก็ยังไม่อาจบรรลุติดต่อกัน
“ไยจะเป็นไปไม่ได้ เดิมนี่เป็นขอบเขตที่ข้าควรไปถึงแต่แรก…”
สีหน้าต้นหลิวเย็นชา ล่วงรู้ทุกสิ่ง
ก่อนหน้านี้ดวงนำพามันเกินไป เป็นเหตุให้สูญเสียการตื่นรู้ไปคณานับ ในสถานการณ์ใกล้สิ้นใจ ในที่สุดมันก็ตื่นรู้ในสิ่งเหล่านี้ที่หายไป
การบรรลุติดต่อกันหาใช่เรื่องแปลก หากไม่ใช่ว่าก่อนนี้ราบรื่นเกินไป มันควรอยู่ในระดับนี้นานแล้ว
“ได้!”
มัจฉาสัตมายาเหยียดยิ้ม เหวี่ยงสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สามให้ต้นหลิวจัดการ
“ข้าขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยตามหาการตื่นรู้ที่สูญหายไปมาให้ข้า เพื่อแสดงความซึ้งใจ ข้าจะจู่โจมเจ้าอย่างรุนแรงที่สุด ก่อนหน้านี้เจ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างไร บัดนี้ข้าขอคืนกลับเป็นสองเท่า หวังว่าเจ้าจะอาศัยโอกาสนี้บรรลุเช่นกัน”
ต้นหลิวเอ่ยพลางส่งยิ้มให้สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สาม
พลันมันบุกไปข้างหน้า!
บรรลุกับผีอะไรเล่า!
สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สามก่นด่าในใจ ผู้อื่นไฉนเลยจะผิดปกติเหมือนเจ้า บรรลุได้ติดต่อกัน!
ทว่าต้นหลิวบุกเข้ามาแล้ว มันเองก็จนใจ ได้แต่ออกรับศึก
มัจฉาสัตมายาไปจากที่นั่น มาหาสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สี่
สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สี่อยากหนีจากที่นี่นานแล้ว ทว่ามันไม่กล้า
เพราะหลังเสียงของมัจฉาสัตมายาดังขึ้นข้างหูมัน มันรู้สึกว่ามีพลังอันมองไม่เห็นเล็งเป้ามาที่มัน
นั่นเป็นพลังที่น่าครั่นคร้ามอย่างยิ่ง มันรู้สึกอันตรายถึงชีวิต มันไม่สงสัยเลยว่าพลังนี้สามารถฆ่ามันได้ง่ายดายแน่นอน!
เวลานี้ ก้อนหินถูกเล่นงานจนดูไม่ได้ อนาถาเหลือแสน ร่างหินไม่มีเหลืออยู่ ใกล้หมดลมหายใจเต็มที
“พี่หิน ท่านสามารถบรรลุด้วยหรือไม่”
มัจฉาสัตมายาเอ่ย “ให้ข้าฆ่ามันหรือทิ้งมันไว้ให้พี่หิน”
ก้อนหินไม่รู้สึกถึงวี่แววว่าจะบรรลุสักนิด กระนั้นมันยังกล่าวออกไป “ต้นหลิวทำได้ ข้าไม่มีเหตุผลทำไม่ได้! เจ้าไปที่อื่นเถิด ทิ้งมันไว้ให้ข้า”
จากนั้น มันมองสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สี่ตาขวาง เอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม “ต้นหลิวบรรลุได้แต่ข้าทำไม่ได้ สาเหตุต้องมาจากเจ้าแน่นอน!”
บ้าเอ๊ย เกี่ยวอันใดกับมันเล่า!
ตนเองขี้ไม่ออกแล้วจะโทษส้วมได้อย่างไร?
อ๊ะ ถุย ๆ ๆ เปรียบเปรยเช่นนี้ไม่ถูก ถึงอย่างไรก็เพราะก้อนหินไม่ได้ความเอง ยังมีหน้ามาโทษมันอีก น่าขำนัก!
สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สี่ด่ากราดในใจ
“เจ้ายั้งมือไว้ไม่ยอมซ้อมข้าให้ตายกันไปข้าง ๆ ไม่เหมือนเจ้านั่น มันเล่นงานต้นหลิวอย่างเอาเป็นเอาตายไปอย่างแน่นอน!”
ก้อนหินบอกกับสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สี่ “มาสิ เล่นงานข้าแบบเอาชีวิต หากเจ้ากล้าออมแรงแม้แต่น้อย ข้าจะให้เสี่ยวชีฆ่าเจ้า!”
เล่นงานแบบเอาชีวิต?
เป็นครั้งแรกที่สิ่งมีชีวิตมืดมิดได้รับคำขอเช่นนี้
“เจ้าพูดเองนะ!”
มันบุกเข้าไปทันที ทุบก้อนหินหมายจะเอาให้ตายโดยไม่ออมแรงแม้แต่น้อย
มัจฉาสัตมายาเห็นแล้วสั่นศีรษะ ก้อนหินมีรสนิยมชอบถูกทำร้ายด้วยหรือนี่
ทว่ามันเข้าใจเหตุผลที่ก้อนหินทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้ใช้โอกาสนี้บรรลุ
มันจากที่นั่นมายังด้านสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่หนึ่ง
ลั่วสุ่ยปลิดชีพสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่หนึ่งมิได้ สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่หนึ่งจึงยังรอดอยู่
“พี่สาว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยกับลั่วสุ่ยยิ้ม ๆ
“ได้ พี่สาวจะดูเจ้าแสดงเอง”
สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่หนึ่งน่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง มันมีพลังระดับล้ำขีดขั้นสิบห้า ซึ่งเป็นระดับเพดาน!
ขอบเขตล้ำขีดต่างจากขอบเขตก่อนหน้าประมาณหนึ่ง นี่คือขอบเขตที่ทลายขีดจำกัดเกินหยั่ง ขอบเขตอื่นมีมากสุดเก้าขั้นเท่านั้น ทว่าขอบเขตล้ำขีดไม่เหมือนกัน มีอยู่ทั้งหมดสิบห้าขั้น
มันไม่ได้เอ่ยวาจา บุกเข้าหามัจฉาสัตมายาทันที
ไม่มีสิ่งใดต้องเอ่ย ความสัมพันธ์พวกเขาเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องตายกันไปข้าง ไม่มีใครยอมปล่อยใครไป
ขณะมัจฉาสัตมายากำลังจะบุกออกไป พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากก้อนหิน
“เสี่ยวชี มาเร็ว ข้าไม่ไหวแล้ว! ใช่ว่าเป็นอย่างต้นหลิวได้ทุกผู้ ข้าไม่ไหว บรรลุไม่ได้! หมอนี่จะอัดข้าตายแล้วจริง ๆ!”
ก้อนหินร้องลั่นเพราะสู้ไม่ไหวจริง ๆ มันได้ลิ้มรสมรณะ ห่างจากความตายเพียงคืบ กระนั้นก็ยังไม่รู้สึกถึงวี่แววว่าจะบรรลุ
มันไม่เหมือนกับต้นหลิว ไม่อาจบรรลุได้ด้วยการนี้
“ได้!”
มัจฉาสัตมายาปล่อยพลังข้ามอากาศ กระแทกตัวสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สี่ในเสี้ยวลมหายใจ
เสียงดังตู้ม ร่างของสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สี่แหลกลาญในบัดดล วิญญาณถูกลบล้าง ร่องรอยทั้งหมดหายไป!
ขณะเดียวกัน มันปล่อยพลังออกไปอีกมวลซึ่งทอประกายนุ่มนวล จรดตัวก้อนหิน ทำให้ก้อนหินฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์!
สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่หนึ่งแสยะยิ้มเย็น รีบบุกไปหามัจฉาสัตมายา หมายจะฉวยโอกาสมัจฉาสัตมายาวอกแวกจัดการมันเสีย
อนิจจา มันวางแผนผิดไปหน่อย มัจฉาสัตมายาในเวลานี้ทรงพลังแกร่งกล้า เพียงฝ่ามือเดียวก็กระแทกมันจนปลิวออกไป ซ้ำยังหายไปครึ่งค่อนร่าง
“ฆ่า!”
มันไม่ได้ยอมแพ้ กระทั่งไม่มีทางยอมแพ้ หากยอมแพ้มีแต่ต้องตายอย่างเดียวเท่านั้น มันระเบิดพลังทั้งหมด สำแดงมหาวิชามืดมิดสารพัน เข้าต่อสู้ดุเดือดกับมัจฉาสัตมายา
…
การต่อสู้ในสมรภูมิอื่นดำเนินต่อ ผู้ที่เดิมต้องการไปช่วยต้นหลิวพากันไปยังสมรภูมิแห่งใหม่ เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนอื่น
“เจ้าทำคุณูปการใหญ่หลวง!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าวชมเจ้าหลวงห่างออกไปในอากาศ เขายังไม่กล้าใกล้ชิดเจ้าหลวงเท่าใด ด้วยกลัวจะถูกเจ้าหลวง ‘ข่มดวง’ เอา
“สำเร็จได้ก็ดี!”
เจ้าหลวงส่งยิ้มให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงขณะอยู่ห่างออกไป
…
แดนบูชายัญอันธการ
“เหมือนว่า…เกิดเรื่องผิดคาดขึ้น”
เสียงนั้นดังมาจากศพศิษย์พี่หญิงของท่านผู้นั้น หลังรับรู้ถึงสถานการณ์ของสิ่งมีชีวิตมืดมิดในแต่ละอาณาจักร
“พวกเขาเป็นใคร เหตุใดถึงแข็งแกร่งได้ปานนั้น เป็นผู้ติดตามตัวแปรผิดแผกผู้นั้นหรือ”
เสียงหนึ่งดังออกจากศพผู้เบิกทางข้างกายนาง
บัดนี้ วิญญาณมืดมิดสองดวงของพวกมันใกล้ประสานเป็นหนึ่งกับศพของตนเองแล้ว สามารถระเบิดพลังออกมาได้กล้าแกร่งยิ่งยวด
ตัวแปรผิดแผกที่ว่าแน่นอนว่าคือหลี่จิ่วเต้า
เมื่อคราวพวกมันถือกำเนิดก็สัมผัสได้ราง ๆ ว่าอาจได้พบศัตรูน่าครั่นคร้ามเป็นที่สุดจนอาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
ก่อนหน้านี้ ศิษย์พี่หญิงท่านนั้นเคยลงมือกับหลี่จิ่วเต้า สำแดงพลังฉายสะท้อนหมายมั่นว่าจะฆ่าหลี่จิ่วเต้า
แต่กลับล้มเหลว หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งเกินจินตนาการ
“หลี่จิ่วเต้าผู้นี้มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ เป็นการเตรียมการขั้นสูงสุดที่ผู้เบิกทางกับศิษย์พี่หญิงของเขาทิ้งไว้หรือ”
ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นเอ่ย
“เป็นไปได้!”
ผู้เบิกทางตอบ
พวกมันทั้งสองล้วนเกิดจากความหมกมุ่นดึงดันของท่านผู้นั้นและศิษย์พี่หญิงของเขา หมายใจทำลายทุกอย่าง
เมื่อเห็นหลี่จิ่วเต้าสยดสยองน่าครั่นคร้ามเช่นนี้ พวกมันต่างคิดว่าหลี่จิ่วเต้าคือการเตรียมการขั้นสูงสุดที่ท่านผู้นั้นและศิษย์พี่หญิงของเขาทิ้งไว้เพื่อหยุดยั้งพวกมัน
“เขาชวนให้ข้ารู้สึกกระวนกระวาย เอาอย่างนี้ เจ้าล่วงหน้าไปหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของเขาหน่อย”
ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นกล่าว
เดิมมันอยากรอให้พวกมันประสานเป็นหนึ่งกับศพอย่างสมบูรณ์แล้วค่อยไปหาหลี่จิ่วเต้า ทว่าบัดนี้มันเริ่มสองจิตสองใจ
พลังที่มัจฉาสัตมายาระเบิดออกมาเผยสู่สายตามันทั้งหมด นี่ไม่ใช่พลังของมัจฉาสัตมายา หากแต่เป็นพลังที่หลี่จิ่วเต้าประทานแก่มัจฉาสัตมายา
เช่นนี้แล้วหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งปานใด
มันอยากล่วงรู้ไว้ก่อนให้มั่นใจ
พวกมันจะได้ไม่บุกไปโดยปราศจากการเตรียมการ
“ได้”
ท่านผู้นั้นพยักหน้าเห็นด้วย
ล่วงรู้ไว้ก่อนดีกว่า หาไม่แล้ว หากพวกมันบุกไปโดยมิรู้เรื่องรู้ราวไร้ซึ่งการเตรียมการ คงเกิดเรื่องได้ง่าย ๆ
“หลินเฉินอยู่ที่ใด!”
มันตวาดเรียกหลินเฉิน ดังกึกก้องไปทั่วแดนบูชายัญอันธการ
หลินเฉินคือลูกศิษย์คนโตของผู้เบิกทาง และเป็นลูกศิษย์ที่ติดตามผู้เบิกทางมานานที่สุด
หลังผู้เบิกทางเกิดเรื่องจากการปฏิเสธความเที่ยงแท้โอบรับความอุปโลกน์ หลินเฉินยังคงติดตามอยู่ข้างกายด้วยหวังว่าจะช่วยผู้เบิกทางได้
ผลลัพธ์นั้นแจ่มแจ้ง
หลินเฉินทำไม่สำเร็จ สุดท้ายกลับจมดิ่งลงในความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดเสียเอง
“อยู่นี่!”
ในไม่ช้า หลินเฉินปรากฏตัวอยู่ด้านศพ
ลำแสงสีดำพุ่งออกจากศพของผู้เบิกทาง หายเข้าไปในกายหลินเฉิน
มันลบล้างวิญญาณหลินเฉิน และยึดครองร่างกายหลินเฉินเป็นของตน
นี่คือร่างวิญญาณของมัน
พลังที่หนึ่งร่างวิญญาณสำแดงได้นั้นมีจำกัด ไม่สู้มีกายเนื้อที่แท้จริงอยู่ด้วย
เพราะอย่างนั้น มันจึงลบล้างวิญญาณหลินเฉินและยึดครองกายเนื้อของเขา
สำหรับมัน หลินเฉินนั้นไม่ได้สลักสำคัญ สามารถละทิ้งได้ทุกเมื่อ
“มาเถิด พวกเรากระเทือนสสารมืดมิดออกไปอีกหน่อย ให้ร่างกายนี้ทรงพลังขึ้น”
ศพของท่านผู้นั้นและศิษย์พี่หญิงสั่นไหวอีกครั้ง สสารมืดมิดแสนน่ากลัวพุ่งออกมามหาศาล เข้าปกคลุมร่างกายหลินเฉิน
ชั่วขณะนั้น พลังในกายหลินเฉินเพิ่มพูนทวีคูณ!
หลินเฉินในฐานะลูกศิษย์อันดับหนึ่งของผู้เบิกทาง ทั้งยังติดตามผู้เบิกทางมานานที่สุดย่อมมีขอบเขตพลังสูงส่ง เหนือขอบเขตล้ำขีดไปนานแล้ว บรรลุเหนือล้ำขีดทั้งสิบห้าขั้น
บัดนี้พลังในร่างกายเพิ่มพูนทวีคูณ กำลังรบอยู่ในระดับลึกล้ำเกินหยั่ง!
“พลังพอเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของการประสานศพแล้ว”
ศพของท่านผู้นั้นพึมพำ หยุดสั่นไหวพร้อมกับศพของศิษย์พี่หญิง
หลังมันประสานเป็นหนึ่งกับศพของผู้เบิกทาง จะมีพลังเกินหยั่ง กระนั้นมันยังฝืนยกระดับพลังของหลินเฉินจนถึงประมาณครึ่งหนึ่งถึงหยุดมือ จะเห็นได้ว่ามันให้ความสำคัญกับหลี่จิ่วเต้าเพียงใด
พลังครึ่งหนึ่งเป็นพลังแข็งแกร่งที่สุดที่มันกับศิษย์พี่หญิงผู้นั้นถ่ายทอดออกมาได้แล้ว
ถึงอย่างไรร่างกายของหลินเฉินก็มิอาจเทียบกับศพของผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิง รับพลังได้มากสุดเท่านี้
หากพวกมันคิดใช้พลังกล้าแกร่งกว่านี้ จำต้องควบคุมศพของผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิงเดินทางไป
ทว่าพวกมันในตอนนี้ยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ประสานเป็นหนึ่งกับศพโดยสมบูรณ์ ไม่อาจควบคุมศพให้เคลื่อนไหวถึงสองร่าง
“เจ้ากับข้าต่างเห็นแหล่งที่มาของพลังที่จุติลงบนปลาตัวนั้น หลี่จิ่วเต้าน่าจะอยู่ที่นั่น”
ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นเอ่ย
“อืม!”
‘หลินเฉิน’ พยักหน้า ไปจากที่นี่ พริบตาเดียวก็มาอยู่ในอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าพำนัก
ตามคาด หลังมันมายังแหล่งที่มาของพลังก็ได้พบหลี่จิ่วเต้า!
พวกมันคิดไม่ผิด พลังที่จุติใส่มัจฉาสัตมายาเป็นฝีมือของหลี่จิ่วเต้าจริง ๆ
“มองไม่ออกเลย…”
มันทรงตัวอยู่ที่ไกล ๆ ไม่ได้ลงมือในทันที สายตาพาดผ่านหลี่จิ่วเต้าไม่หยุดหมายจะมองให้ทะลุ
ทว่ามันทำไม่สำเร็จ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง มองหลี่จิ่วเต้าไม่ออกแม้สักนิด ไม่รู้เลยว่าเขาทรงพลังปานใด
“แต่ก็อย่างที่คาดไว้ หากเขาจัดการได้ง่ายจริงคงไม่ใช่ตัวแปรผิดแผก แล้วข้าก็คงไม่ต้องมาที่นี่”
มันรำพันกับตนเอง ไม่ได้ประหลาดใจเพราะมองหลี่จิ่วเต้าไม่ออก
“พลังครึ่งหนึ่งประกอบกับค่ายกลพิฆาตอนอันดับหนึ่งซึ่งควบคุมหมื่นวิถีในใต้หล้า คงพอหยั่งตื้นลึกหนาบางของเขาได้บ้างกระมัง”
มันพึมพำอีกคร้ง
คราวนี้มันไม่ได้มามือเปล่า หากแต่นำค่ายกลพิฆาตอันดับหนึ่งที่ผู้เบิกทางสลักมาด้วย ควบคุมวิถีทั้งปวงในใต้หล้านี้ได้
นี่คือค่ายกลพิฆาตอันดับหนึ่งที่ผู้เบิกทางสลักด้วยสมบัติล้ำเกินหยั่งสารพันด้วยตนเอง เดิมต้องการใช้เพื่อจบชีวิตตนเอง
อนิจจา ท้ายที่สุดผู้เบิกทางท่านนั้นก็ไม่มีโอกาสใช้ ปัญหาที่เกิดกับตัวเขาร้ายแรงเกินไป จนสุดท้ายไม่อาจควบคุมตนเอง
“มาเถิด ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าเก่งกาจเพียงใด!”
สีหน้าของมันเย็นชา บุกไปหาหลี่จิ่วเต้า!
ค่ายกลพิฆาตอันดับหนึ่งซึ่งสามารถจบชีวิตผู้เบิกทางได้ย่อมน่าพรั่นพรึงเกินจะนึกออก
มีค่ายกลพิฆาตอันดับหนึ่งอยู่ ย่อมหยั่งตื้นลึกหนาบางของหลี่จิ่วเต้าได้แน่!