ตอนที่ 1530 ไม้โบยของกองทัพ
“ข้าได้รับไหว้วานมาจากผู้อื่น เจ้าน่าจะรู้ว่าหลู่ไท่เว่ยมีหลานชายหลายคน แม้หลู่หยวนเผิงจะเคยเป็นคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวง ทว่า ตอนนี้เขาสร้างความดีความชอบในกองทัพไป๋ได้ไม่น้อย อีกได้เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทมาก”
หลู่จิ้นกล่าวกับเว่ยปู้จิ้งยิ้มๆ
“ได้ยินว่าฮูหยินสามของตระกูลหลู่ซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ของหลู่หยวนเผิงเคยเห็นบุตรสาวคนโตของเจ้าที่งานเลี้ยงวันเกิดของราชครูถาน นางรู้สึกว่าบุตรสาวของเจ้าเป็นคนเรียบร้อย สามารถช่วยเติมเต็มกับหลู่หยวนเผิงที่มีนิสัยร่าเริงได้ หลู่ไท่เว่ยเห็นว่าปกติข้าค่อนข้างสนิทสนมกับเจ้าจึงให้ข้ามาลองถามเจ้าดู”
บุตรสาวของเว่ยปู้จิ้งคือบุตรสาวคนโตของตระกูล อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าพิธีปักผมแล้ว บุตรสาวของเขาเป็นคนเรียบร้อยและสุขุมอย่างที่ฮูหยินสามตระกูลหลู่คิดจริงๆ อาจเป็นเพราะนางเป็นบุตรสาวคนโต นางจึงเป็นที่ยำเกรงของบรรดาน้องๆ
แม้หลู่หยวนเผิงจะเป็นคุณชายเจ้าสำราญ ทว่า เขาคือคุณชายหกตระกูลหลู่ เป็นหลานชายแท้ๆ ของหลู่ไท่เว่ย
ตำแหน่งเสนาบดีของเว่ยปู้จิ้งได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท ความจริงฐานะทางครอบครัวของเว่ยปู้จิ้งแตกต่างกับตระกูลหลู่หลายขุมนัก บุตรสาวของเขาไม่คู่ควรกับตระกูลหลู่!
เมื่อเห็นท่าทีไม่ได้สติของเว่ยปู้จิ้งหลู่จิ้นก็รู้ทันทีว่าเว่ยปู้จิ้งกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เว่ยปู้จิ้งไม่ใช่คนที่ชอบประจบคนมีอำนาจ นี่คือสิ่งที่หลู่ไท่เว่ยชื่นชมในตัวเว่ยปู้จิ้งเช่นเดียวกัน
“เจ้ากลับไปปรึกษากับน้องสะใภ้ก่อน อีกสองสามวันข้าจะให้เมียของข้าไปเยี่ยมน้องสะใภ้ที่จวน ไม่ว่าพวกเจ้าสองคนจะตัดสินใจเช่นไรก็ไม่สำคัญ หลู่ไท่เว่ยกล่าวว่าหลานชายของเขาชื่อเสียงไม่ดี เขาต้องถามความเห็นของเด็กๆ เช่นเดียวกัน เขาไม่อยากสร้างความทุกข์ให้เด็กๆ เพราะการจับคู่ของบิดามารดา เช่นนั้นเขาคงรู้สึกผิดมาก!”
หลู่จิ้นถ่ายทอดคำของหลู่ไท่เว่ยให้เว่ยปู้จิ้งรับรู้ด้วยรอยยิ้ม
ความจริงหลู่เว่ยแสดงเจตจำนงชัดเจนแล้วว่าการแต่งงานในครั้งนี้ต้องได้รับการยินยอมทั้งจากเว่ยปู้จิ้งและบุตรสาวคนโตของเขาก่อน
“ทว่า ได้ยินว่าคุณชายสี่และคุณชายห้าของตระกูลหลู่ยังไม่ได้หมั้นหมายเลย เหตุใดจึงข้ามมาจัดการเรื่องการแต่งงานของคุณชายคนเล็กสุดของตระกูลเช่นนี้กัน”
เว่ยปู้จิ้งกล่าวจบจึงนึกถึงคุณชายสี่หลู่หยวนชิ่งซึ่งโดดเด่นที่สุดของตระกูลหลู่ขึ้นมา เขากลัวว่าหลู่จิ้นจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาอยากให้บุตรสาวแต่กับหลู่หยวนชิ่งจึงรีบอธิบาย
“ข้าไม่ได้อยากให้บุตรสาวแต่งกับหลู่หยวนชิ่งนะขอรับ แค่สงสัยเท่านั้น”
“ข้ารู้จักเจ้าดี!”
หลู่จิ่นกระชับเสื้อคลุมเล็กน้อย จากนั้นถอนหายใจออกมา
“หลู่หยวนชิ่งสมบูรณ์แบบจนไม่ต้องกล่าวถึง ส่วนคุณชายห้า…แม้จะเป็นบุตรอนุ ทว่า ไม่เคยก่อเรื่องให้ตระกูลต้องเดือดร้อน มีเพียงหลู่หยวนเผิงเท่านั้นที่ทำให้หลู่ไท่เว่ยปวดหัวมาก ดังนั้นหลู่ไท่เว่ยจึงใส่ใจเรื่องของเขามากกว่าหลานคนอื่น!”
เว่ยปู้จิ้งพยักหน้า
“เป็นบุญของข้าที่หลู่ไท่เว่ยไม่รังเกียจตระกูลของข้า ข้าจะกลับไปถามความเห็นของภรรยาดูก่อน”
หลู่จิ้นได้ยินเช่นนี้จึงยิ้มกว้างออกมา เขายกมือคารวะเว่ยปู้จิ้ง จากนั้นกล่าวเสียงเบา
“หากเรื่องนี้สำเร็จ ใต้เท้าเว่ยอย่าลืมพ่อสื่ออย่างข้านะ”
ตั้งแต่ที่เกาอี้อ๋องไป๋จิ่นจื้อนำกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวง ฮูหยินสามตระกูลไป๋หลี่ซื่อก็เริ่มมองหาคู่ครองให้บุตรสาวทันที ตระกูลอื่นก็เริ่มหาคู่ครองให้ทายาทของตนเช่นเดียวกัน
หลู่ไท่เว่ยรู้ว่าการแต่งงานของหลู่หยวนชิ่งไม่น่าเป็นห่วง หลานชายอนุก็เหมือนจะเริ่มตกลงหมั้ยหมายได้แล้ว หลู่ไท่เว่ยจึงใส่ใจการแต่งงานของหลู่หยวนเผิงหลานชายคนเล็กมากกว่าหลานคนอื่นๆ เสี่ยวลิ่วถูกตามใจมาตั้งแต่เล็ก เมื่อเทียบกับหลู่หยวนชิ่งผู้เป็นพี่ชายแล้ว หลู่หยวนเผิงทำให้เขาปวดหัวยิ่งนัก
หลู่หยวนเผิงซึ่งยังไม่รู้ว่าปู่ของตัวเองกำลังหาคู่ครองให้ตนกำลังคุยโวอยู่กับสหายกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญอยู่ในโรงสุราอย่างเมามัน หลู่หยวนเผิงคุยโวว่าตัวเองสังหารศัตรูรอบทิศเช่นไรบ้าง กล่าวว่าทหารของตงอี๋เป็นเพียงทหารไร้น้ำยา ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้าโจวสักนิด
แน่นอนว่าหลู่หยวนเผิงไม่ลืมคุยโวว่าจักรพรรดินีของพวกเขาเก่งกาจและอาญหาญเพียงใด วางแผนได้สมบูรณ์แบบเพียงใด
ซือหม่าผิงยืนถือจอกเหล้าเอนกายพิงหน้าต่างที่ปิดสนิทอยู่ด้วยท่าทีสบายอารมณ์ เขามองไปทางหลู่หยวนเผิงที่คุยโวราวกับนักเล่าเรื่องอยู่ในด้าน เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มเมาเล็กน้อย…จึงอดนึกถึงเรื่องคู่ครองที่ท่านแม่หาให้เขาขึ้นมาไม่ได้
ซือหม่าผิงบอกกับมารดาของตัวเองว่าสถานการณ์ของตระกูลซือหม่าในตอนนี้ไม่เหมาะจะจัดงานแต่งงาน ตระกูลสูงศักดิ์ไม่มีทางมองตระกูลซือหม่า ส่วนตระกูลต่ำศักดิ์…มารดาของเขาก็คงรับไม่ได้เช่นกัน
ทว่า มารดาของเขากลับบอกให้เขาแต่งงานกับบุตรสาวคนรองของตระกูลท่านน้าชาย
แม้ตระกูลน้าชายของเขาจะสู้ตระกูลซือหม่าในตอนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ทว่า ทายาทของตระกูลล้วนมีความสามารถ ได้ยินว่าตอนนี้สอบผ่านเป็นบัณฑิตแล้ว ตอนนั้นเกือบได้เป็นเจี่ยหยวน[1]ด้วยซ้ำ อนาคตต้องรุ่งโรจน์แน่นอน
เมื่อซือหม่าผิงปฏิเสธอีกครั้งมารดาของเขาก็เริ่มร้องไห้และอ้างเรื่องความกตัญญูขึ้นมาบีบเขา…
ซือหม่าผิงที่อารมณ์ไม่ค่อยดีจึงดื่มมากกว่าปกติ
“ซือหม่าผิง สิ่งที่เสี่ยวลิ่วกล่าวมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
“ใช่ ข้าเชื่อซือหม่าผิง หลู่หยวนเผิงชอบคุยโว…”
“ได้!”
หลู่หยวนเผิงยกเท้าขึ้นเหยียบบนเก้าอี้ จากนั้นตะโกนเรียกซือหม่าผิงเสียงดังลั่น
“ซือหม่าผิง เจ้าบอกพวกนี้ไปสิว่าข้าโกหกหรือไม่”
“เจ้ากล่าวเรื่องจริง”
ซือหม่าผิงยิ้มอย่างตามใจและปล่อยวาง
ไม่ว่าอย่างใดเขาก็ไม่มีทางได้ครองคู่กับไป๋จิ่นจื้อ หากซือหม่าผิงได้ครองคู่กับไป๋จิ่นจื้อ พวกเขาคงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่นอน
“ซือหม่าผิง!”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลังซือหม่าผิงจึงหันกลับไปมอง เขาเห็นไป๋จิ่นจื้อที่นั่งอยู่บนหลังม้ากำลังส่งยิ้มให้เขา
ซือหม่าผิงคงดื่มเหล้ามากไปแล้วจริงๆ เขาเอนกายพิงเสาเคลือบน้ำมันสีแดงพลางมองไปทางไป๋จิ่นจื้อที่ยิ้มอย่างสดใสร่าเริงนิ่ง เขาไม่ได้ทำความเคารพหญิงสาว ทว่า ใช้มือเท้าคางจ้องไปทางนางนิ่ง
“ไปเยี่ยมคุณหนูสามบนภูเขามาหรือ”
ตระกูลไป๋บอกกับคนภายนอกว่าคุณหนูสามตระกูลไป๋ซึ่งใบหน้าเสียโฉมอยู่บำเพ็ญเพียรให้ตระกูลไป๋อยู่บนภูเขาตั้งแต่ที่องค์หญิงใหญ่จากไป
ดังนั้นตระกูลไป๋จะส่งของใช้จำเป็นขึ้นไปบนภูเขาทุกวันที่สิบห้าเพื่อแสดงให้คนภายนอกเห็น ซือหม่าผิงคำนวณเวลาแล้วจึงคิดว่าไป๋จิ่นจื้อนำของใช้ขึ้นไปให้คุณหนูสามตระกูลไป๋บนภูเขา
“ใช่แล้ว เราได้ของดีมาจากตงอี๋มากมาย ข้าจึงนำไปให้พี่หญิงสาม”
ไป๋จิ่นจื้อเห็นท่าทีเมามายของซือหม่าผิงจึงยิ้มกว้างกว่าเดิม จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสะใจ
“หลู่หยวนเผิงอยู่ด้วยใช่หรือไม่! แม่ทัพเฉิงให้พวกเจ้าพักผ่อน ทว่า พวกเจ้ากลับออกมาดื่มเหล้า กฎของกองทัพไป๋เข้มงวด พวกเจ้าต้องโดนโทษโบยไม่น้อยแน่”
หลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงแทบไม่เคยแยกจากกัน ซือหม่าผิงอยู่ที่นี่หลู่หยวนเผิงก็คงอยู่เช่นเดียวกัน พวกเขาหนีไม้โบยของกองทัพไม่พ้นแน่! แค่คิดว่าพวกเขาจะโดนโบยจนก้นลายไป๋จิ่นจื้อก็มีความสุขมากแล้ว!
หลู่หยวนเผิงได้ยินเสียงของไป๋จิ่นจื้อก็เตรียมเดินออกมาทักทาย ทว่า เขาเห็นสีหน้าสะใจของไป๋จิ่นจื้อเสียก่อน
“เสี่ยวซื่อตระกูลไป๋ เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”
[1] เจี่ยหยวน หมายถึง บัณฑิตที่สอบได้อันดับหนึ่งของมณฑล