บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1405 พลิกสถานการณ์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1405 พลิกสถานการณ์

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฉินซี ทำให้บรรยากาศภายในโถงพันธมิตรดาราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครกล้าส่งเสียงดังอีกต่อไป เงียบสนิทจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่น

นี่คือพลังของการสยบที่เกิดจากการปรากฏตัวของเขา!

ด้วยชื่อเสียงและความแข็งแกร่งในปัจจุบัน แม้แต่อาจารย์ของฝ่ายนอกก็ไม่คิดว่าตนอาวุโสกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศิษย์เหล่านี้

เมื่อเห็นเฉินซีปรากฏตัว หัวใจของหวังจือเป่ยและคนอื่น ๆ ก็จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง

ครั้งนี้ มีคนว่าจ้างให้พวกเขาคว้าโอกาสนี้สร้างความแตกแยกเพื่อทำลายพันธมิตรดาราจริง ๆ

โดยที่พวกเขาก็รู้ดีว่า ทุกอย่างจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว หากเฉินซีปรากฏตัวเมื่อใด สิ่งที่ทุ่มเทลงไปก็จะสูญเปล่า ดังนั้นก่อนลงมือ พวกเขาได้สืบข่าวมาแล้ว ว่าตั้งแต่เฉินซีไต่ขึ้นสู่เทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ ก็เข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะทันที นี่จึงเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยม

พวกเขาไม่รอช้าเริ่มปฏิบัติการ โดยใช้คำพูดเพื่อปลุกปั่นให้สมาชิกคนอื่น ๆ มารวมตัวกัน และเล่นละครว่า ‘พยายามที่จะกดดันพันธมิตรดารา’

เนื่องจากพวกเขาได้เตรียมการมาดีและวางแผนมาเป็นเวลานาน แผนการจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อแผนการใกล้จะสำเร็จ เฉินซีก็ปรากฏตัวขึ้น และทำลายแผนการของพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดี!

เพราะพวกเขาตั้งใจใช้ชื่อของเฉินซีในการกดดันเซวียนหยวนซิ่ว เพื่อพิสูจน์ว่าพันธมิตรดาราไม่ได้เป็นของเฉินซี แต่เป็นของตระกูลเซวียนหยวน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างความขัดแย้ง และทำให้สมาชิกคนอื่น ๆ ถอนตัวออกจากพันธมิตรดารา

เมื่อสมาชิกเหล่านั้นถอนตัวไป แล้วทราบในภายหลังว่าพันธมิตรดารายังคงเป็นของเฉินซี มันก็สายไปแล้ว

แผนการชั่วร้ายและแยบยล ทว่าน่าเสียดาย เมื่อเฉินซีปรากฏตัวขึ้น มันย่อมล้มเหลว

แต่หวังจือเป่ยก็ไม่ธรรมดา เขารีบประสานมือขณะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ เห็นศิษย์พี่เฉินซี ข้าก็วางใจ ดูเหมือนว่าข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วสำนัก จะเป็นเรื่องโกหกจริง ๆ”

ข่าวลืออะไรน่ะหรือ

ข่าวลือนั่นบอกว่าพันธมิตรดาราก่อตั้งขึ้นโดยตระกูลเซวียนหยวน โดยอ้างชื่อเฉินซีบังหน้า และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น หวังจือเป่ยจึงใช้ประโยชน์จากข่าวลือนี้

“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เราเสียมารยาทจริง ๆ แต่ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของพันธมิตรดารา และเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของศิษย์พี่เฉินซี” สหายของหวังจือเป่ยก็กล่าวขึ้นมาเช่นกัน ทว่าน้ำเสียงไม่ได้กดดันเหมือนก่อนหน้านี้

“ฮ่า ฮ่า! อะไรจะเปลี่ยนสีได้เร็วขนาดนี้! มันจำเป็นต้องรวบรวมคนมามากมาย เพื่อยืนยันเรื่องนี้จริง ๆ หรือ?” อาซิ่วอดไม่ได้ที่จะถากถาง

“หากเฉินซีไม่ปรากฏตัว พวกเจ้าก็คงจะยุยงให้สมาชิกคนอื่น ๆ ถอนตัวจากพันธมิตรดารากระมัง? ข้าชักสงสัยแล้วสิ ว่านี่เป็นการจงใจทำลายพันธมิตรดาราหรือไม่?”

ทันทีที่สิ้นคำ น้ำเสียงของนางก็เต็มไปด้วยการคาดคั้นอย่างรุนแรง

สีหน้าของหลาย ๆ คนกลายเป็นเคร่งขรึม แม้จะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล แต่ก็ยังหลงคล้อยตามหวังจือเป่ยไปไม่น้อย ทว่าเมื่อได้เห็นเฉินซี ประกอบกับการไตร่ตรองอย่างจริงจัง พวกเขาก็รู้สึกว่าอาซิ่วพูดถูก

ทันใดนั้น สายตาที่มองหวังจือเป่ยและพรรคพวกก็เปลี่ยนไป

“ศิษย์พี่เซวียนหยวน ข้ารู้ว่าการกระทำของข้านั้นล่วงเกินท่านอย่างใหญ่หลวง แต่ที่ข้าทำนั้นออกมาจากใจ และไม่มีเจตนาร้ายจริง ๆ” เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาจากรอบทิศ หัวใจของหวังจือเป่ยก็บีบรัด แต่เขาก็ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ใช่เพราะศิษย์พี่เฉินซีไม่ปรากฏตัวในพันธมิตรดาราเป็นเวลานาน เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”

ประโยคสุดท้ายนี้ดูเหมือนจะมุ่งเป้าที่ไปเฉินซีโดยตรง

แต่สิ่งที่เขากล่าวก็ไม่ได้ผิดเลย เพราะหากตัวคนปรากฏตัวในพันธมิตรดาราบ่อยกว่านี้ สมาชิกคนอื่น ๆ ก็คงไม่ถูกหลอก และยุยงง่ายเช่นนี้

เฉินซีเฝ้าดูเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา เมื่อได้ยินหวังจือเป่ยพาดพิงถึงเขา ทำให้ใบหน้าค่อย ๆ กลายเป็นเคร่งขรึม “เป็นความผิดพลาดของข้าจริง ๆ และข้าต้องขออภัยที่ทำให้พวกเจ้าผิดหวัง”

ขณะที่กล่าว เฉินซีก็โค้งคำนับไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าจริงใจ

ทุกคนต่างตกตะลึงตาค้าง

ไม่มีใครคาดคิดว่าด้วยชื่อเสียงและสถานะในปัจจุบันของเฉินซี เขาจะเป็นฝ่ายขอโทษทุกคนก่อน จนพวกเขาสับสนไม่รู้ว่าต้องวางตัวอย่างไรไปชั่วขณะ

แม้แต่เหล่าสมาชิกของพันธมิตรดาราที่ค่อนแค่นเฉินซีอยู่ในใจ ก็ยังสะเทือนใจเช่นกัน ความรู้สึกไม่พอใจเลือนหายไปจนสิ้น

“ศิษย์พี่เฉินซี ท่านจริงจังกับเรื่องนี้เกินไปแล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านกำลังเดินทางเพื่อฝึกฝนอยู่ตลอด มิฉะนั้น ท่านจะบรรลุชื่อเสียงเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ใช่แล้ว ศิษย์พี่เฉินซีเป็นคนที่ถูกลิขิตมาเพื่อทำการใหญ่ ก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่มีเวลาให้พันธมิตรดารา ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดี”

“ฮึ่ม! ข้าเกลียดพวกจิตใจต่ำช้ามานานแล้ว ลองคิดดูว่าเจ้าได้รับผลประโยชน์มากมายเพียงใดหลังจากเข้าร่วมพันธมิตรดารา แต่ตอนนี้กลับพยายามสร้างความขัดแย้งในหมู่พวกเรา? พวกมันสมควรตายแล้วที่มีเจตนาเช่นนั้น!”

“ไม่ว่าสมาชิกพันธมิตรดาราจะไปที่ใด เรามักได้รับความเคารพและการปฏิบัติที่ดีจากทุกคน ดังนั้นบางคนคงทนไม่ไหวที่เห็นคนอื่นได้ดี!”

เหล่าสมาชิกของพันธมิตรดาราต่างกล่าวสนับสนุนเฉินซี ทำให้สีหน้าของพวกหวังจือเป่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่เคยคิดเลย ว่าแค่คำขอโทษคำเดียว จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ขนาดนี้

“ขอบคุณสำหรับความกรุณาของทุกคน ข้าตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะถกวิถีเต๋าเป็นเวลาเจ็ดวัดในโถงพันธมิตรดารา และแบ่งปันทุกสิ่งที่เข้าใจกับทุกคน หากพวกเจ้าคนใดมีคำถามในการบ่มเพาะ เราก็สามารถหารือกันได้ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ข้าละเลยพันธมิตรดารามานานถึงเพียงนี้”

เฉินซียิ้มพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ทุกการเคลื่อนไหว ยังแฝงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ของผู้นำอย่างเป็นธรรมชาติ

ถกวิถีเต๋าเป็นเวลาเจ็ดวัน!

สิ้นเสียงพูด เหล่าสมาชิกพันธมิตรดาราที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้สึกยินดี และเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา ถ้าไม่เกรงใจ พวกเขาคงโห่ร้องแล้ว

ปัจจุบัน จะมีใครที่ไม่ทราบถึงชื่อเสียงของเฉินซีบ้าง? จะมีใครสามารถลืมปาฏิหาริย์ที่คนผู้นี้สร้างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้? อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เฉินซียังได้รับการยอมจากมรดกของจักรพรรดิเต๋า และขึ้นสู่อันดับหนึ่งในเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์!

อาจกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งที่เฉินซีครอบครองในขณะนี้ เพียงพอที่จะรับตำแหน่งอาจารย์ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าด้วยซ้ำ!

แต่ในขณะนี้ เขาได้ตัดสินใจที่จะถกวิถีเต๋าเป็นเวลาเจ็ดวัน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเหล่าสมาชิกของพันธมิตรดารา ใครบ้างจะไม่ตื่นเต้นกับโอกาสที่หายากเช่นนี้?

ทำไมถึงสามารถบ่มเพาะได้เร็วขนาดนี้?

เหตุใดถึงสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้มากมายขนาดนี้?

บ่มเพาะอย่างไร?

เข้าใจมหาเต๋ากี่ประเภท?

ทั้งหมดนี้ทำให้สมาชิกของพันธมิตรดารา เต็มไปด้วยความคาดหวังอันไร้ขอบเขต โดยที่ตระหนักดีว่าคำแนะนำจากคนผู้นี้ ย่อมเป็นประโยชน์อย่างไร้ขอบเขตแน่นอน

แม้แต่หวังจือเป่ยและคนอื่น ๆ ก็อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงการกระทำก่อนหน้านี้ของตน เปลวไฟแห่งความปรารถนาก็ดับมอดทันที

พวกเขาตระหนักดีว่า คงจะไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับฟังและเข้าร่วมในการถกวิถีเต๋าอีกต่อไปแล้ว…

เมื่อเห็นว่าสมาชิกของพันธมิตรดาราผ่อนคลายด้วยคำพูดไม่กี่คำ ทั้งยังควบคุมสถานการณ์ได้อย่างอยู่หมัด อาซิ่วก็รู้สึกยินดีเช่นกัน นางชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยดวงตาสุกใส ขณะที่พูดกับตัวเองในใจว่า ไหนเจ้าหมอนี่บอกว่าไม่มีความสามารถในการเป็นผู้นำ? โกหกชัด ๆ!

สำหรับเหลียงเริ่น กู่เยวหมิง และเซวียนหยวนอวิ่น พวกเขาถอนหายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ‘ทั้งที่รู้ว่า การเปรียบเทียบนั้นไร้ประโยชน์ แต่เมื่อไหร่ข้าจะสามารถมีชื่อเสียงและมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเช่นเฉินซีได้?’

“พวกเจ้าที่ยืนอยู่ตรงนั้น ออกไปซะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรดาราอีกต่อไป!” ท่ามกลางความตื่นเต้นนี้ ทันใดนั้นเฉินซีก็จ้องไปยังหวังจือเป่ยและพรรคพวกเขม็ง เสียงของเขาสงบและปราศจากคลื่นอารมณ์ใด ๆ แต่กลับทำให้บรรยากาศในห้องโถงตึงเครียด

ฟึ่บ!

ทุกคนล้วนจ้องพวกหวังจือเป่ยเป็นตาเดียว แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ดูถูก และสมเพช

สีหน้าของหวังจือเป่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็คำรามด้วยเสียงที่แยกไม่ออกว่ากำลังหัวเราะหรือร้องไห้ “ศิษย์พี่เฉินซี ท่านตั้งใจแก้แค้นหรือ? ฮ่า ๆๆ! ทั้งที่ข้ามีเจตนาดีแท้ ๆ ข้าคงทำได้เพียงตำหนิตัวเองที่หุนหันพลันแล่นเกินไป!”

คนผู้นี้ไม่ยอมละทิ้งแผนการชั่วร้ายเลยสินะ…

เฉินซีกล่าวอย่างใจเย็น “ความเคารพคือสิ่งที่เจ้าควรพยายามเพื่อให้ได้มาด้วยตัวเอง หากเจ้าไม่รู้ว่าควรหยุดตอนไหน ก็อย่าโทษข้าที่เปิดโปงบุคคลที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเจ้า!”

ทันทีที่สิ้นคำ เสียงหัวเราะอันน่าเศร้าของหวังจือเป่ยก็หยุดลงทันที แววตาสั่นไหวและเต็มไปด้วยความกังวล หลังจากนั้น เขาจะสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไป ไปกันเถอะ”

ว่าจบเขาก็ก้าวยาว ๆ ออกจากห้องโถงไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ทันที

“เจ้าจะปล่อยพวกมันไปอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าก่อนหน้านี้พวกมันน่ารังเกียจแค่ไหน” อาซิ่วก็กล่าวกับเฉินซีผ่านกระแสปราณด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

“พวกมันก็แค่ตัวตลก ข้าอยากเห็นว่าพวกมันจะเข้าร่วมกับสมาคมศิษย์ใด หลังจากถอนตัวจากพันธมิตรดาราของเรา” เฉินซีตอบกลับผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น อาซิ่วก็ตระหนักได้ว่า เฉินซีตั้งใจจะใช้พวกเขาเพื่อเปิดโปงผู้บงการที่แท้จริง “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่อาจสงบใจได้”

ชายหนุ่มตกตะลึง จากนั้นก็ยิ้มและรู้สึกเห็นด้วย

ต่อจากนั้น เฉินซีจึงต้องเปลี่ยนแผน เขาอยู่ในโถงพันธมิตรดารา และเริ่มถกวิถีเต๋ากับเหล่าสมาชิกอย่างต่อเนื่อง

ทุกคนนั่งบนพื้นและฟังเฉินซีอธิบายความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเต๋า และภายในห้องโถงนี้ มีเพียงเสียงที่ชัดเจนดังก้องเหมือนระฆังยามเช้า

ขอบเขตเซียนปราชญ์ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางเพื่อกลายเป็นเทพ ทุกคำพูดและการกระทำของเซียนปราชญ์นั่นเต็มไปด้วยความลึกซึ้งของมหาเต๋า และมันก็เพียงพอประกาศให้โลกได้รับรู้ ทั้งยังให้ความรู้แก้สิ่งมีชีวิตทั้งปวง

ตอนแรก บางคนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำอธิบายนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็ค่อย ๆ ดำดิ่งลงไปในความลึกล้ำของ ‘เต๋า’ ที่เฉินซีอธิบาย

พวกเขาขมวดคิ้วขณะไตร่ตรอง และดูเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง ทำให้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เป็นดั่งที่กล่าวว่า แม้ใครบางคนจะอธิบายถึงเต๋า แต่ความเข้าใจที่ได้รับก็แตกต่างกัน

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เฉินซีก็หยุดพูด จากนั้นก็เริ่มหารือและให้คำอธิบายสำหรับคำถามของสมาชิกพันธมิตรดาราที่อยู่ในห้องโถง ดังนั้นบรรยากาศอันเงียบสงบแต่เดิม จึงอบอุ่นขึ้นตามไปด้วย

ศิษย์หลายคนตั้งคำถามที่พบบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะอย่างต่อเนื่อง และเฉินซีก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เขาให้คำชี้แนะทีละคน ทำให้เหล่าสมาชิกรู้สึกเสมือนสัมผัสกับการรู้แจ้งโดยฉับพลัน

ไม่ใช่ว่าความสำเร็จในเต๋าของเฉินซีนั้นไม่ธรรมดา แต่เป็นเพราะเขาได้แซงหน้าทุกคนที่อยู่ในห้องโถงมานานแล้ว การเรียนรู้ไม่มีก่อนหรือหลัง และผู้ที่มีความรู้คืออาจารย์

ความรู้ไม่ได้แตกต่างกันตามอายุหรือเวลา และผู้ที่มีความสามารถคือผู้สอน!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท