สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 264 ตงเซิงสามคน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 264 ตงเซิงสามคน

เห็นชายหนุ่มล้มฟุบบนโต๊ะ ซิ่วอ๋องสบตากับข่งรุ่ย ยิ้มส่ายหน้า “คิดไม่ถึงว่าซินไต้จ้าวคออ่อนเช่นนี้”

ข่งรุ่ยลุกขึ้นยืน “วันนี้ขอบคุณซิ่วอ๋องที่เลี้ยงต้อนรับ เวลาก็ดึกแล้ว ไม่รบกวนแล้ว พอดีข้าจะได้ไปส่งน้องซิน”

น้องซิน…

ซิ่วอ๋องได้ยินคำเรียกขานซินโย่วของข่งรุ่ย แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ซินไต้จ้าวมาเป็นแขกที่จวนข้า ย่อมควรให้คนจวนอ๋องส่งเขากลับไป จะรบกวนน้องรุ่ยได้อย่างไร”

“ไม่เป็นอันใด เดิมข้าก็จะกลับอยู่แล้ว จะได้แวะไปส่งพอดี” ข่งรุ่ยยืนยัน

“เช่นนั้นก็รบกวนน้องรุ่ยแล้ว”

ซิ่วอ๋องไปส่งทั้งสองคนที่นอกประตูรองในจวนแล้ว มองตามซินโย่วกับข่งรุ่ยขึ้นรถม้าไปด้วยกัน จึงได้หันหลังเดินกลับ

“ท่านจาง ท่านมีความเห็นอย่างไร”

ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มมืด ในจวนซิ่วอ๋องจุดโคมไฟส่องสว่าง

ท่านจางที่เดินเคียงข้างซิ่วอ๋องก็คือที่ปรึกษาจวนอ๋องซิ่ว มาร่วมเป็นแขกในงานเลี้ยงค่ำวันนี้

ได้ยินคำถามซิ่วอ๋อง ท่านจางก็ครุ่นคิดเอ่ยว่า “ซินไต้จ้าวดูแล้วไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อองค์ชาย แท้จริงเป็นอย่างไรก็คงต้องสังเกตการณ์ต่อไป แต่ทว่าจิ้งอันโหวนั้น มองออกว่ามีความระวังตัวกับองค์ชายอยู่บ้าง คล้ายกังวลว่าองค์ชายจะทำร้ายซินไต้จ้าว”

ซิ่วอ๋องยิ้มกล่าวว่า “เขาเป็นห่วงก็ปกติ แต่เล็กได้ยินว่าเสด็จอาสนิทสนมกับฮองเฮา รักผู้ใดก็ย่อมรักของอันเป็นของคนผู้นั้นด้วย ข่งรุ่ยก็ย่อมเป็นเช่นนี้”

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ท่านจางมองใบหน้างามประณีตของซิ่วอ๋องพลาง เอ่ยเตือนว่า “องค์ชายอย่าได้เก็บมาใส่ใจ ยิ่งไม่ควรแสดงท่าทีไม่พอใจต่อซินไต้จ้าวเพราะเหตุนี้”

“ข้ารู้” ซิ่วอ๋องกระดกมุมปาก “ข้าแทบอยากจะทำความคุ้นเคยกับซินไต้จ้าวให้มากกว่านี้ จะไม่พอใจได้อย่างไร”

ท่านจางมองซิ่วอ๋องลุ่มลึกทีหนึ่ง มององค์ชายที่อยู่ร่วมกันมาหลายปีนี้ไม่ออกจริงๆ

ในรถม้าที่แขวนโคมไฟจวนซิ่วอ๋อง ซินโย่วพิงข่งรุ่ย สีหน้าท่าทางเหมือนคนดื่มมากไปแล้ว

ข่งรุ่ยเงียบมาตลอด จนกระทั่งรถม้าจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าจวนพระราชทาน จึงได้ส่งเสียงเรียก “น้องมู่ ถึงแล้ว”

ซินโย่วขยับเปลือกตา คล้ายว่าพยายามลืมตา

“น้องมู่…”

ตอนที่ข่งรุ่ยเตรียมเข้าไปประคอง ซินโย่วก็ลืมตาขึ้น “ที่นี่คือที่ใด”

“นี่คือในรถม้า ถึงจวนแล้ว ข้าประคองเจ้าลงไป”

ข่งรุ่ยประคองซินโย่วลงจากรถม้า ยืนยันจะเข้าไปส่งนาง ตอนอำลาจากกันยังกำชับหนักแน่น “น้องมู่ เจ้าคออ่อน วันหน้าดื่มให้น้อยหน่อย”

“อื้อ” ซินโย่วพยักหน้ารับคำอู้อี้

ข่งรุ่ยเห็นนางยังไม่สร่างเมา รู้ว่าพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ กำชับบ่าวในจวนสองสามคำแล้วก็จากไป

ซินโย่วเข้าไปในห้อง นอนลงบนเตียงแล้วก็หลับตาลง การนัดพบกับใต้เท้าเฮ่อวันนี้ก็คงต้องผิดนัดแล้ว

นางย่อมมิได้เมา แต่ในจวนไม่มีคนของตนเองแม้แต่คนเดียว ลอบออกไปอันตรายเกินไป

ดีที่ทางใต้เท้าเฮ่อต้องมีคนคอยจับตานางตลอด ย่อมรู้สาเหตุที่นางไปไม่ได้

เฮ่อชิงเซียวไม่เพียงแต่ได้รับข่าวซินไต้จ้าวดื่มเมาที่จวนซิ่วอ๋อง ในหลายวันต่อมายังรายงานตอนฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถาม

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดพระขนงเล็กน้อย

ดื่มสุราก็ดื่มไป เหตุใดยังต้องดื่มจนเมา

“เรารู้แล้ว ไปทำงานของเจ้าต่อได้”

“กระหม่อมทูลลา”

เฮ่อชิงเซียวออกจากวังหลวง ตอนเดินอยู่บนท้องถนนก็มีลูกน้องในเครื่องแต่งกายลำลองเข้ามารายงาน “ใต้เท้า ซินไต้จ้าวไปถนนจีเหมา…”

วันนี้เป็นวันที่สิบเดือนหก วันหยุดพักของขุนนางพอดี

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย แสดงอาการรับรู้แล้ว ลูกน้องจึงได้ถอยออกไปเงียบๆ

ถนนจีเหมาห่างจากวังหลวงค่อนข้างไกล เป็นพื้นที่ผู้คนอาศัยแออัด ซินโย่วไปยังสถานที่ชาวบ้านอยู่กันหนานแน่เช่นนี้อย่างสบายอารมณ์ เดินเล่นไปหยุดพักไป จนกระทั่งรู้สึกว่ามีคนตั้งใจเข้ามาใกล้นาง

นางหันหน้าไปมอง

ชายผู้หนึ่งสวมหมวกสานและชุดสีเขียวทั้งตัว ห่างจากนางเพียงหนึ่งก้าว

ซินโย่วจดจำได้ทันที “ใต้เท้าเฮ่อ”

“ไปคุยทางนั้นกัน”

เป็นร้านเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาร้านหนึ่ง ขายธูปเทียนและชาดแดง คนเฝ้าร้านเป็นหญิงชรามีอายุนางหนึ่ง

เฮ่อชิงเซียวก้าวเข้ามาในร้านดึงหมวกสานออก ในร้านมีแสงสลัวและเงียบสงบ

พอเข้าไปนั่งในห้องแล้ว ซินโย่วก็คลี่ยิ้มเอ่ยว่า “มิน่าใต้เท้าเฮ่อมาที่เช่นนี้ต้องสวมหมวกสาน”

แต่เล็กจนโต เฮ่อชิงเซียวได้ยินคำชมเรื่องหน้าตาตนเองมาไม่รู้กี่ครา ยามนี้ได้ยินคำสัพยอกจากซินโย่ว กลับรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างน่าประหลาด

ตรงหน้ามีเพียงน้ำชารสชาติหยาบๆ ถ้วยหนึ่ง เขายกขึ้นดื่มคำหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ “ซินไต้จ้าว สองสามวันมานี้ปรับตัวคุ้นเคยแล้วหรือยัง”

ซินโย่วดึงแขนเสื้อพลางยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ปรับตัวคุ้นเคยมากแล้ว”

การแต่งกายเช่นนี้เป็นการแต่งกายที่นางคุ้นเคย

เฮ่อชิงเซียวอดมองซินโย่วอย่างละเอียดทีหนึ่งไม่ได้

เขาเป็นห่วงว่านางปลอมตัวเป็นชายจะถูกเปิดโปง จึงอดมองให้แน่ใจครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้

ดีที่กิริยาท่าทางไม่ได้พบปัญหาใด ชายหนุ่มสิบห้าสิบหกรูปร่างผอมบาง ไม่มีลูกกระเดือกและหนวดเครา ก็มีให้เห็นมากมาย

เฮ่อชิงเซียวรู้สึกจิตใจสงบลงแล้วก็เริ่มคุยเรื่องสำคัญ “หลังการตรวจสอบมาหลายวัน ชื่อเล่นในหมู่ขุนนางเมืองหลวงที่ชื่อตงเซิง ตรวจพบสามคน”

“สามคน?” ตอนได้รับสารจากเฮ่อชิงเซียว ซินโย่วก็คาดเดาได้แล้วว่าอาจมีความคืบหน้า ทว่าความคืบหน้านี้เหนือความคาดหมายอยู่บ้าง

คำพูดถัดมาของเฮ่อชิงเซียวยิ่งทำให้นางตกใจ “ในสามคนนี้ มีคนที่เจ้าเคยพบสองคน”

“ใต้เท้าเฮ่อ รีบบอกชื่อมา”

เฮ่อชิงเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง

“ใต้เท้าเฮ่อ?” ซินโย่วสงสัย

เฮ่อชิงเซียวดื่มน้ำชาไปอีกคำหนึ่ง ดื่มเร็วไปหน่อย ทำให้อดติดคอไม่ได้

ซินโย่วสส่งผ้าเช็ดหน้าให้เงียบๆ

เฮ่อชิงเซียวสบดวงตากลมโตกระจ่างใสคู่นี้แล้วก็ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้ามาเหมือนภูตผีดลใจ

“ขออภัย” เขาเช็ดมุมปากทีหนึ่ง ไม่กล้าส่งผ้าเช็ดหน้าสกปรกคืนกลับไป ได้แต่ยัดเข้าแขนเสื้อตนเองหน้าตาเฉย

ซินโย่วสนใจอยู่กับเรื่องสถานะของ ‘ตงเซิง’ “ใต้เท้าเฮ่อ สองคนนั้นที่ข้าเคยพบคือผู้ใด”

“ท่านหนึ่งก็คือเจ้ากรมตรวจสอบเหอ”

“เจ้ากรมตรวจสอบเหอ?” ซินโย่วตะลึงงัน

เจ้ากรมตรวจสอบเหอเป็นคนเถรตรงขึ้นชื่อ การเดินทางไปตรวจสอบที่ติ้งเป่ยแม้อยู่ร่วมกับเฮ่อชิงเซียวหลายวัน แต่ยังคงรักษาระยะห่างมาตลอด

เฮ่อชิงเซียวเอ่ยถึงเจ้ากรมตรวจสอบเหอ สีหน้าก็แปลกไปอยู่ไม่น้อย “ระยะนี้เจ้ากรมตรวจสอบเหอมักไปร้านหนังสือชิงซง”

“เจ้ากรมตรวจสอบเหอไปร้านหนังสือทำอันใด”

“อ่านหนังสือ…” เฮ่อชิงเซียวนึกถึงรายงานของลูกน้อง สีหน้าก็ยิ่งสับสน “เจ้ากรมตรวจสอบเหอเลิกงานแล้วก็จะไปร้านหนังสือชิงซงอ่านบันทึกการเดินทางอยู่ครู่หนึ่ง”

ซินโย่วฟังจบ ก็จ้องมองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่ง ถามอย่างจริงจังขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อ ท่านรู้สึกว่าเจ้ากรมตรวจสอบเหอมีเจตนาเช่นไร”

เฮ่อชิงเซียว “…” เขารู้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้

เขามักไปร้านหนังสือชิงซงอ่านบันทึกการเดินทาง เพราะชอบหนังสือจำพวกนี้ หากซื้อทุกเล่มกลับไป ถุงเงินคงทนไม่ไหว แต่เจ้ากรมตรวจสอบเหอ…อ้อ เจ้ากรมตรวจสอบเหอเองก็จนมาก

พอได้สติคืนมา เฮ่อชิงเซียวก็นิ่งเงียบลง ยืนยันว่าตนกับใต้เท้าเหอไม่เหมือนกัน “เมื่อก่อนเจ้ากรมตรวจสอบเหอคล้ายว่ามิได้ชื่นชอบบันทึกการเดินทาง อยู่ๆ พลันแปรเปลี่ยนต้องมีสาเหตุ เฝ้าจับตาต่อไป บางทีอาจรู้กระจ่างได้”

ซินโย่วพยักหน้า “อีกสักครู่ข้าจะเปลี่ยนกลับเป็นคุณหนูโค่วไปร้านหนังสือชิงซง ลองถามพวกผู้ดูแลร้านหู อีกคนคือผู้ใด”

“อีกคนก็คือสหายขุนนางของซินไต้จ้าว ฮว่าไต้จ้าว”

ฮว่าไต้จ้าว?

หลังได้เห็นภาพน่าประหลาดนั่นแล้ว ก็คาดเดาว่าฮว่าไต้จ้าวแปลงโฉมมา เดิมซินโย่วเองก็ระวังคนผู้นี้อยู่แล้ว ตอนนี้พอได้ยิน ในใจก็กระตุกวาบ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท