ตอนที่ 1529 การแต่งงาน
แต่ไรมาผู้ที่ชอบโอดครวญว่าจนที่สุดล้วนเป็นเสนาบดีกรมการคลังของทุกยุคทุกสมัย หลู่ไท่เว่ยคิดว่าเว่ยปู้จิ้งก็คงไม่แตกต่างกัน
เว่ยปู้จิ้งที่คุกเข่านั่งอยู่หน้าโต๊ะเล็กส่ายหน้าน้อยๆ พลางซุกมือทั้งสองข้างไว้ในแขนเสื้อ “เงินไม่ใช่ปัญหา อิงฮุ่ยจวินและกองทัพไป๋กำลังนำเงินชดเชยส่วนแรกของตงอี๋กลับมาเมืองหลวงแล้ว ต้าโจวไม่มีทางขัดสนเรื่องเงินในช่วงนี้แน่นอน ข้าแค่คิดว่าต้าโจวสามารถถือโอกาสนี้ผลักดันตราสารหนี้ให้แพร่หลายขึ้น ให้ชาวบ้านได้เห็นความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ขอรับ”
หลู่ไท่เว่ยได้ยินเว่ยปู้จิ้งกล่าวเช่นนี้จึงพยักหน้า “เป็นความคิดที่ดี หากตราสารหนี้ของต้าโจวเป็นที่นิยมขึ้นมา วันหน้าหากฝ่าบาททรงคิดทำการใหญ่ใด กรมการคลังจะได้ไม่เครียดมากนัก”
ไป๋ชิงฉีที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะลูบมือของตัวเองอย่างใช้ความคิด ไม่นานจึงเงยหน้ามองไปทางหลู่ไท่เว่ยและเว่ยปู้จิ้งด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ “ในเมื่อฝ่าบาทเสด็จไปยังต้าเยี่ยนแล้ว…ก็ไม่ควรไปเสียเที่ยว! ควรให้ชาวบ้านต้าโจวที่อยู่ในเขตการปกครองของต้าเยี่ยนรับรู้ว่าเมื่อต้าเยี่ยนเกิดโรคระบาดขึ้นจักรพรรดินีต้าโจวเดินทางไปร่วมทุกข์กับชาวบ้านเหล่านั้น เช่นนี้ฝ่าบาทจะได้ได้ใจของพวกเขา ชาวบ้านเหล่านั้นจะได้เห็นความดีของฝ่าบาท”
เว่ยปู้จิ้งคิดว่าวิธีนี้ดีมากจึงรีบกล่าวเสริม “เราควรให้คนนำตราสารหนี้ไปเผยแพร่ยังเมืองต้าโจวที่อยู่ในเขตการปกครองของต้าเยี่ยนด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทางที่ดีควรกระจายออกไปให้ทั่วทั้งแคว้น ที่สำคัญควรให้พ่อค้าที่ได้รับดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ครั้งนี้แล้วเป็นคนบอกต่อให้ผู้อื่นรับรู้พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” ไป๋ชิงฉีกล่าวเสียงขรึมด้วยสีหน้าจริงจัง “รบกวนใต้เท้าเว่ยจัดการเรื่องที่ฝ่าบาททรงกำชับมาด้วย”
เมื่อเดินออกมาจากตำหนักเว่ยปู้จิ้งรับเสื้อคลุมขนสัตว์ที่ขันทีเล็กส่งให้ เขาถูมือของตัวเองไปมาเพื่อเพิ่มความอบอุ่น เขายืนมองหลังคาสีแดงที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะจนกลายเป็นสีขาวโพลนอยู่หน้าตำหนักใหญ่ ใจของเขาหนักอึ้ง เขารู้สึกว่าจักรพรรดินีของเขาใจกล้ายิ่งนัก ต้าเยี่ยนเกิดโรคระบาดรุนแรงถึงเพียงนี้ ผู้คนมีแต่จะหลบหนีออกจากพื้นที่อันตรายนั่น ทว่า ฝ่าบาทของเขากลับเดินทางไปต้าเยี่ยน
เว่ยปู้จิ้งเงยหน้ามองหิมะที่ตกหนัก ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าเขาเริ่มมองเห็นอนาคตที่สดใสของต้าโจวมากขึ้นเรื่อยๆ…
ในเมื่อฝ่าบาทเสี่ยงอันตรายเดินทางไปยังต้าเยี่ยนและมอบหมายหน้าที่สำคัญให้เสนาบดีกรมการคลังอย่างเขาทำเขาก็จะทำตามคำสั่งของฝ่าบาทให้ดีที่สุด แค่ส่งยาสมุนไพร เสบียงอาหารและเงินไปให้ต้าเยี่ยนเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเท่าใดนัก
เมื่อเว่ยปู้จิ้งเตรียมเงิน เสบียงอาหารและยาที่คิดว่ามากพอให้ชาวบ้านในเมืองของต้าเยี่ยนที่อยู่ในเขตการปกครองของต้าโจวใช้สักระยะหนึ่งเรียบร้อยและเตรียมจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ไป๋ชิงเหยียนก็ส่งคำสั่งใหม่กลับมาพอดี
ฝ่าบาทของพวกเขาอนุญาตให้ฉินซ่างจื้อขยายเขื่อนให้กว้างกว่าเดิม ให้เว่ยปู้จิ้งส่งเงินไปให้ฉินซ่างจื้อมากเท่าที่เขาต้องการ
เมื่อการว่าราชการตอนเช้าจบลงเว่ยปู้จิ้งรีบไปดักรอไป๋ชิงฉีกับไป๋ชิงอวี๋ด้วยความร้อนใจ “เจิ้นกั๋วอ๋อง ฮู่กั๋วอ๋อง กระหม่อมเพิ่งรวบรวมเงินส่งไปให้ต้าเยี่ยนสำเร็จ ทว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้กระหม่อมส่งเงินไปช่วยเหลือการขยายเขื่อนอีก แม้กระหม่อมจะดูแลกรมการคลัง ทว่า กระหม่อมไม่สามารถผลิตเงินได้เองนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงอวี๋เห็นสีหน้าร้อนใจของเว่ยปู้จิ้งจึงมองไปทางพี่ชายสามแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ว่ากันว่าเสนาบดีกรมการคลังชอบโอดครวญว่าจนที่สุด ก่อนหน้าที่ข้ายังไม่เชื่อ นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้ใต้เท้าเว่ยจะทำให้ข้ารู้ว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง”
เว่ยปู้จิ้งฟังออกว่าไป๋ชิงอวี๋กำลังกล่าวหยอกตน เขาได้แต่แบมือทั้งสองข้างออกอย่างจนใจ “เจิ้นกั๋วอ๋อง ต่อให้พระองค์ประชดกระหม่อม กระหม่อมก็เสกเงินออกมาให้ไม่ได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าเว่ยอย่ามาหลอกพวกเราสองคนเลย!” แม้สีหน้าของไป๋ชิงฉีที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่จะเคร่งขรึม ทว่า แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาททรงรับสั่งให้อิงฮุ่ยจวินและแม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อนำเงินชดเชยก้อนแรกของตงอี๋กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ตอนนี้เงินอยู่ในคลังเรียบร้อย ตอนรับใต้เท้าเว่ยรับมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนเงินที่ส่งไปยังต้าเยี่ยนล้วนเป็นเงินที่ได้มาจากการขายตราสารหนี้ทั้งสิ้น”
เว่ยปู้จิ้งรู้สึกเสียดาย “ทว่า ใกล้จะครบเดือนหนึ่งแล้ว พวกเราต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ชาวบ้านที่ซื้อตราสารหนี้ของต้าโจว ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้นนะพ่ะย่ะค่ะ หากจ่ายเงินให้ชาวบ้านไม่ได้เท่ากับผิดสัญญากับชาวบ้าน วันหน้าคงไม่มีผู้ใดซื้อตราสารหนี้ของพวกเราอีก! ที่สำคัญจะปล่อยให้คลังสมบัติว่างเปล่าไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ หากคลังสมบัติว่างเปล่าแล้วเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ฮู่กั๋วอ๋อง เจิ้นกั๋วอ๋องทรงไม่ทราบความลำบากของเสนาบดีกรมการคลังหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาทถึงให้ใต้เท้าเว่ยรับตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังอย่างไรล่ะ” ไป๋ชิงอวี๋เอื้อมมือตบไหล่ของเว่ยปู้จิ้งเบาๆ “ขุนนางต้องช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทไม่ใช่หรือ เมื่อฝ่าบาทมีราชโองการมา ใต้เท้าเว่ยซึ่งเป็นถึงขุนนางใหญ่ของต้าโจวจะปัดความรับผิดชอบได้อย่างไรกัน”
ไป๋ชิงฉีหลุดหัวเราะกับคำกล่าวของไป๋ชิงอวี๋ ชายหนุ่มก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มของตัวเองไว้ จากนั้นเดินมือไพล่หลังไปด้านหน้าแล้วกล่าวกับไป๋ชิงอวี๋ “ไปเถิด…”
“ใต้เท้าเว่ย…ลำบากท่านแล้ว!” ไป๋ชิงอวี๋ไม่วายกล่าวขึ้นอีกประโยค
“เจิ้นกั๋วอ๋อง!” เว่ยปู้จิ้งรู้ว่าเจิ้นกั๋วอ๋องต้องการให้เขารับหน้าที่นี้ไว้ให้ได้ เขาเดินตามไปอีกสองก้าวพลางเอ่ยเรียกอีกครั้ง “เจิ้นกั๋วอ๋อง!”
ทว่า สองพี่น้องเดินเอามือไพล่หลังจากไปโดยไม่หันกลับมามองเขาแม้แต่น้อย เว่ยปู้จิ้งได้แต่เอามือซุกแขนเสื้อพลางเงยหน้ามองฟ้าอย่างจนปัญญา
ความจริงเว่ยปู้จิ้งไม่ถนัดเรื่องการทำตัวน่าสงสาร ทว่า ต่อมาเขาพบว่าฝ่าบาทของเขาสั่งให้เขาหาเงินราวกับเขาผลิตเงินออกมาเองได้ เขาจึงไปขอคำแนะนำจากหลู่ไท่เว่ย
หลู่ไท่เว่ยแนะนำให้เขาโอดครวญว่าจนต่อหน้าจักรพรรดิและทำตัวให้น่าสงสารที่สุด
เว่ยปู้จิ้งนึกถึงเจ้านายคนก่อนของตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าคำกล่าวของหลู่ไท่เว่ยมีเหตุผล
เว่ยปู้จิ้งพยายามฝึกทำตัวหน้าสงสารอยู่หน้ากระจกพักใหญ่เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่าเขากำลังแสดงละคร ทว่า เขายังไม่ทันฝึกสำเร็จฝ่าบาทก็มีรับสั่งมาเสียก่อน
เว่ยปู้จิ้งคิดว่าเขาคงไม่มีความสามารถด้านการแสดง ทำตัวน่าสงสารไม่พอดังนั้นเจิ้นกั๋วอ๋องและฮู่กั๋วอ๋องจึงไม่รู้สึกว่าเขาน่าสงสาร
คราวนี้เขาต้องกลับไปฝึกฝนให้มากกว่าเดิม คราวหน้าจะได้สำเร็จเสียที!
“เสนาบดีเว่ย…”
เว่ยปู้จิ้งกำลังคิดถึงหลู่จิ้น หลู่จิ้นก็เดินออกมาจากตำหนักพอดี
เว่ยปู้จิ้งรีบโค้งกายทำความเคารพหลู่จิ้น “เสนาบดีหลู่!”
หลู่จิ้นทำความเคารพกลับแล้วกล่าวยิ้มๆ “ทำตัวน่าสงสารไม่ได้ผลอย่างนั้นหรือ”
“เฮ้อ!” เว่ยปู้จิ้งถอนหายใจออกมา “อาจเป็นเพราะฝีมือการแสดงของข้าไม่ดี ข้าคงต้องกลับไปฝึกฝนอีกขอรับ”
หลู่จิ้นขำกับคำกล่าวของเว่ยปู้จิ้ง เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลู่ไท่เว่ยกำชับมาจึงเดินออกจากวังไปพร้อมกับเว่ยปู้จิ้ง จากนั้นเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “ใต้เท้าเว่ย ได้ยินว่าใต้เท้าเว่ยมีบุตรสาวอยู่คนหนึ่ง ไม่ทราบว่านางหมั้นหมายกับผู้ใดแล้วหรือไม่”
เว่ยปู้จิ้งมองไปทางหลู่จิ้นอย่างตกตะลึง จากนั้นรีบมองไปรอบกาย เมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงกล่าวขึ้น “ใต้เท้าหลู่ ระหว่างท่านกับข้าไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก ท่านทำเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัว…”